แพคกระเป๋าไปตามหาจระเข้กินน้ำที่กำแพงเพชรกัน go go...

สวัสดีค่ะ คนชอบเที่ยวทุกคน

วันนี้จะมาชวนไปเที่ยวเมืองรองที่มีธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่สวยงามกัน นั่นก็คือจังหวัดกำแพงเพชรค่ะ คือตอนแรกเราอยากไปตามหาหินที่เหมือนจระเข้ตัวใหญ่กำลังชูคอกินน้ำที่น้ำตกคลองลาน ก็ลองหาข้อมูลที่เที่ยวอื่นจึงพบว่ากำแพงเพชรมีเมืองเก่าร่วมยุคสมัยเดียวกับสุโขทัยด้วย

วันลาเหลือ 2 วันพอดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สิ้นเดือนพฤศจิกายน ยื่นใบลา แล้วเก็บกระเป๋าแพคเต๊นท์ใส่ท้ายรถไปกันเล๊ยยย...

ทริปนี้ไปคนเดียว ตี 5 ล้อหมุนจาก กทม. ขับไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็แวะเติมข้าวเช้าเติมกาแฟ กว่าจะถึงก็เกือบ 11โมง

ที่แรกก็ไปอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรก่อนเลย

สามารถขับรถเข้าเที่ยวชมได้เลย มี2ฝั่งถ้าจะเข้าทั้ง 2 ฝั่งสามารถซื้อบัตรเข้าได้ทีเดียวเลยค่ะ









จินตนาการย้อนไปในสมัยรุ่งเรืองน่าจะยิ่งใหญ่และสวยงามมากทีเดียว

เที่ยวชมครบทั้ง 2ฝั่งแลัวก็ได้เวลาอาหารกลางวัน หาอะไรง่าย ๆ ทานที่ร้านยะหมี่ชากังราวก็แล้วกัน



อิ่มแล้วก็เดินทางต่อไปอุทยานแห่งชาติคลองลาน จากตัวเมืองกำแพงเพชรใช้เวลาขับรถต่อไปอีกชั่วโมงเศษ ๆ ถึงแล้วก็ซื้อบัตรเข้า แล้วไปลงทะเบียนกางเต๊นท์กันก่อน จากนั้นก็มาเลือกที่กางกันได้เลย

อุทยานมีลานกางเต๊นท์อยู่ 2ลาน คือลานบ้านเสือและลานวังปลาเวียน ปักสมอที่ลานวังปลาเวียนแล้วกันเย็นวันศุกร์มีเพื่อนกางหลายเต๊นท์เลย

กางเต็นเสร็จแล้วนั่งพักสักแป๊บ อากาศเริ่มเย็นต้องรีบไปอาบน้ำก่อนค่อยมาทำกับข้าวง่าย ๆ คืนนี้ก็นอนฟังเสียงน้ำตกเพลินไป

ตอนเช้าเราก็รีบตื่นมาจะได้ไปชมน้ำตกก่อนใคร อากาศเช้านี้ 12 องศา เย็นชื่นใจมาก และน้ำตกคลองลานนั้นสวยสะกดมาก คุ้มกับการมาเที่ยวจริง ๆ







ดูน้ำตกแล้วก็กลับมาเก็บเต๊นท์

เราจะไปต่อกันที่ช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคลองลานมากนัก แต่ทางขึ้นค่อนข้างแคบและโค้งเยอะต้องขับระวังมาก ๆ









มองเห็นได้ไกลสุดสายตาเลย

ยังไม่หมดวันลงจากช่องเย็นแล้วไปต่อกันที่ หุบป่าตาด จ.อุทัยธานี กันค่ะ และคืนนี้ก็จะไปปักสมอกันแถวหุบป่าตาดนั่นแหละ











ออกจากหุบป่าตาดขับรถต่อเข้ามาข้างในมีรีสอร์ทและลานกางเต๊นท์หลายที่ และเราก็มาปักสมอที่หุบป่าตาดแคมป์ ค่ากางเต๊นท์คนละ 100บาท ลานกว้างและบรรยากาศดี แต่พอพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาเท่านั้นแหละ หนาวเลยทีเดียว พักผ่อนคืนนี้อีกคืนวันรุ่งขึ้นก็จะขับรถกลับกรุงเทพ

แต่มาถึงอุทัยธานีทั้งทีจะไม่ไหว้พระทำบุญเลยก็ไม่ใช่ที่เช้าวันสิ้นเดือน พ.ย. ไปวัดท่าซุงกันเถอะ เคยเห็นแต่ในรูปวิหารแก้วสวยงาม ขอไปดูด้วยตาเนื้อสักครั้ง











วัดจันทารามหรือที่คุ้นกันในชื่อวัดท่าซุง ได้มาเห็นด้วยตาถึงความงดงาม การประดับด้วยกระจกไม่ใช่เพียงความสวยงามแต่ยังแฝงด้วยคติธรรม การมองเข้าไปในกระจกสิ่งที่เห็นคือตัวเรา กระจกสะท้อนทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีของเรา ดังนั้นเราจึงต้องปรับที่ตัวเราก่อนที่เราจะไปสะท้อนคนอื่น

จบทริปไปคนเดียวครั้งแรกของปี 2568  ขับรถกลับกรุงเทพอีกประมาณ 3ชั่วโมงเศษ ถึงเย็นพอดีมีเวลาพักผ่อนสำหรับวันพรุ่งนี้ที่ต้องไปทำงานในเดือนสุดท้ายของปี

หลายคนอยากลองไปเที่ยวคนเดียว แต่ยังไม่กล้าเริ่ม ลองหาทริปใกล้ ๆ ไปดูก่อน เที่ยวคนเดียวไม่ได้น่ากลัวและไม่ได้ยาก ได้ลองแล้วจะติดใจนะเออ

ขอบคุณผู้เยี่ยมชมกระทู้นี้ สวัสดีค่ะ
เพี้ยนสวัสดี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่