สวัสดีครับทุกคน วันนี้ขอมาแชร์เหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ
เพราะเช้านี้ผมเพิ่งเจอเรื่องที่ทั้งเหนื่อย ทั้งงง ทั้งทำใจ…
เลยเอามาเขียนไว้เผื่อเป็นประสบการณ์ให้คนที่ขับรถบนท้องถนนครับ
📌 เหตุการณ์เริ่มต้น
เช้านี้ผมกำลังเลี้ยวเข้าบริเวณโรงพยาบาล
อยู่ดี ๆ ก็มีวินมอเตอร์ไซค์ “พุ่งมุด” ตัดหน้ารถผมแบบเฉียดมาก
จนเกิดการเฉี่ยวชนเล็กน้อย
จากมุมมองของผม คือเขาขับเร็วและตั้งใจมุดเข้ามา
ถ้าเขาไม่เร่ง มันไม่น่าจะชนแรงจนป้ายทะเบียนรถผม “หลุด” ได้
เลยตัดสินใจโทรเรียกประกันทันที
เพราะครั้งก่อนเจอเคสคล้ายกัน ผมใจดีปล่อยไปเพราะเห็นเขาล้ม
แต่ครั้งนี้คิดว่า…ไม่ปล่อยแล้ว
📌 ช่วงรอประกัน
ระหว่างรอประกัน วินคู่กรณีก็ยืนรออยู่ใกล้ ๆ ไม่ไปไหน
ไม่พอ ยังมีวินคนอื่นมาพูดบอกคู่กรณีว่า
“เดี๋ยวประกันถามอะไร ให้ตอบแบบนี้นะ”
ผมนี่แบบ…โอเคครับ ใจเย็น ๆ
📌 ประกันมาถึง → ส่งต่อไปโรงพัก
พอเจ้าหน้าที่ประกันมาถึง ตรวจหน้างานเสร็จ
ก็บอกให้ไป สน. เพื่อสรุปเหตุการณ์กับตำรวจ
ผมก็ไปตามขั้นตอน
ถึงโรงพัก ผมก็อธิบายเหตุผลของผมไปตรง ๆ ว่า
เขาขับเร็ว
มุดเข้ามาในจังหวะเสี่ยง
ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจมุด เขาควรหยุด หรือไม่งั้นมันต้องเป็นผมที่ชนจนเขาล้ม
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นป้ายทะเบียนผมถูกเกี่ยวจนหลุด
แต่ระหว่างนั้น วินคนอื่นก็ยังคอยมา “บอกบท” คู่กรณีตลอด
📌 สรุปของตำรวจ
ตำรวจอธิบายว่าตามกฎหมายจราจร
“รถเลี้ยวต้องให้ทางรถที่มาทางตรง”
ดังนั้นตามตัวบทกฎหมาย → ผมเป็นฝ่ายผิด
ผมก็แย้งไปว่า เขาเองก็มีส่วนประมาทร่วม
เพราะจังหวะการขับเร็ว การมุดแบบนั้นมันไม่ได้ขับปกติ
แต่ตำรวจยืนยันว่า
ถ้าผมไม่เห็นด้วย ก็ต้องไปสู้กันในศาล
สุดท้าย…ผมก็ต้องยอมรับผิด
ดื่มน้ำเย็นที่ สน. ไป 3 แก้ว แต่ความร้อนมันอยู่ในใจมากกว่า
และจ่ายค่าปรับไป 400 บาท
จบขั้นตอนตามกฎหมาย
📌 ข้อคิดหลังเหตุการณ์นี้
ผมเคยฟ้องคดีแบบนี้มาก่อน
ประสบการณ์สอนว่า เสียเวลา เสียพลังชีวิตเยอะมาก
สุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป
หลายครั้งบนท้องถนน
เราไม่ได้แพ้เพราะเราอ่อนแอ
แต่แพ้เพราะเรา “เลือกความสบายใจของตัวเอง”
มากกว่าความถูกต้องเล็ก ๆ ที่ต้องแลกด้วยเวลาและความเครียด
วันนี้เสีย 400 บาท
แต่ประหยัดแรงและอารมณ์ไปได้อีกเยอะ
ขอให้ทุกคนขับรถอย่างระวังนะครับ
บนถนน เราไม่สามารถเดาใจใครได้เลยจริง ๆ…
[CR] แชร์ประสบการณ์เช้านี้… เจอวินมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า เรียกประกัน–ไปโรงพัก–สรุปโดนปรับ 400 บาท
เพราะเช้านี้ผมเพิ่งเจอเรื่องที่ทั้งเหนื่อย ทั้งงง ทั้งทำใจ…
เลยเอามาเขียนไว้เผื่อเป็นประสบการณ์ให้คนที่ขับรถบนท้องถนนครับ
📌 เหตุการณ์เริ่มต้น
เช้านี้ผมกำลังเลี้ยวเข้าบริเวณโรงพยาบาล
อยู่ดี ๆ ก็มีวินมอเตอร์ไซค์ “พุ่งมุด” ตัดหน้ารถผมแบบเฉียดมาก
จนเกิดการเฉี่ยวชนเล็กน้อย
จากมุมมองของผม คือเขาขับเร็วและตั้งใจมุดเข้ามา
ถ้าเขาไม่เร่ง มันไม่น่าจะชนแรงจนป้ายทะเบียนรถผม “หลุด” ได้
เลยตัดสินใจโทรเรียกประกันทันที
เพราะครั้งก่อนเจอเคสคล้ายกัน ผมใจดีปล่อยไปเพราะเห็นเขาล้ม
แต่ครั้งนี้คิดว่า…ไม่ปล่อยแล้ว
📌 ช่วงรอประกัน
ระหว่างรอประกัน วินคู่กรณีก็ยืนรออยู่ใกล้ ๆ ไม่ไปไหน
ไม่พอ ยังมีวินคนอื่นมาพูดบอกคู่กรณีว่า
“เดี๋ยวประกันถามอะไร ให้ตอบแบบนี้นะ”
ผมนี่แบบ…โอเคครับ ใจเย็น ๆ
📌 ประกันมาถึง → ส่งต่อไปโรงพัก
พอเจ้าหน้าที่ประกันมาถึง ตรวจหน้างานเสร็จ
ก็บอกให้ไป สน. เพื่อสรุปเหตุการณ์กับตำรวจ
ผมก็ไปตามขั้นตอน
ถึงโรงพัก ผมก็อธิบายเหตุผลของผมไปตรง ๆ ว่า
เขาขับเร็ว
มุดเข้ามาในจังหวะเสี่ยง
ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจมุด เขาควรหยุด หรือไม่งั้นมันต้องเป็นผมที่ชนจนเขาล้ม
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นป้ายทะเบียนผมถูกเกี่ยวจนหลุด
แต่ระหว่างนั้น วินคนอื่นก็ยังคอยมา “บอกบท” คู่กรณีตลอด
📌 สรุปของตำรวจ
ตำรวจอธิบายว่าตามกฎหมายจราจร
“รถเลี้ยวต้องให้ทางรถที่มาทางตรง”
ดังนั้นตามตัวบทกฎหมาย → ผมเป็นฝ่ายผิด
ผมก็แย้งไปว่า เขาเองก็มีส่วนประมาทร่วม
เพราะจังหวะการขับเร็ว การมุดแบบนั้นมันไม่ได้ขับปกติ
แต่ตำรวจยืนยันว่า
ถ้าผมไม่เห็นด้วย ก็ต้องไปสู้กันในศาล
สุดท้าย…ผมก็ต้องยอมรับผิด
ดื่มน้ำเย็นที่ สน. ไป 3 แก้ว แต่ความร้อนมันอยู่ในใจมากกว่า
และจ่ายค่าปรับไป 400 บาท
จบขั้นตอนตามกฎหมาย
📌 ข้อคิดหลังเหตุการณ์นี้
ผมเคยฟ้องคดีแบบนี้มาก่อน
ประสบการณ์สอนว่า เสียเวลา เสียพลังชีวิตเยอะมาก
สุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป
หลายครั้งบนท้องถนน
เราไม่ได้แพ้เพราะเราอ่อนแอ
แต่แพ้เพราะเรา “เลือกความสบายใจของตัวเอง”
มากกว่าความถูกต้องเล็ก ๆ ที่ต้องแลกด้วยเวลาและความเครียด
วันนี้เสีย 400 บาท
แต่ประหยัดแรงและอารมณ์ไปได้อีกเยอะ
ขอให้ทุกคนขับรถอย่างระวังนะครับ
บนถนน เราไม่สามารถเดาใจใครได้เลยจริง ๆ…