ของพุทธในเรื่องพิจารณากายสังขาร การเสื่อมสลายของอินทรีธาตุทั้ง 5 ที่ประกอบรวมกันเป็นร่างกายเรา ไม่น่าชื่นชม ไม่น่าพิศสมัย ไม่ควรยึดถือให้เป็นทุกข์ ซึ่งนั่นมันก็จริงมาก เราไม่เถียงในเรื่องนี้
ของคริสต์จะเป็นการมองให้เห็นคุณค่าในร่างกาย ร่างกายเป็นของขวัญจากพระเจ้า เอาแค่ประโยคนี้ก็พอมันทำให้เรารู้สึกใจฟูว่า ใช่ เราควรรักและดูแลร่างกายของเราให้ดีสิ ควรขอบคุณทุกส่วนของร่างกายด้วย ชำระล้าง แต่งเนื้อแต่งตัวให้สะอาดเรียบร้อย พุทธก็มีนะแต่แปลกมากพอถือศีลห้ามใช้ของหอม แล้วเราเคยนั่งสมาธิเดินจงกรม กลิ่นหุ่ย ๆ ของคนที่ปฏิบัติธรรมลอยมาเตะจมูกเป็นระยะ ๆ จากจิตใจจะสงบก็หงุดหงิด รู้สึกจิตเศร้าหมองมาก
ประเด็นอยู่ที่เอามาเปรียบเทียบแล้ว ของพุทธทำให้รู้สึกว่าร่างกายของเราน่ารังเกียจ ไม่ให้ยึดถือมาก ไม่ต้องปรุงแต่งมาก พอไม่ยึด ไม่แต่งอะไรเลยปล่อยตัวทรุดโทรมก็จิตใจเศร้าหมองห่อเหี่ยว ไปมีปัญหากับทางโลกอีกเรื่องการทำงาน ขาดความน่าเชื่อถือ บุคลิกไม่ดี เงินก็ไม่เข้าอีกเพราะความมั่นใจมันมาไม่เต็ม แถมป่วยเป็นโรครุมเร้ากันอีกเพราะไม่ดูแลแต่เนิ่น ๆ กลิ่นไม่น่าเข้าใกล้
ของคริสต์พอฟังสิ่งที่สอนรู้สึกว่า เราก็ต้องดูแลร่างกายเราให้ดีสิ จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินรักษามากมาย เราเป็นของขวัญของโลกนี้ ฟังแล้วรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น ดูโลกนี้เต็มไปด้วยความหวังมากกว่าทางพุทธที่ให้มองว่าเดี๋ยวก็เสื่อมสลาย แปรสภาพไป นั่นก็จริงอยู่ที่ให้ปลงสังขารไม่ยึดติดมาก ไม่ดึงดูดผู้คน แล้วชีวิตไม่โต เหมือนมีการสะกดจิตไม่ให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ไม่ให้เตรียมพร้อมทางการเงินเพื่อไว้ดูแลร่างกาย ให้ปลงๆๆๆๆ เพราะมันเป็นแค่เรื่องธรรมดาเดี๋ยวก็เปลี่ยนแปลงไรงี้
คนอื่นไม่รู้คิดแบบเราป่าวนะ
คำสอนของศาสนาพุทธกับศาสนาคริสต์ เรื่อง ร่างกายและสังขาร ทำไมต่างกัน
ของคริสต์จะเป็นการมองให้เห็นคุณค่าในร่างกาย ร่างกายเป็นของขวัญจากพระเจ้า เอาแค่ประโยคนี้ก็พอมันทำให้เรารู้สึกใจฟูว่า ใช่ เราควรรักและดูแลร่างกายของเราให้ดีสิ ควรขอบคุณทุกส่วนของร่างกายด้วย ชำระล้าง แต่งเนื้อแต่งตัวให้สะอาดเรียบร้อย พุทธก็มีนะแต่แปลกมากพอถือศีลห้ามใช้ของหอม แล้วเราเคยนั่งสมาธิเดินจงกรม กลิ่นหุ่ย ๆ ของคนที่ปฏิบัติธรรมลอยมาเตะจมูกเป็นระยะ ๆ จากจิตใจจะสงบก็หงุดหงิด รู้สึกจิตเศร้าหมองมาก
ประเด็นอยู่ที่เอามาเปรียบเทียบแล้ว ของพุทธทำให้รู้สึกว่าร่างกายของเราน่ารังเกียจ ไม่ให้ยึดถือมาก ไม่ต้องปรุงแต่งมาก พอไม่ยึด ไม่แต่งอะไรเลยปล่อยตัวทรุดโทรมก็จิตใจเศร้าหมองห่อเหี่ยว ไปมีปัญหากับทางโลกอีกเรื่องการทำงาน ขาดความน่าเชื่อถือ บุคลิกไม่ดี เงินก็ไม่เข้าอีกเพราะความมั่นใจมันมาไม่เต็ม แถมป่วยเป็นโรครุมเร้ากันอีกเพราะไม่ดูแลแต่เนิ่น ๆ กลิ่นไม่น่าเข้าใกล้
ของคริสต์พอฟังสิ่งที่สอนรู้สึกว่า เราก็ต้องดูแลร่างกายเราให้ดีสิ จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินรักษามากมาย เราเป็นของขวัญของโลกนี้ ฟังแล้วรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น ดูโลกนี้เต็มไปด้วยความหวังมากกว่าทางพุทธที่ให้มองว่าเดี๋ยวก็เสื่อมสลาย แปรสภาพไป นั่นก็จริงอยู่ที่ให้ปลงสังขารไม่ยึดติดมาก ไม่ดึงดูดผู้คน แล้วชีวิตไม่โต เหมือนมีการสะกดจิตไม่ให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ไม่ให้เตรียมพร้อมทางการเงินเพื่อไว้ดูแลร่างกาย ให้ปลงๆๆๆๆ เพราะมันเป็นแค่เรื่องธรรมดาเดี๋ยวก็เปลี่ยนแปลงไรงี้
คนอื่นไม่รู้คิดแบบเราป่าวนะ