โลกหมุนรอบเธอ
ถ้าจะนับว่าเป็นละครที่เหมือนคิดมากที่สุดเรื่องนี้อาจเป็นอันดับหนึ่ง
แม้จะเป็นละครที่เคยเขียนถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
ส่วนใหญ่เป็นมุมที่พยายามเข้าใจผู้ผลิต
แต่วันนี้จะมองกลับมามุมของคนดูที่มองไม่เหมือนกับผู้ผลิต
จนละครก็เป็นแบบที่ออกอากาศออกมา
โลกหมุนรอบเธอก็เป็นความคิดร่วมกันของคุณแอนและคุณเอ
ความต้องการของคุณแอนเรื่องนี้ คือ คือเธอ 2.0
คือเธอ ก็เป็นเรื่องความรักของลูกคุณหนูใจแตกกับเด็กหนุ่มที่ไม่มีอนาคต
พอทำเรื่องต่อมาก็คงให้พระนางมีสีเทามากขึ้นตามความคิดผู้จัด
ตามแนวทางการหาบทบาทที่แตกต่างใส่เข้าไปในตัวละครด้วย
ให้นักแสดงได้ไปเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ เรื่องนี้อาจจะเยอะเป็นพิเศษ
ส่วนคุณเอหน้าละครต้องการให้เป็นละครที่ไม่เหมือนละครทั่วไป
เล่าเรื่องการเติบโตของคนที่ผูกพันกันที่เกินเพื่อนไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
เส้นทางชีวิตที่ต้องแตกต่างกันไปด้วยจุดเปลี่ยนให้ตัวละครต้องเติบโต
และแต่ละตอนคนดูจะต้องคาดเดาไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
และทุกอย่างก็ดำเนินไปตามเราเห็นกันทั้งเรื่อง
เมื่อความต้องการของสองผู้จัดออกมาแบบนี้
ทำให้ทั้งบทโทรทัศน์ การกำกับและนักแสดงที่เล่นเรื่องนี้ถูกท้าทาย
เพราะมันจะไม่เหมือนละครขนบที่พวกเขาที่คุ้นเคยมา
และต้องยอมรับว่าความคิดมากของผู้ผลิตก็อาจทำให้มองข้าม
สิ่งที่คนดูสะท้อนมาจากเรื่องนี้ที่ทีมผลิตคิดไปไม่ถึงด้วย
โดยเฉพาะตัวละคร มานะ และ ตะวัน
ที่คนดูมองตะวันอาจดำเกินกว่าสีเทา และมานะก็ดูขาวเกินจนดูไม่เทา
ความท้าทายสำคัญก็มาตกสามส่วนหลักในของเรื่องนี้
ผู้กำกับเรื่องนี้เป็นการท้าทายการกำกับละครของคุณแอ้วครั้งหนึ่ง
บางเรื่องจะเคมียากแค่ไหน เรื่องราวจะหวานน้อยแต่คุณแอ้วก็ปั้นได้ทุกเรื่อง
แต่เรื่องนี้การกำกับบทตะวันกับมานะต้องเป็นแบบไหนจะให้เป็นเพื่อนหรือพระนาง
บทบาทมันก็ไม่ชัดเจนจนคนดูไม่รู้จะเอายังไงกับความสัมพันธ์คู่นี้กันแน่
เพราะสักพักตัวละครแต่ละคนก็ไปสร้างความสัมพันธ์กับอีกคน
และการกำกับเรื่องนี้ไม่ได้สามารถช่วยให้คนดูเข้าใจละครต้องการอะไร
ลองเทียบเรื่องนี้กับตอนกำกับหนึ่งในร้อยมันต่างกันชัดเจน
โบว์ เมลดา นักแสดงที่ผู้ผลิตไม่ได้คิดว่าจะโดนผลตอบรับตัวละครแบบนี้
ก็คงคิดว่าได้เห็นหลายบทบาทที่จะให้ โบว์ เล่น
แต่กลายเป็นว่าตัวละครตะวันมีอิมแพคกับคนดูที่มองตัวละครไม่ดีเท่าไหร่
ความคิดคนดูว่าตะวันมีอะไรถึงมีผู้ชายมารุมล้อมรุมรักกันได้ทั้งเรื่อง
ซึ่งผู้ผลิตอาจจะคิดว่าก็ไม่ได้แปลกตะวันก็คนสวยนะ จะมีคนชอบก็ไม่แปลก
พอไม่มีความเชื่อที่มากพอ คนดูก็ไปตัดสินจากสิ่งที่ดูแล้วมองว่าตะวันไม่ดี
มันก็กระทบนักแสดงในวันเวลาที่เล่นเรื่องนั้นที่ไม่ใช่วันนี้
แต่ก็คิดว่าถ้าเอา โบว์ เมลดาในวันนี้เล่นบทตะวันก็คงไม่ต่างกัน
และอาจทำให้ภาพลักษณ์มันดูไม่บวกตัวนักแสดงแน่นอน
เจมส์ จิรายุ พระเอกที่คนดูรู้สีกเสียดายการแลกที่ดูจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่
ก็เป็นความท้าทายในสารพัดเหตุการณ์ให้คุณพี่ยัดมาให้คุณน้องเล่น
บทมานะที่โลกสวยเกินไป แต่พอเจมส์เล่นคนดูจะรู้สึกเอาใจช่วยไปอีก
เลยไม่ได้มองว่าตรรกะตัวละครตัวนี้มันแปลกกว่าตะวันและชินอีก
และพอมานะมันดีแค่ไหน ตะวันยิ่งดูเลวร้ายในสายตัวคนดูมากเท่านั้น
บางทีผู้ผลิตคิดว่านักแสดงเล่นได้อยู่แล้ว มีความสามารถ
แต่ความรู้สีกคนดูที่ผู้ผลิตอาจลืมประเมินไปว่า
ก็คุณเอาพระเอกช่องมาเล่นแต่บอกว่าเขาเป็นแค่เพื่อนนางเอก
คนติดตามก็รู้สึกเขาไม่ใช่พระเอกของเรื่องนี้ แล้วมันจะไปทางไหน
พอคนดูก็รับสารว่าเพื่อนกันนักแสดงก็เล่นให้เห็นว่าเป็นเพื่อนเนียนกันไป
แต่วันดีคืนดีคุณให้เขาสร้างความสัมพันธ์หมิ่นเหม่เกินเพื่อนขึ้นมา
คำถามจากคนดูคือจะให้คู่นี้เป็นพระนางไหมจะได้ฟินหรือจะให้เป็นเพื่อนสนิทคิดเกินเพื่อนไป
พอตัวละครกำลังจะเดินไปเส้นทางชีวิตของตัวเองแต่มันไม่จบ
คุณมาเฉลยว่าเขาคือพระเอกของเรื่องนี้แล้วลากบทมานะมาในบทบาทไม่มีใครคาดคิด
คือไม่ได้เป็นมานะที่คู่กับใครสักคนในเรื่อง แต่คือกลับมาคู่ตะวัน
คนที่ดูคงคิดว่าจะทำเรื่องวุ่นวายให้นักแสดงมันเปลี่ยนสถานะไปมาทำไม
ให้พระเอกช่องมาเล่นบทไม่ใช่พระเอก และก็ดำเนินเรื่องไปตามเรื่อง
อยู่ ๆ คุณก็ให้กลับมารับบทนำที่เป็นพระเอกของเรื่องในสถานะสีเทาคนก็ร้องเฮ้ยกันไป
ต่อให้เป็น เจมส์ จิรายุ หรือพระเอกคนไหนมาเล่นแล้วเจอสถานะตัวละครเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา
ก็คงจะเป็นที่เข้าใจยากของคนที่ดูเรื่องนี้กันทั้งนั้น
ก็เป็นความคิดมากของผู้ผลิต ที่ทำให้ผลตอบรับเป็นแบบที่เกิดขึ้น
และเป็นไปตามความต้องการของผู้จัดร่วมกันที่ต้องการ
ผลลัพธ์ที่ต้องการพาเขามาเป็นพระนางแบบสีเทาดังที่คุณแอนต้องการ
และละครทำแต่ละตอนจนถึงตอนจบได้เหนือความคาดหมายแบบที่คุณเอต้องการเหมือนกัน
เรียกว่าทุกคนที่เข้ามาในเรื่องนี้ต้องหมุนตามโลกของผู้จัดที่คิดและสร้างเอาไว้
เรื่องนี้คงเป็นฟางเส้นสุดท้ายของละครคิดมากที่ผลิตกันมาในรอบ 3 ปี ของสถานี
เพื่อตอบรับแนวคิดของสถานีที่อยากมี content สู้กับ platform อื่นได้
มีบทบาทการแสดงที่ท้าทายให้นักแสดงเล่น เล่นที่สังกัดตัวเองก็มีอะไรให้ทำได้
แต่ผลตอบรับมันออกมาแบบนี้ก็อาจเป็นจุดที่สถานีก็ให้โอกาสนักแสดง
ไปรับบทที่กว้างกว่านี้ในพื้นที่อื่นได้ เพราะจะไม่ต้องแคร์เรตติง โฆษณา
และความรู้สึกของคนดูของสถานีที่จะรับได้หรือรับไม่ได้
จะได้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายที่ไม่ต้องมาเจอละครที่กระบวนการคิดมากมาย
แต่ผลตอบรับแทบจะไม่ได้อะไรเลยอย่างที่ผ่านมา
จนทำให้สถานีต้องมีแนวทางละครของตัวเองที่ชัดเจนที่จะนำเสนอต่อไป
โลกหมุนรอบเธอ เมื่อทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องหมุนไปตามโลกของผู้จัด
ถ้าจะนับว่าเป็นละครที่เหมือนคิดมากที่สุดเรื่องนี้อาจเป็นอันดับหนึ่ง
แม้จะเป็นละครที่เคยเขียนถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
ส่วนใหญ่เป็นมุมที่พยายามเข้าใจผู้ผลิต
แต่วันนี้จะมองกลับมามุมของคนดูที่มองไม่เหมือนกับผู้ผลิต
จนละครก็เป็นแบบที่ออกอากาศออกมา
โลกหมุนรอบเธอก็เป็นความคิดร่วมกันของคุณแอนและคุณเอ
ความต้องการของคุณแอนเรื่องนี้ คือ คือเธอ 2.0
คือเธอ ก็เป็นเรื่องความรักของลูกคุณหนูใจแตกกับเด็กหนุ่มที่ไม่มีอนาคต
พอทำเรื่องต่อมาก็คงให้พระนางมีสีเทามากขึ้นตามความคิดผู้จัด
ตามแนวทางการหาบทบาทที่แตกต่างใส่เข้าไปในตัวละครด้วย
ให้นักแสดงได้ไปเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ เรื่องนี้อาจจะเยอะเป็นพิเศษ
ส่วนคุณเอหน้าละครต้องการให้เป็นละครที่ไม่เหมือนละครทั่วไป
เล่าเรื่องการเติบโตของคนที่ผูกพันกันที่เกินเพื่อนไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
เส้นทางชีวิตที่ต้องแตกต่างกันไปด้วยจุดเปลี่ยนให้ตัวละครต้องเติบโต
และแต่ละตอนคนดูจะต้องคาดเดาไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
และทุกอย่างก็ดำเนินไปตามเราเห็นกันทั้งเรื่อง
เมื่อความต้องการของสองผู้จัดออกมาแบบนี้
ทำให้ทั้งบทโทรทัศน์ การกำกับและนักแสดงที่เล่นเรื่องนี้ถูกท้าทาย
เพราะมันจะไม่เหมือนละครขนบที่พวกเขาที่คุ้นเคยมา
และต้องยอมรับว่าความคิดมากของผู้ผลิตก็อาจทำให้มองข้าม
สิ่งที่คนดูสะท้อนมาจากเรื่องนี้ที่ทีมผลิตคิดไปไม่ถึงด้วย
โดยเฉพาะตัวละคร มานะ และ ตะวัน
ที่คนดูมองตะวันอาจดำเกินกว่าสีเทา และมานะก็ดูขาวเกินจนดูไม่เทา
ความท้าทายสำคัญก็มาตกสามส่วนหลักในของเรื่องนี้
ผู้กำกับเรื่องนี้เป็นการท้าทายการกำกับละครของคุณแอ้วครั้งหนึ่ง
บางเรื่องจะเคมียากแค่ไหน เรื่องราวจะหวานน้อยแต่คุณแอ้วก็ปั้นได้ทุกเรื่อง
แต่เรื่องนี้การกำกับบทตะวันกับมานะต้องเป็นแบบไหนจะให้เป็นเพื่อนหรือพระนาง
บทบาทมันก็ไม่ชัดเจนจนคนดูไม่รู้จะเอายังไงกับความสัมพันธ์คู่นี้กันแน่
เพราะสักพักตัวละครแต่ละคนก็ไปสร้างความสัมพันธ์กับอีกคน
และการกำกับเรื่องนี้ไม่ได้สามารถช่วยให้คนดูเข้าใจละครต้องการอะไร
ลองเทียบเรื่องนี้กับตอนกำกับหนึ่งในร้อยมันต่างกันชัดเจน
โบว์ เมลดา นักแสดงที่ผู้ผลิตไม่ได้คิดว่าจะโดนผลตอบรับตัวละครแบบนี้
ก็คงคิดว่าได้เห็นหลายบทบาทที่จะให้ โบว์ เล่น
แต่กลายเป็นว่าตัวละครตะวันมีอิมแพคกับคนดูที่มองตัวละครไม่ดีเท่าไหร่
ความคิดคนดูว่าตะวันมีอะไรถึงมีผู้ชายมารุมล้อมรุมรักกันได้ทั้งเรื่อง
ซึ่งผู้ผลิตอาจจะคิดว่าก็ไม่ได้แปลกตะวันก็คนสวยนะ จะมีคนชอบก็ไม่แปลก
พอไม่มีความเชื่อที่มากพอ คนดูก็ไปตัดสินจากสิ่งที่ดูแล้วมองว่าตะวันไม่ดี
มันก็กระทบนักแสดงในวันเวลาที่เล่นเรื่องนั้นที่ไม่ใช่วันนี้
แต่ก็คิดว่าถ้าเอา โบว์ เมลดาในวันนี้เล่นบทตะวันก็คงไม่ต่างกัน
และอาจทำให้ภาพลักษณ์มันดูไม่บวกตัวนักแสดงแน่นอน
เจมส์ จิรายุ พระเอกที่คนดูรู้สีกเสียดายการแลกที่ดูจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่
ก็เป็นความท้าทายในสารพัดเหตุการณ์ให้คุณพี่ยัดมาให้คุณน้องเล่น
บทมานะที่โลกสวยเกินไป แต่พอเจมส์เล่นคนดูจะรู้สึกเอาใจช่วยไปอีก
เลยไม่ได้มองว่าตรรกะตัวละครตัวนี้มันแปลกกว่าตะวันและชินอีก
และพอมานะมันดีแค่ไหน ตะวันยิ่งดูเลวร้ายในสายตัวคนดูมากเท่านั้น
บางทีผู้ผลิตคิดว่านักแสดงเล่นได้อยู่แล้ว มีความสามารถ
แต่ความรู้สีกคนดูที่ผู้ผลิตอาจลืมประเมินไปว่า
ก็คุณเอาพระเอกช่องมาเล่นแต่บอกว่าเขาเป็นแค่เพื่อนนางเอก
คนติดตามก็รู้สึกเขาไม่ใช่พระเอกของเรื่องนี้ แล้วมันจะไปทางไหน
พอคนดูก็รับสารว่าเพื่อนกันนักแสดงก็เล่นให้เห็นว่าเป็นเพื่อนเนียนกันไป
แต่วันดีคืนดีคุณให้เขาสร้างความสัมพันธ์หมิ่นเหม่เกินเพื่อนขึ้นมา
คำถามจากคนดูคือจะให้คู่นี้เป็นพระนางไหมจะได้ฟินหรือจะให้เป็นเพื่อนสนิทคิดเกินเพื่อนไป
พอตัวละครกำลังจะเดินไปเส้นทางชีวิตของตัวเองแต่มันไม่จบ
คุณมาเฉลยว่าเขาคือพระเอกของเรื่องนี้แล้วลากบทมานะมาในบทบาทไม่มีใครคาดคิด
คือไม่ได้เป็นมานะที่คู่กับใครสักคนในเรื่อง แต่คือกลับมาคู่ตะวัน
คนที่ดูคงคิดว่าจะทำเรื่องวุ่นวายให้นักแสดงมันเปลี่ยนสถานะไปมาทำไม
ให้พระเอกช่องมาเล่นบทไม่ใช่พระเอก และก็ดำเนินเรื่องไปตามเรื่อง
อยู่ ๆ คุณก็ให้กลับมารับบทนำที่เป็นพระเอกของเรื่องในสถานะสีเทาคนก็ร้องเฮ้ยกันไป
ต่อให้เป็น เจมส์ จิรายุ หรือพระเอกคนไหนมาเล่นแล้วเจอสถานะตัวละครเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา
ก็คงจะเป็นที่เข้าใจยากของคนที่ดูเรื่องนี้กันทั้งนั้น
ก็เป็นความคิดมากของผู้ผลิต ที่ทำให้ผลตอบรับเป็นแบบที่เกิดขึ้น
และเป็นไปตามความต้องการของผู้จัดร่วมกันที่ต้องการ
ผลลัพธ์ที่ต้องการพาเขามาเป็นพระนางแบบสีเทาดังที่คุณแอนต้องการ
และละครทำแต่ละตอนจนถึงตอนจบได้เหนือความคาดหมายแบบที่คุณเอต้องการเหมือนกัน
เรียกว่าทุกคนที่เข้ามาในเรื่องนี้ต้องหมุนตามโลกของผู้จัดที่คิดและสร้างเอาไว้
เรื่องนี้คงเป็นฟางเส้นสุดท้ายของละครคิดมากที่ผลิตกันมาในรอบ 3 ปี ของสถานี
เพื่อตอบรับแนวคิดของสถานีที่อยากมี content สู้กับ platform อื่นได้
มีบทบาทการแสดงที่ท้าทายให้นักแสดงเล่น เล่นที่สังกัดตัวเองก็มีอะไรให้ทำได้
แต่ผลตอบรับมันออกมาแบบนี้ก็อาจเป็นจุดที่สถานีก็ให้โอกาสนักแสดง
ไปรับบทที่กว้างกว่านี้ในพื้นที่อื่นได้ เพราะจะไม่ต้องแคร์เรตติง โฆษณา
และความรู้สึกของคนดูของสถานีที่จะรับได้หรือรับไม่ได้
จะได้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายที่ไม่ต้องมาเจอละครที่กระบวนการคิดมากมาย
แต่ผลตอบรับแทบจะไม่ได้อะไรเลยอย่างที่ผ่านมา
จนทำให้สถานีต้องมีแนวทางละครของตัวเองที่ชัดเจนที่จะนำเสนอต่อไป