สมัยเด็กๆ จขกท. กับพี่น้อง จะได้รับหน้าที่ถือแกง หรืออาหาร ขนม ผลไม้ ที่แม่กับย่าทำ ไปให้บ้านใกล้เรือนเคียงประจำ
และขากลับ มักจะได้รับอาหาร ขนม จากบ้านนั้นๆ ถือติดมือกลับมาด้วยเสมอ
บ่อยครั้งที่ถูกเรียก ให้ออกไปรับ อาหาร ของกิน ของฝาก จนเป็นความเคยชิน
ยันปัจจุบันเราและเพื่อนบ้าน ก็ยังคงแบ่งปัน อาหาร ของกิน ของฝากกันแทบจะทุกวัน ทั้งปีเลยก็ว่าได้
เวลาจขกท. กลับบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียง จะแบกขนุนมาเป็นลูกๆ ผลไม้ ของกินหายาก ที่ไม่มีขายในเมืองหลวง มาให้รัวๆ 6-8บ้าน พร้อมคำพูด " กินเยอะๆนะ กรุงเทพไม่มีขายหรอกแบบนี้"
จขกท. โทรหาพ่อแม่ทุกวัน สิ่งที่ได้ฟังประจำ คือแม่จะเล่า วันนี้ใครเอาอะไรมาให้ ทำอะไรกินแบ่งให้ใครบ้าง
"พี่... กลับมาเขาซื้อปลาหมึกแห้ง ปลาทู ปลาหวานมา ป้า....แบ่งให้แม่ตั้งเยอะ"
"....เขาส่งทุเรียน มังคุด มาจากสวนผัวเขา นี่แม่เขาแบ่งมาให้แม่เยอะมาก"
" วันนี้กินมะละกอสุก ป้า... เอามาให้ตั้งหลายลูก หวานมาก กินไปคิดถึงหนูไปลูก"
"กำลังเก็บมะนาว ดกจนกิ่งจะหัก จะเอาไปให้.... เขาขายส้มตำ"
ปีที่แล้วแม่จขกท. ป่วยหนักมากๆๆ อยู่ วอร์ด icu เกือบสองเดือน พอออกจากรพ. กลับบ้านวันแรก เพื่อนบ้านมาเยี่ยมแม่ พร้อมหอบหิ้วของฝาก จขกท. นั่งไล่ชื่อ นั่งนับกับพ่อแม่ ได้เกือบ 40 คน แทบจะไม่มีที่วางของฝาก (วันแรกวันเดียวนะ บางคนมาสามรอบวันเดียว 5555)
จขกท. ติดนิสัยทำอะไรต้องแบ่งปัน นี่ แม้จะมาอยู่ กทม. สังคมที่ผู้คน ต่างคนต่างอยู่ และหวงความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบสนิทกับใคร ไม่ชอบพูดกับใคร และหลายๆครั้ง ความมีน้ำใจก็ถูกตีความ ว่าน่ารำคาญ ก้าวก่าย วุ่นวาย สอดรู้สอดเห็น...
ทุกครั้งที่มีโอกาส มีอะไรดีๆ มีอะไรอร่อยๆ ก็ยังชอบจะเอาไปให้ พี่ๆรปภ. คนกวาดถนน แม่บ้านที่รพ.... และเคยได้กล้วยสวน ข้าวหอมมะลิใหม่ ที่พี่ๆเขาเอามาจากบ้าน ตจว. มาฝากด้วย
อ่อช่วงแผ่นดินไหว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตอนเราวิ่งหนีตาย ไปยืนรวมๆกันใต้ตึก นั่นเป็นครั้งแรก ที่ได้พูดคุยหรือมองหน้าเพื่อนร่วมตึก แบบชัดๆ นับจากวันนั้นหลายๆห้อง เวลาเดินสวนกัน ก็มียิ้ม มีทักทาย
และจขกท.ก็เคยแบ่งอาหาร ที่แม่ น้าสาว ฝากมาให้เขาไปกินด้วย วันถัดมา ได้รับคำชม ว่าน้ำพริกอร่อยมากๆค่ะ
ดีใจสุดๆไปเลย
แล้วคุณล่ะคะ ทุกวันนี้ยังได้แบ่งปัน อาหารของกิน หรือได้รับอาหาร ของฝาก จากบ้านใกล้เรือนเคียง กันอยู่บ้างไหมคะ
เดี๋ยวนี้เวลาทำอาหาร ขนม หรือกลับจากไปเที่ยวยังมีการแบ่งปันอาหาร ของฝาก กับบ้านใกล้เรือนเคียงกันอยู่ไหมคะ?
และขากลับ มักจะได้รับอาหาร ขนม จากบ้านนั้นๆ ถือติดมือกลับมาด้วยเสมอ
บ่อยครั้งที่ถูกเรียก ให้ออกไปรับ อาหาร ของกิน ของฝาก จนเป็นความเคยชิน
ยันปัจจุบันเราและเพื่อนบ้าน ก็ยังคงแบ่งปัน อาหาร ของกิน ของฝากกันแทบจะทุกวัน ทั้งปีเลยก็ว่าได้
เวลาจขกท. กลับบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียง จะแบกขนุนมาเป็นลูกๆ ผลไม้ ของกินหายาก ที่ไม่มีขายในเมืองหลวง มาให้รัวๆ 6-8บ้าน พร้อมคำพูด " กินเยอะๆนะ กรุงเทพไม่มีขายหรอกแบบนี้"
จขกท. โทรหาพ่อแม่ทุกวัน สิ่งที่ได้ฟังประจำ คือแม่จะเล่า วันนี้ใครเอาอะไรมาให้ ทำอะไรกินแบ่งให้ใครบ้าง
"พี่... กลับมาเขาซื้อปลาหมึกแห้ง ปลาทู ปลาหวานมา ป้า....แบ่งให้แม่ตั้งเยอะ"
"....เขาส่งทุเรียน มังคุด มาจากสวนผัวเขา นี่แม่เขาแบ่งมาให้แม่เยอะมาก"
" วันนี้กินมะละกอสุก ป้า... เอามาให้ตั้งหลายลูก หวานมาก กินไปคิดถึงหนูไปลูก"
"กำลังเก็บมะนาว ดกจนกิ่งจะหัก จะเอาไปให้.... เขาขายส้มตำ"
ปีที่แล้วแม่จขกท. ป่วยหนักมากๆๆ อยู่ วอร์ด icu เกือบสองเดือน พอออกจากรพ. กลับบ้านวันแรก เพื่อนบ้านมาเยี่ยมแม่ พร้อมหอบหิ้วของฝาก จขกท. นั่งไล่ชื่อ นั่งนับกับพ่อแม่ ได้เกือบ 40 คน แทบจะไม่มีที่วางของฝาก (วันแรกวันเดียวนะ บางคนมาสามรอบวันเดียว 5555)
จขกท. ติดนิสัยทำอะไรต้องแบ่งปัน นี่ แม้จะมาอยู่ กทม. สังคมที่ผู้คน ต่างคนต่างอยู่ และหวงความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบสนิทกับใคร ไม่ชอบพูดกับใคร และหลายๆครั้ง ความมีน้ำใจก็ถูกตีความ ว่าน่ารำคาญ ก้าวก่าย วุ่นวาย สอดรู้สอดเห็น...
ทุกครั้งที่มีโอกาส มีอะไรดีๆ มีอะไรอร่อยๆ ก็ยังชอบจะเอาไปให้ พี่ๆรปภ. คนกวาดถนน แม่บ้านที่รพ.... และเคยได้กล้วยสวน ข้าวหอมมะลิใหม่ ที่พี่ๆเขาเอามาจากบ้าน ตจว. มาฝากด้วย
อ่อช่วงแผ่นดินไหว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตอนเราวิ่งหนีตาย ไปยืนรวมๆกันใต้ตึก นั่นเป็นครั้งแรก ที่ได้พูดคุยหรือมองหน้าเพื่อนร่วมตึก แบบชัดๆ นับจากวันนั้นหลายๆห้อง เวลาเดินสวนกัน ก็มียิ้ม มีทักทาย
และจขกท.ก็เคยแบ่งอาหาร ที่แม่ น้าสาว ฝากมาให้เขาไปกินด้วย วันถัดมา ได้รับคำชม ว่าน้ำพริกอร่อยมากๆค่ะ
ดีใจสุดๆไปเลย
แล้วคุณล่ะคะ ทุกวันนี้ยังได้แบ่งปัน อาหารของกิน หรือได้รับอาหาร ของฝาก จากบ้านใกล้เรือนเคียง กันอยู่บ้างไหมคะ