ก.ล.ต.เดินหน้ายกระดับมาตรฐานตลาดตราสารหนี้ จ่อออก “เกณฑ์เสนอขายหุ้นกู้ใหม่” เปิดฟังความคิดเห็นเดือน ธ.ค.นี้ มุ่งให้ผู้ออกหุ้นกู้ระบุวัตถุประสงค์การใช้เงินให้ชัดเจน-ลดความเสี่ยงการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ แจงเคส “JKN” ดำเนินการกล่าวโทษกรณีตกแต่งงบการเงินไปแล้ว ชี้ต้องแยกแยะระหว่างพฤติกรรมส่วนบุคคลกับสถานะบริษัท
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.มีกำหนดนัดหารือกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาการออกเกณฑ์เสนอขายตราสารหนี้เพิ่มเติม พร้อมเตรียมจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณามาตรการปฏิรูปตลาดทุนไทย (Taskforce) ชุดที่ 2 ต่อจากชุดแรกที่ดูแลเรื่องตลาดหุ้น
“หลังปีใหม่ Taskforce นี้ จะพิจารณาการยกระดับมาตรฐานตลาดตราสารหนี้ในหลายด้าน รวมถึงการส่งเสริม Financial Literacy ของประชาชน”
สำหรับเกณฑ์เสนอขายตราสารหนี้ฉบับใหม่ ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ ก.ล.ต.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด โดยมีสาระสำคัญคือการกำหนดให้ผู้ออกตราสารต้องระบุวัตถุประสงค์การใช้เงินให้ชัดเจน และหากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์จะต้อง “กลับไปขอมติใหม่” หรือดำเนินการตามข้อกำหนดสิทธิอย่างโปร่งใส หากไม่ดำเนินการตามขั้นตอนถือเป็นการกระทำผิด และอาจถูกแบนจากการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในอนาคต
นางพรอนงค์กล่าวว่า เกณฑ์เสนอขายตราสารหนี้คาดว่าจะเผยแพร่ร่างเพื่อรับฟังความคิดเห็น (Hearing) ได้ภายในเดือนหน้า เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากไม่พบการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ ร่างเกณฑ์จะเข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการ ก.ล.ต.ต่อไป โดยคาดว่าจะประกาศใช้ได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2569
“เกณฑ์ใหม่นี้จะช่วยให้กรอบการใช้เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้มีความชัดเจนและตรวจสอบได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย โดยเฉพาะในช่วงที่มีกรณีการเลื่อนชำระหนี้และปัญหาเกี่ยวกับการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ในบางบริษัท”
อย่างไรก็ตาม การออกเกณฑ์ดังกล่าวไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อจำกัดความยืดหยุ่นของภาคธุรกิจ เพราะแผนดำเนินงานหรือโครงการต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ผู้ออกหุ้นกู้ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการใช้เงินไม่ตรงตามที่ระบุไว้
สำหรับกรณีบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN นั้น ก.ล.ต.ได้ดำเนินการกล่าวโทษในเรื่องการตกแต่งงบการเงินไปแล้ว และขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์ ติดตามข้อมูลข่าวสาร แต่ย้ำว่า ก.ล.ต.ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงในเชิงคดีได้ เนื่องจากเป็นกระบวนการของหน่วยงานยุติธรรม โดยเรื่องนี้ต้องแยกแยะระหว่างพฤติกรรมส่วนบุคคลกับสถานะของบริษัท
นางพรอนงค์กล่าวว่า นอกจากนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างผลักดันแนวคิด Transition Finance เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ต่อเนื่องจาก Green Bond โดยกำหนดเกณฑ์สำหรับหุ้นกู้ประเภท Transition Bond ที่ช่วยสนับสนุนบริษัทที่ต้องการปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินธุรกิจเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียนจัดทำ Transition Guidance และพัฒนา Taxonomy เพื่อป้องกันปัญหา Greenwashing เช่น การอ้างว่าจะทำ Transition หรือการอ้างเรื่องความยั่งยืน แต่ไม่เกิดผลจริง
“เห็นด้วยว่าในโลกที่เราจะออมระยะยาว มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะเล่นหุ้น เพราะฉะนั้นถ้าใครเข้าได้ในตลาดบอนด์ก็เข้าไป ได้ทราบจากทางกระทรวงการคลัง ท่านรองนายกฯพูดในสักเวทีหนึ่งว่ากำลังดูอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้การเข้าถึงพันธบัตรโดยตรงของผู้ฝากออมเงิน (Saver) มันง่ายขึ้น อันนี้ก็เป็นอีกโจทย์หนึ่ง ซึ่งคิดว่าถ้าออกมาจะเป็นเรื่องที่ดี ส่วนของหุ้นกู้เอกชนที่ดีอยู่แล้ว เราก็อยากให้มีการออกผลิตภัณฑ์พวก Transition Finance มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ ก.ล.ต.ก็กำลังทำเกณฑ์ของ Transition Finance อยู่” เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว
รายงานจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ (ThaiBMA) ระบุว่า หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่เดือน ม.ค.-24 ม.ค. 2568 มียอดรวมอยู่ที่ 7,349 ล้านบาท จากผู้ออก 8 ราย ขณะที่หุ้นกู้ที่มีการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย. 2568 มีมูลค่ารวม 5.58 หมื่นล้านบาท จากผู้ออกหุ้นกู้ทั้งสิ้น 21 ราย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1928740
ก.ล.ต.เพิ่มเกณฑ์คุม ‘เสนอขายบอนด์’ ยกระดับตลาด
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.มีกำหนดนัดหารือกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาการออกเกณฑ์เสนอขายตราสารหนี้เพิ่มเติม พร้อมเตรียมจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณามาตรการปฏิรูปตลาดทุนไทย (Taskforce) ชุดที่ 2 ต่อจากชุดแรกที่ดูแลเรื่องตลาดหุ้น
“หลังปีใหม่ Taskforce นี้ จะพิจารณาการยกระดับมาตรฐานตลาดตราสารหนี้ในหลายด้าน รวมถึงการส่งเสริม Financial Literacy ของประชาชน”
สำหรับเกณฑ์เสนอขายตราสารหนี้ฉบับใหม่ ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ ก.ล.ต.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด โดยมีสาระสำคัญคือการกำหนดให้ผู้ออกตราสารต้องระบุวัตถุประสงค์การใช้เงินให้ชัดเจน และหากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์จะต้อง “กลับไปขอมติใหม่” หรือดำเนินการตามข้อกำหนดสิทธิอย่างโปร่งใส หากไม่ดำเนินการตามขั้นตอนถือเป็นการกระทำผิด และอาจถูกแบนจากการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในอนาคต
นางพรอนงค์กล่าวว่า เกณฑ์เสนอขายตราสารหนี้คาดว่าจะเผยแพร่ร่างเพื่อรับฟังความคิดเห็น (Hearing) ได้ภายในเดือนหน้า เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากไม่พบการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ ร่างเกณฑ์จะเข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการ ก.ล.ต.ต่อไป โดยคาดว่าจะประกาศใช้ได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2569
“เกณฑ์ใหม่นี้จะช่วยให้กรอบการใช้เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้มีความชัดเจนและตรวจสอบได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย โดยเฉพาะในช่วงที่มีกรณีการเลื่อนชำระหนี้และปัญหาเกี่ยวกับการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ในบางบริษัท”
อย่างไรก็ตาม การออกเกณฑ์ดังกล่าวไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อจำกัดความยืดหยุ่นของภาคธุรกิจ เพราะแผนดำเนินงานหรือโครงการต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ผู้ออกหุ้นกู้ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการใช้เงินไม่ตรงตามที่ระบุไว้
สำหรับกรณีบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN นั้น ก.ล.ต.ได้ดำเนินการกล่าวโทษในเรื่องการตกแต่งงบการเงินไปแล้ว และขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์ ติดตามข้อมูลข่าวสาร แต่ย้ำว่า ก.ล.ต.ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงในเชิงคดีได้ เนื่องจากเป็นกระบวนการของหน่วยงานยุติธรรม โดยเรื่องนี้ต้องแยกแยะระหว่างพฤติกรรมส่วนบุคคลกับสถานะของบริษัท
นางพรอนงค์กล่าวว่า นอกจากนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างผลักดันแนวคิด Transition Finance เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ต่อเนื่องจาก Green Bond โดยกำหนดเกณฑ์สำหรับหุ้นกู้ประเภท Transition Bond ที่ช่วยสนับสนุนบริษัทที่ต้องการปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินธุรกิจเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียนจัดทำ Transition Guidance และพัฒนา Taxonomy เพื่อป้องกันปัญหา Greenwashing เช่น การอ้างว่าจะทำ Transition หรือการอ้างเรื่องความยั่งยืน แต่ไม่เกิดผลจริง
“เห็นด้วยว่าในโลกที่เราจะออมระยะยาว มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะเล่นหุ้น เพราะฉะนั้นถ้าใครเข้าได้ในตลาดบอนด์ก็เข้าไป ได้ทราบจากทางกระทรวงการคลัง ท่านรองนายกฯพูดในสักเวทีหนึ่งว่ากำลังดูอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้การเข้าถึงพันธบัตรโดยตรงของผู้ฝากออมเงิน (Saver) มันง่ายขึ้น อันนี้ก็เป็นอีกโจทย์หนึ่ง ซึ่งคิดว่าถ้าออกมาจะเป็นเรื่องที่ดี ส่วนของหุ้นกู้เอกชนที่ดีอยู่แล้ว เราก็อยากให้มีการออกผลิตภัณฑ์พวก Transition Finance มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ ก.ล.ต.ก็กำลังทำเกณฑ์ของ Transition Finance อยู่” เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว
รายงานจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ (ThaiBMA) ระบุว่า หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่เดือน ม.ค.-24 ม.ค. 2568 มียอดรวมอยู่ที่ 7,349 ล้านบาท จากผู้ออก 8 ราย ขณะที่หุ้นกู้ที่มีการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย. 2568 มีมูลค่ารวม 5.58 หมื่นล้านบาท จากผู้ออกหุ้นกู้ทั้งสิ้น 21 ราย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1928740