รีวิว Let’s Relax Onsen Ratchadamri Review ออนเซ็น วิวพันล้าน ย่านราชดำริ ในโรงแรม Grande Centre Point Prestige Bangkok
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมแวะมารีวิว Destination ใหม่สุดปังที่ผมเพิ่งไปชาร์จพลังมาครับ รับรองว่าคนรักออนเซ็นอย่างพวกเราต้องไม่พลาดเลย! ที่นี่คือ Let’s Relax Onsen Ratchadamri ครับ ถือเป็น Onsen สาขาที่ 4 ของเค้าแล้วนะ ทำให้ Let's Relax กลายเป็นเครือที่มีออนเซ็นเยอะที่สุดในไทยไปเลย สุดยอดจริงๆครับ

.
แต่ที่ผมบอกว่าสาขานี้มันพิเศษแบบ... ต้องไปให้ได้เนี่ย มันมีเหตุผลครับ!
.
1. โลเคชั่นและวิว (Location and The View)
อย่างแรกเลยคือเรื่องของทำเลครับ! ที่นี่ตั้งอยู่บน ชั้น 10 ของโรงแรม Grande Centre Point Prestige Bangkok ที่ถนนราชดำริ คือเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวสุดหรู เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ อยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกมากครับ
แต่ทีเด็ดของจริงที่ทำให้ที่นี่เหนือกว่าใคร และเป็นอันดับ 1 ในใจผมตอนนี้ คือ วิว ครับ เค้ามาพร้อมกับ วิวสนามกอล์ฟราชกรีฑาสโมสร (RBSC) ครับทุกคน ลองนึกภาพตามผมนะ เราแช่ออนเซ็นร้อนๆ สบายๆ แล้วมองออกไปเห็น ทัศนียภาพอันเขียวขจีใจกลางเมือง ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา วิวนี่คือหลักพันล้าน บอกเลยว่ามันคือที่สุดของความผ่อนคลายแน่นอน มันให้ฟีลเหมือนเราพักผ่อนในรีสอร์ตหรูๆ เลยครับ ทั้งๆ ที่อยู่กลางกรุงเทพฯ เนี่ยนะ! ผมกล้าพูดเลยว่า วิวออนเซ็นที่นี่สวยงามมาก เป็นอันดับ 1 ของไทยในปัจจุบันเลยครับผม
.
2. บรรยากาศและการออกแบบ (Atmosphere and Design)
แค่ก้าวเข้ามานะ...ความรู้สึกแรกคือเหมือนวาร์ปไปญี่ปุ่นเลยครับ พื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตรนี้ เค้าจัดเต็มเรื่องดีไซน์มาก มันเต็มไปด้วย กลิ่นอายความงามของสถาปัตยกรรมโบราณญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากย่านฮิกาชิยามะ (Higashiyama) ในเกียวโต ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์สุดๆ
เค้าหยิบเอา รายละเอียดของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม มาใช้ในการออกแบบตกแต่ง ทั้งส่วนของโครงหลังคา เสา เพดาน ผนัง วัสดุที่ใช้ก็เป็น วัสดุธรรมชาติ ในสไตล์ Harmony of Natural Materials เพื่อสื่อถึงความเรียบง่ายและกลมกลืนกับความเป็นธรรมชาติในแง่ปรัชญาของญี่ปุ่นเลยครับ. แสงไฟก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ให้ความรู้สึก อบอุ่น นุ่มนวล ทำให้เรารู้สึกสบายและผ่อนคลายที่สุดขณะอยู่ในพื้นที่ และดูเข้ากันได้ดีกับวิวนอกหน้าต่างได้อย่างดีเยี่ยมครับ
.
3. โซน Onsen และบ่อต่างๆ (The Heart of Relaxation)
มาถึงบ่อออนเซ็นกันบ้าง ที่นี่มีบ่อให้เลือกเยอะมากครับ โดยโซนนี้จะแยกส่วนกันระหว่าง ชาย หญิง นะครับ ภายในพื้นที่ออนเซ็นได้ติดตั้งฟิล์ม 3M NV15 เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ภายนอกมองเข้ามาก็ไม่เห็น สบายใจได้เลยครับ
•บ่อน้ำแร่เกโระ (Gero Hot Springs Bath – 42°C): บ่อไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เลยครับ เค้าเอา น้ำแร่จากแหล่ง Gero จังหวัด Takayama มาเลยนะ ซึ่งเค้ากล่าวขานว่าเป็น 1 ใน 3 แหล่งน้ำแร่ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
•บ่อซิลค์บาธ (Silk Bath – 41°C): บ่อนี้เด็ดตรงที่ฟองออกซิเจนเล็กละเอียดมันอัดแน่นจนน้ำเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ฟองเหล่านี้จะช่วยทำให้เรา ชุ่มชื่น และมีสุขภาพดี
•บ่อโซดา (Carbonate Soda Bath – 36 – 38°C): ฟองโซดาละเอียดจะช่วยให้เราผ่อนคลาย ทั้งร่างกายและจิตใจ ที่สำคัญบ่อนี้ในโซนผู้ชาย อยู่บริเวณมุมของตึก สามารถชมวิวไปด้วย คือฟินสุดๆครับ
•บ่อน้ำวน (Whirlpool Bath – 38°C): อันนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีหัว Jet พ่นฟองอากาศนวดผ่อนคลายได้ทุกส่วนแรงดันน้ำจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ, รู้สึกว่าลดอาการปวดเมื่อย ได้ดีเลยครับ
•บ่อน้ำเย็น (Cold Bath – 17°C): แนะนำให้แช่สลับกับน้ำร้อนนะ เพราะน้ำเย็นช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้ผิวเรารู้สึกกระชับ การอาบน้ำร้อนน้ำเย็นสลับกันอย่างต่อเนื่องนี้แหละครับ ที่จะช่วยให้สดชื่น จิตใจได้รับการบำบัดผ่อนคลาย และร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่

.
นอกจากนี้ในโซนออนเซ็นยังมี ห้องอบไอน้ำและซาวน่า ที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและขับเหงื่อ, รวมถึงมี ห้องอาคาซูริสครับ สำหรับการขัดผิวตามวิถีญี่ปุ่นดั้งเดิมให้ผิวนุ่มนวลและเรียบเนียนยิ่งขึ้นด้วยนะครับ โดยการขัดผิวมีค่าบริการเพิ่มเติมครับ

.
4. โซนห้องพักผ่อนอื่นๆ
แช่น้ำเสร็จแล้วก็มาต่อที่โซนพักผ่อนครับ (เวลาใช้บริการในโซนนี้ ลูกค้าจะใส่ชุด Jinbei สั้นกันนะครับ)
•Hot Stone Bed Bath (42 – 44°C): ห้องหินร้อนนี่คือต้องลองเลย เราจะได้นอนผ่อนคลายบนความร้อนจากหินภูเขาไฟ บวกกับ ไอเกลือหิมาลายัน ที่มีแร่ธาตุถึง 84 ชนิด และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของ ไม้ฮิโนกิ (Hinoki). การสูดไอเกลือเข้าไปจะช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งดีขึ้น. แถมความร้อนยังช่วยปล่อยประจุลบและรังสีอินฟาเรดระยะไกลออกมา ทำให้ร่างกายสดชื่น และช่วยขับเหงื่อได้ด้วย
•ถ้าอยากเอนหลังแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ก็ไปที่ Relaxing Room ครับ. พื้นปูด้วยเสื่อ Tatami หอมอ่อนๆ ที่ช่วยเสริมความรู้สึกผ่อนคลายและสงบได้ดีมาก
•ส่วนใครที่อยากสัมผัสความเย็นยะเยือก ก็ต้องไปลอง Cold Room ที่ออกแบบมาเหมือน ถ้ำน้ำแข็ง โดยมีอุณหภูมิประมาณ 5°C เลยครับ

.
5. โซนรับประทานอาหาร
หิวแล้วก็ไม่ต้องไปไหนไกลครับ! ที่นี่มีโซนอาหารและเครื่องดื่มของแบรนด์ OHB Café and Meal ให้บริการ ตัวคาเฟ่เองก็ถ่ายทอดบรรยากาศความสงบแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม การออกแบบได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมบ้านเรือนไม้เกียวโต ฮิกาชิยาม่ามีการจำลองโครงหลังคาไม้แบบซุ้มประตูวัดเรียวอันจิด้วยนะ. บรรยากาศภายในตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น ชวนให้เรามาใช้เวลาพักผ่อนหลังแช่ออนเซ็นได้แบบเพลินๆ และที่สำคัญสุดๆ คือที่นี่มี มุมริมกระจกที่มองเห็นวิวสีเขียวของสนามม้า ด้วยนะเพื่อนๆ ทำให้ทุกมื้ออาหารที่ OHB Café and Meal เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ในบรรยากาศญี่ปุ่นร่วมสมัยอย่างแท้จริง

.
6. พาชมโซนสปา
สุดท้ายสำหรับใครที่อยากผ่อนคลายต่อ เค้าก็แบ่งโซนสปาออกมาอย่างชัดเจนกับออนเซ็น ห้องทรีทเมนต์สำหรับ Foot Massage, Thai Massage, และ Oil Treatment ก็ออกแบบให้มีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณร่วมกับความโมเดิร์น
บริการก็มีครบเครื่องมากๆ ครับ:
•นวดอโรมาหินร้อน (ซิกเนเจอร์): อันนี้เป็นทรีทเมนต์ซิกเนเจอร์ของ Let’s Relax เลยครับ เค้าใช้หินภูเขาไฟนำเข้าคุณภาพสูง นวดกดจุดตามร่างกาย ทำให้ร่างกายผ่อนคลายทุกส่วน
•นอกจากนี้ก็มี นวดอโรมาน้ำมัน ซึ่งใช้เทคนิคแบบสวีดิช และ นวดแผนไทยประคบสมุนไพร ที่กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของลูกประคบจะช่วยให้กล้ามเนื้อลดอาการปวดเมื่อย/เกร็งลงได้ดี
•ใครที่ทำงานหนักจนเป็นออฟฟิศซินโดรม ต้องจัด นวดหลัง บ่า ไหล่ เลยนะครับ. เค้าเน้นกดจุดช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย/ตึง/เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ได้ดี, แถมยังช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับสบายขึ้นด้วย
•ยังมี นวดกดจุดฝ่าเท้า/ฝ่ามือ ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและอวัยวะภายใน, นวดหน้า, ขัดผิว (ช่วยขจัดไขมันส่วนเกินที่อุดตันในรูขุมขน) และ พอกผิว (ช่วยเติมความชุ่มชื้น) ด้วยนะ ครบวงจรมากๆ ครับ!

.
ผมบอกเลยว่า Let’s Relax Onsen Ratchadamri แห่งนี้ ค่าเข้าออนเซนหลักร้อย วิวหลักพันล้าน รับรองว่ามาแช่ onsen ที่นี่จะได้เติมเต็มร่างกายและจิตใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งบรรยากาศ บริการ และความผ่อนคลายที่พิเศษไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ! ต้องไปลองให้ได้นะครับ
[SR] รีวิว Let’s Relax Onsen Ratchadamri ออนเซ็น วิวพันล้าน ย่านราชดำริ ในโรงแรม Grande Centre Point Prestige Bangkok
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมแวะมารีวิว Destination ใหม่สุดปังที่ผมเพิ่งไปชาร์จพลังมาครับ รับรองว่าคนรักออนเซ็นอย่างพวกเราต้องไม่พลาดเลย! ที่นี่คือ Let’s Relax Onsen Ratchadamri ครับ ถือเป็น Onsen สาขาที่ 4 ของเค้าแล้วนะ ทำให้ Let's Relax กลายเป็นเครือที่มีออนเซ็นเยอะที่สุดในไทยไปเลย สุดยอดจริงๆครับ
.
แต่ที่ผมบอกว่าสาขานี้มันพิเศษแบบ... ต้องไปให้ได้เนี่ย มันมีเหตุผลครับ!
.
1. โลเคชั่นและวิว (Location and The View)
อย่างแรกเลยคือเรื่องของทำเลครับ! ที่นี่ตั้งอยู่บน ชั้น 10 ของโรงแรม Grande Centre Point Prestige Bangkok ที่ถนนราชดำริ คือเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวสุดหรู เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ อยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกมากครับ
แต่ทีเด็ดของจริงที่ทำให้ที่นี่เหนือกว่าใคร และเป็นอันดับ 1 ในใจผมตอนนี้ คือ วิว ครับ เค้ามาพร้อมกับ วิวสนามกอล์ฟราชกรีฑาสโมสร (RBSC) ครับทุกคน ลองนึกภาพตามผมนะ เราแช่ออนเซ็นร้อนๆ สบายๆ แล้วมองออกไปเห็น ทัศนียภาพอันเขียวขจีใจกลางเมือง ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา วิวนี่คือหลักพันล้าน บอกเลยว่ามันคือที่สุดของความผ่อนคลายแน่นอน มันให้ฟีลเหมือนเราพักผ่อนในรีสอร์ตหรูๆ เลยครับ ทั้งๆ ที่อยู่กลางกรุงเทพฯ เนี่ยนะ! ผมกล้าพูดเลยว่า วิวออนเซ็นที่นี่สวยงามมาก เป็นอันดับ 1 ของไทยในปัจจุบันเลยครับผม
.
2. บรรยากาศและการออกแบบ (Atmosphere and Design)
แค่ก้าวเข้ามานะ...ความรู้สึกแรกคือเหมือนวาร์ปไปญี่ปุ่นเลยครับ พื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตรนี้ เค้าจัดเต็มเรื่องดีไซน์มาก มันเต็มไปด้วย กลิ่นอายความงามของสถาปัตยกรรมโบราณญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากย่านฮิกาชิยามะ (Higashiyama) ในเกียวโต ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์สุดๆ
เค้าหยิบเอา รายละเอียดของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม มาใช้ในการออกแบบตกแต่ง ทั้งส่วนของโครงหลังคา เสา เพดาน ผนัง วัสดุที่ใช้ก็เป็น วัสดุธรรมชาติ ในสไตล์ Harmony of Natural Materials เพื่อสื่อถึงความเรียบง่ายและกลมกลืนกับความเป็นธรรมชาติในแง่ปรัชญาของญี่ปุ่นเลยครับ. แสงไฟก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ให้ความรู้สึก อบอุ่น นุ่มนวล ทำให้เรารู้สึกสบายและผ่อนคลายที่สุดขณะอยู่ในพื้นที่ และดูเข้ากันได้ดีกับวิวนอกหน้าต่างได้อย่างดีเยี่ยมครับ
.
3. โซน Onsen และบ่อต่างๆ (The Heart of Relaxation)
มาถึงบ่อออนเซ็นกันบ้าง ที่นี่มีบ่อให้เลือกเยอะมากครับ โดยโซนนี้จะแยกส่วนกันระหว่าง ชาย หญิง นะครับ ภายในพื้นที่ออนเซ็นได้ติดตั้งฟิล์ม 3M NV15 เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ภายนอกมองเข้ามาก็ไม่เห็น สบายใจได้เลยครับ
•บ่อน้ำแร่เกโระ (Gero Hot Springs Bath – 42°C): บ่อไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เลยครับ เค้าเอา น้ำแร่จากแหล่ง Gero จังหวัด Takayama มาเลยนะ ซึ่งเค้ากล่าวขานว่าเป็น 1 ใน 3 แหล่งน้ำแร่ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
•บ่อซิลค์บาธ (Silk Bath – 41°C): บ่อนี้เด็ดตรงที่ฟองออกซิเจนเล็กละเอียดมันอัดแน่นจนน้ำเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ฟองเหล่านี้จะช่วยทำให้เรา ชุ่มชื่น และมีสุขภาพดี
•บ่อโซดา (Carbonate Soda Bath – 36 – 38°C): ฟองโซดาละเอียดจะช่วยให้เราผ่อนคลาย ทั้งร่างกายและจิตใจ ที่สำคัญบ่อนี้ในโซนผู้ชาย อยู่บริเวณมุมของตึก สามารถชมวิวไปด้วย คือฟินสุดๆครับ
•บ่อน้ำวน (Whirlpool Bath – 38°C): อันนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีหัว Jet พ่นฟองอากาศนวดผ่อนคลายได้ทุกส่วนแรงดันน้ำจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ, รู้สึกว่าลดอาการปวดเมื่อย ได้ดีเลยครับ
•บ่อน้ำเย็น (Cold Bath – 17°C): แนะนำให้แช่สลับกับน้ำร้อนนะ เพราะน้ำเย็นช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้ผิวเรารู้สึกกระชับ การอาบน้ำร้อนน้ำเย็นสลับกันอย่างต่อเนื่องนี้แหละครับ ที่จะช่วยให้สดชื่น จิตใจได้รับการบำบัดผ่อนคลาย และร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่
.
นอกจากนี้ในโซนออนเซ็นยังมี ห้องอบไอน้ำและซาวน่า ที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและขับเหงื่อ, รวมถึงมี ห้องอาคาซูริสครับ สำหรับการขัดผิวตามวิถีญี่ปุ่นดั้งเดิมให้ผิวนุ่มนวลและเรียบเนียนยิ่งขึ้นด้วยนะครับ โดยการขัดผิวมีค่าบริการเพิ่มเติมครับ
.
4. โซนห้องพักผ่อนอื่นๆ
แช่น้ำเสร็จแล้วก็มาต่อที่โซนพักผ่อนครับ (เวลาใช้บริการในโซนนี้ ลูกค้าจะใส่ชุด Jinbei สั้นกันนะครับ)
•Hot Stone Bed Bath (42 – 44°C): ห้องหินร้อนนี่คือต้องลองเลย เราจะได้นอนผ่อนคลายบนความร้อนจากหินภูเขาไฟ บวกกับ ไอเกลือหิมาลายัน ที่มีแร่ธาตุถึง 84 ชนิด และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของ ไม้ฮิโนกิ (Hinoki). การสูดไอเกลือเข้าไปจะช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งดีขึ้น. แถมความร้อนยังช่วยปล่อยประจุลบและรังสีอินฟาเรดระยะไกลออกมา ทำให้ร่างกายสดชื่น และช่วยขับเหงื่อได้ด้วย
•ถ้าอยากเอนหลังแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ก็ไปที่ Relaxing Room ครับ. พื้นปูด้วยเสื่อ Tatami หอมอ่อนๆ ที่ช่วยเสริมความรู้สึกผ่อนคลายและสงบได้ดีมาก
•ส่วนใครที่อยากสัมผัสความเย็นยะเยือก ก็ต้องไปลอง Cold Room ที่ออกแบบมาเหมือน ถ้ำน้ำแข็ง โดยมีอุณหภูมิประมาณ 5°C เลยครับ
.
5. โซนรับประทานอาหาร
หิวแล้วก็ไม่ต้องไปไหนไกลครับ! ที่นี่มีโซนอาหารและเครื่องดื่มของแบรนด์ OHB Café and Meal ให้บริการ ตัวคาเฟ่เองก็ถ่ายทอดบรรยากาศความสงบแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม การออกแบบได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมบ้านเรือนไม้เกียวโต ฮิกาชิยาม่ามีการจำลองโครงหลังคาไม้แบบซุ้มประตูวัดเรียวอันจิด้วยนะ. บรรยากาศภายในตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น ชวนให้เรามาใช้เวลาพักผ่อนหลังแช่ออนเซ็นได้แบบเพลินๆ และที่สำคัญสุดๆ คือที่นี่มี มุมริมกระจกที่มองเห็นวิวสีเขียวของสนามม้า ด้วยนะเพื่อนๆ ทำให้ทุกมื้ออาหารที่ OHB Café and Meal เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ในบรรยากาศญี่ปุ่นร่วมสมัยอย่างแท้จริง
.
6. พาชมโซนสปา
สุดท้ายสำหรับใครที่อยากผ่อนคลายต่อ เค้าก็แบ่งโซนสปาออกมาอย่างชัดเจนกับออนเซ็น ห้องทรีทเมนต์สำหรับ Foot Massage, Thai Massage, และ Oil Treatment ก็ออกแบบให้มีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณร่วมกับความโมเดิร์น
บริการก็มีครบเครื่องมากๆ ครับ:
•นวดอโรมาหินร้อน (ซิกเนเจอร์): อันนี้เป็นทรีทเมนต์ซิกเนเจอร์ของ Let’s Relax เลยครับ เค้าใช้หินภูเขาไฟนำเข้าคุณภาพสูง นวดกดจุดตามร่างกาย ทำให้ร่างกายผ่อนคลายทุกส่วน
•นอกจากนี้ก็มี นวดอโรมาน้ำมัน ซึ่งใช้เทคนิคแบบสวีดิช และ นวดแผนไทยประคบสมุนไพร ที่กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของลูกประคบจะช่วยให้กล้ามเนื้อลดอาการปวดเมื่อย/เกร็งลงได้ดี
•ใครที่ทำงานหนักจนเป็นออฟฟิศซินโดรม ต้องจัด นวดหลัง บ่า ไหล่ เลยนะครับ. เค้าเน้นกดจุดช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย/ตึง/เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ได้ดี, แถมยังช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับสบายขึ้นด้วย
•ยังมี นวดกดจุดฝ่าเท้า/ฝ่ามือ ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและอวัยวะภายใน, นวดหน้า, ขัดผิว (ช่วยขจัดไขมันส่วนเกินที่อุดตันในรูขุมขน) และ พอกผิว (ช่วยเติมความชุ่มชื้น) ด้วยนะ ครบวงจรมากๆ ครับ!
.
ผมบอกเลยว่า Let’s Relax Onsen Ratchadamri แห่งนี้ ค่าเข้าออนเซนหลักร้อย วิวหลักพันล้าน รับรองว่ามาแช่ onsen ที่นี่จะได้เติมเต็มร่างกายและจิตใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งบรรยากาศ บริการ และความผ่อนคลายที่พิเศษไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ! ต้องไปลองให้ได้นะครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น