ผ่านมาแล้วครึ่งทาง กับซีรีส์จากทาง GMMTV "เพื่อนสนิทพิษสหาย" หรือชื่อภาษาอังกฤษสุดเก๋ "Friendsh*t Forever"
จากมือผกก.มือรางวัลอย่างพี่กู่ เอกสิทธิ์
ครั้งแรกที่เห็นเรื่องนี้ตอนเป็น pilot ใน lineup ตอนปี 2024 เห็นปุ๊บก็รู้ทันทีว่าผกก. คือใคร
แต่ใจเราก็แอบหวั่นเพราะมันดูไม่ได้แปลกแตกต่างจากพล็อตละครไทยของค่ายเช้นจ์สักเท่าไหร่
แต่ผ่านไป เกือบสองปี กลับมาพร้อมกับ trailer ที่เปลี่ยนโทนเรื่องไปราวกับเป็นคนละเรื่อง พร้อมกับนักแสดงที่เปลี่ยนไป
แม้จะอยู่ในมือของผกก ที่กำกับ ทิชา และ จิตสะกดแค้น ที่เป็นแนวเรื่องคล้ายๆกัน และมีพล็อตที่ก็ดูจะคล้ายกัน
แต่พอย้ายมาอยู่ในมือคนเขียนบท ด้วยรักและหักหลังและน้องสาวหายนะ รวมถึงทีมตัดต่อของภาพดีแล้ว
เรื่องนี้ก็ได้ให้รสชาติที่ต่างออกไป
โดยที่เรื่องนี้จะเน้นไปที่ตัวละครใบข้าวที่เป็นตัวดำเนินเรื่อง แม้ว่าเส้นเรื่องจะถูกเล่าผ่านตัวละครทิวลิป ที่ไม่รู้อะไรเลย เฉกเช่นเดียวกับคนดู
และพอเป็นซีรีส์ที่จำนวนตอนน้อย เรื่องนี้ได้ใช้ทั้งงานภาพ การเล่าเรื่อง และการตัดต่อ เพื่อความกระชับในการเล่าเรื่อง
เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มีเนื้อหาค่อนข้างดุเดือด แต่เล่ามาได้อย่างมีศิลปะชั้นเชิง
ถามว่าผ่านมา 4 อีพี เรื่องนี้สำหรับเราน่าสนใจอย่างไร?
ความน่าสนใจที่ 1: ซีนเปิดและปิดเรื่อง
เรื่องนี้มี intro ก่อนเข้าไตเติ้ล และฉากจบสุดท้าย ที่เหมือนตั้งใจถ่ายเพื่อทิ้งซีนให้เป็นซีนจบแต่แรก
ความน่าสนใจคือซีนเปิดและปิดของเรื่องนี้ ทั้งสองซีนในแต่ละอีพีจะถูกเปิดและปิดด้วย ใบข้าวเสมอ
ซึ่งดูจะเป็นความตั้งใจในการบอกว่าเรื่องนี้ถูกดำเนินไปด้วยตัวละครตัวไหนเป็นหลัก
ความน่าสนใจที่ 2: ตุ๊กตาไขลาน กับเพลง hush little baby
เพลงประกอบที่ฟังเผินๆ มันก็คือเพลงกล่อมเด็ก แต่ตัวเวอร์ชั่นที่เรื่องนี้เลือกมาใช้นั้นน่าสนใจมาก
เขาเลือกใช้เวอร์ชั่น papa แทนจะเป็น mama ที่คนน่าจะได้ยินบ่อยกว่าและมีการใช้ทำนองในทุกเวอร์ชั่น โดยเฉพาะเวอร์ชั่นหลอนๆที่เอามาใช้ในไตเติ้ล
เรียกได้ว่าฟังจนหลอน เพราะเพลงนี้และตุ๊กตาไขลานที่เล่นเพลงนี้ เหมือนจะเป็นกิมมิคของเรื่องนี้ ที่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมและเพราะอะไร
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ใช้ในการบรรยายความไม่ปกติของตัวละครใบข้าว
ความน่าสนใจที่ 3: การออกแบบและงานสร้าง
สีภาพเป็นตัวเซ็ทมู้ดแอนด์โทนของเรื่องได้ดีพอๆกับเพลงประกอบและการแสดง เรื่องนี้เลือกใช้สีน้ำเงินปนดำ
และพอผสมรวมกับเสียงเพลงประกอบ เราเลยได้อารมณ์ที่ทั้งหลอนและน่ากลัวไปในตัว แต่สีน้ำเงินมันก็แฝงไปด้วยความน่าเศร้าของตัวละคร
ทำให้ยิ่งสงสัยว่า อะไรกันนะที่ทำให้ใบข้าวต้องทำถึงขนาดนี้ และยิ่งน่าเศร้ากว่าเมื่อถึงจุดที่ทิวลิปรู้ตัวว่าเพื่อนรักไม่ได้รักเธออย่างที่เธอคิด
"เพราะตัวร้ายไม่ได้เกิดมาแล้วเป็นเลย แต่มันถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากสภาวะแวดล้อมต่างๆ"
และการเลือกซีน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความรุนแรง (ขอใช้คำนี้แล้วกัน) ต้องใช้ความว่าเข้าใจคิด
โดยเฉพาะในห้องล้างฟิล์ม ที่เป็นห้องที่ให้แสงสีแดง และไม่ต้องใช้ไฟเพิ่ม
(และตัวละครที่โดนก็เป็นนักศึกษาคณะที่ต้องมีการเรียนในห้องนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะบังเอิญเดินเข้าไป)
ซึ่งสร้างมู้ดแอนด์โทนการไล่ล่า แบบดุดันทั้งๆที่ มีแค่มือกับเท้าเปล่า แต่กลับน่ากลัวราวกับมีคนกำลังไล่ล่าตัวละครโดยที่ไม่ได้ใช้แค่มือเปล่า
บวกกับเพลงที่เป็นกิมมิคของเรื่องและของตัวละคร ที่เสริมให้ซีนแบบนี้น่ากลัวเข้าไปอีก จนเรื่องนี้เกือบจะเป็นแนว horror อยู่แล้ว
ความน่าสนใจที่ 4: การเล่าความคิดที่ไม่ปกติของใบข้าว ด้วยภาพและบรรยากาศประกอบ
ถ้าใครได้ดู ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ ความแปลกของใบข้าว ซึ่งเปิดอีพีแรกก็คงเห็นถึงความจิตของตัวละครตั้งแต่ช่วง intro
แต่นั่นเป็นเพียงการเกริ่นเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงมั้ย อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้และอาจเป็นแค่ศิลปะในการเกริ่นเข้าเรื่องแบบหนึ่งที่แปลกดี
และก็เป็นแค่ไม่กี่ครั้ง ที่เราได้เห็นความจิตหลุดของตัวละครตัวนี้ ที่ปล่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ถ้าดูจากการดำเนินเรื่องทั่วไปแล้วใบข้าวแทบจะมีบุคลิกไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป จนแทบไม่อาจยืนยันได้ว่าใช่หรือไม่
ในขณะที่ซีรีส์หรือละครหลายเรื่อง เวลาที่มีตัวละครที่จิตไม่ปกติ ตัวละครประเภทนี้จะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ใบข้าวมีวิธีการเล่น และการเล่าที่ต่างออกไป
โดยที่เขาเลือกให้แพตเล่นแบบเก็บความผิดปกตินี้ไว้ข้างในและเลือกใช้การแสดงออกผ่านทางพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ปกติแทน
ในขณะเดียวกันซีรีส์ใช้ เพลงประกอบรวมทั้งวิธีการที่ตัวละครตัวนี้เลือกใช้ในการแก้แค้น
ในการบ่งบอกว่าตัวละครตัวนี้ไม่ปกติ ซึ่งหากใครได้ดูน่าจะสัมผัสได้ถึงความหลอน และน่ากลัวของตัวละครตัวนี้
ทั้งที่ตัวละครใบข้าว เป็นตัวละครประเภทเดียวกับกุลนรี แต่ใช้วิธีการเล่นและเล่าที่คนละขั้วกัน
กุลนรีมีความผิดปกติที่แสดงออกมาให้คนดูเห็นได้ชัด แต่ใบข้าวมีความผิดปกติแต่กดมันลงไปและไม่สามารถเล่นให้คนดูเห็นได้ชัดขนาดนั้น
ความน่าสนใจที่ 5: พล็อตคือการแก้แค้น ที่ไม่ได้บอกคนดูว่าแค้นอะไร
ซีรีย์ที่ไทยทำ แนวแก้แค้นในยุคหลังๆมา มักจะบอกคนดูตั้งแต่อีพีต้นๆเลยว่า ตัวละครที่เป็นตัวร้ายหรือนางเอก ที่มีความแค้นเขาแค้นอะไร
แต่เรื่องนี้มาแปลก ตัวละครก็แก้แค้นไป ทำตัวละครอื่นต่างๆนานา คนดูจะเห็นวิธีการที่ใบข้าวใช้ แต่ไม่รู้เลยว่าใบข้าวทำไปทำไม
เพราะในมุมมองคนดูที่มองผ่านทิวลิปแล้ว ทิวลิปก็ดูไม่ได้ผิดอะไร จนสงสัยกันว่าหรือจะเป็นครอบครัวทิวลิป? แต่เพราะอะไร
ทำไมมาตีสนิทกับทิวลิป และดูจะพยายามกันทุกคนออกจากทิวลิป โดยไม่เลือกวิธีการ
ปกติแล้วคนดูจะรอดูจุดจบของตัวละครที่ทำไม่ดี แต่เรื่องนี้คนดูคงรอดูเฉลยว่า ทำไมใบข้าวถึงทำแบบนี้แทน
เพราะผ่านมาครึ่งเรื่องแล้ว เรายังคงเห็นแต่ how ยังไม่เห็น why
ซึ่งหลายคนก็เดาต่างๆนานาแต่ส่วนใหญ่ที่เดากัน เราก็ยังคิดว่าไม่น่าใช่แบบที่ทุกคนเดา
เพราะวิธีการที่ใบข้าวเลือกใช้มาแก้แค้น รวมทั้งความผิดปกติทางจิตใจของใบข้าว น่ากลัว เกินกว่าแค่เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เดาๆกัน
ความน่าสนใจที่ 6: การแสดงสุดละเอียดของแพต ชญานิษฐ์
จะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายของเรื่องก็คงได้ สำหรับการแสดงของแพต ชญานิษฐ์
ดูเผินๆ ตัวละครใบข้าวไม่ได้ต่างจากตัวละครในสายสีเดียวกันที่เธอเคยรับมาก่อน
แต่... ใบข้าวก็ยังมีความต่างที่ชัดและดูจะยากกว่าเรื่องอื่นไม่ใช่น้อย
เพราะการเก็บทุกอย่างไว้พร้อมที่จะระเบิดแต่ระเบิดไม่ได้ นั้นยากกว่าการะระเบิดทุกสื่งทุกอย่างออกมา
ตัวละครตัวนี้มีความผิดปกติทางจิตอยู่ซึ่งดูเหมือนจะมาจากปมในอดีต ที่น่าจะเกี่ยวข้องความแค้นที่เธอมี
แต่ต้องซ่อนมันเอาไว้ในขณะเดียวกันต้องแสร้งทำเป็นเพื่อนที่ดี
และยังต้องซ่อนความโกรธความแค้น ในทุกซีนที่เข้ากับทิวลิป เรียกได้ว่าน่าจะเป็นตัวละครที่มีมิติและเลเยอร์ลึกที่สุดของปีนี้ก็ว่าได้
และเธอต้องเล่นทุก range ตั้งแต่ ยิ้มแย้มแค่หน้า แต่แววตาแสดงความโกรธ เกลียด แค้น หรือจะเป็น สะใจ เศร้า กลัวแต่แสดงออกได้แค่ทางแววตา
ไปจนถึงบ้าคลั่งในบางซีน เรียกได้ว่าการแสดงของเธอคนดูจะต้องตั้งใจดู โดยเฉพาะแววตาของเธอ
เช่น ในบางซีนที่เข้ากับทิวลิปมันจะมีวูบนึงที่ใบข้าวเผลอหลุดลืมความเจ็บปวดและแผนการ
ราวกับว่า ถ้าเธอไม่ต้องแก้แค้น เธอกับทิวลิปคงจะเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันได้จริงๆ
แต่... นั่นแค่แว้บเดียวและก็เหมือนดึงสติตัวเองกลับมา และจำได้ว่ามาอยู่ตรงนี้ทำไม
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เธอแสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติซึ่งเป็นจุดแข็งของเธอ เพราะบีทที่ใช้ขยับตัวหรือใช้พูดคือบีทที่คนปกติใช้พูดหรือทำ
ใบข้าว จึงออกมาเป็นตัวละครที่เป็นคนปกติคนหนึ่งที่มีความคิดที่บิดเบี้ยวและมีจิตที่ไม่ปกติ
และเธอไม่ใช่แค่เอาตัวเองรอดและโดดเด่นออกมาเท่านั้น เธอสามารถส่งให้คู่แสดงของเธอได้เป็นอย่างดี
มันเหมือนนอกจากที่บทของเธอจะเป็นบทนำแล้ว เธอยังเป็นคนนำนสด. คนอื่นให้มาเล่นตามในบีทการแสดงของเธอ
ส่งผลให้เราได้เห็นวิธีการแสดงใหม่ๆของนสด. ที่เข้าซีนกับเธอ ความเรียลในแบบที่ไม่เคยเห็นในเรื่องก่อนๆ
ซึ่งจากคำบอกเล่าของนสด. คนอื่นๆ แพตอิมโพรไวส์ค่อนข้างเยอะโดยที่ยังยึดโครงบทอยู่
นั่นทำให้ทุกคนต้องเตรียมรับมือและเกิดเป็น magic moment ความเรียล ขึ้นหน้าเซ็ท
และนี่แค่ครึ่งทาง ยังมีความเป็นไปได้ที่ตัวละครจะไปไกลยิ่งกว่านี้ได้อีก ถ้าดูจะ ไม่วินาทีของ trailer ช่วงท้ายๆ
ซึ่งน่าจะทำให้เวทีนักแสดงนำหญิงปีหน้าเดือดแน่นอน
กิโลเมตรปีศาจที่คาดเดาไม่ได้ใน 4 อีพีที่เหลือ...
เขาใช้ 4 อีพีในการเล่าขยายสิ่งที่เราเห็นใน trailer ไปเกือบทั้งหมด พร้อมกับสำรวจคำว่า "เพื่อน" ในทุกอีพี
ซึ่ง 98% ของ trailer อยู่ใน อีพี 1-4 หมดแล้ว หลังจากนี้เราไม่มีทางเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีคำถามที่ยังไม่ได้รับการเฉลยว่าจริงๆแล้วใบข้าวแค้นอะไร และทำไปทำไม และอะไรบ้างที่เธอไม่โกหก
และเธอจะทำอะไรอีก เมื่อแผนการที่เธอวางมาอย่างดีเริ่มที่จะสั่นคลอนจากคนรอบตัวของเธอเองที่เธอคิดว่าน่าจะคุมได้
เมื่อไหร่ทิวลิปจะรู้ตัว และถ้าทิวลิปรู้ตัว เรื่องราวจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะทิวลิปถ้ารู้ตัวเมื่อไหร่ เธอไม่มีวันยอมแน่ๆ
ซีนที่ตบมาตบกลับแบบงงๆ ในอีพีแรกของเรื่อง เป็นการเล่าได้ดีด้วยภาพว่าจริงๆแล้วทิวลิปเป็นคนอย่างไร
และที่สำคัญเรื่องนี้มันจะจบอย่างไร ตามแบบฉบับละครไทยหรือไม่หรือจะหักมุม
และประโยคสุดท้ายของคำโปรยของเรื่องนี้ น่าสนใจมาก ที่บอกว่า...
"แต่เรื่องของความแค้นคงจะไม่จบลงง่ายๆ และอาจกลายเป็นโศกนาฏกรรม"
ถ้าใครที่ชอบซีรีส์แนวแก้แค้น และอยากได้รสชาติใหม่ๆ ลองหาเรื่องนี้มาดูได้
ส่วนใครที่ดูแล้ว คิดเห็นอย่างไร กับ เพื่อนสนิทพิษสหาย หลังจากผ่านมาครึ่งทาง กันบ้าง
เพื่อนสนิทพิษสหาย - ครึ่งทางผ่านไป กับกิโลเมตรปีศาจที่คาดเดาไม่ได้ ในสี่ตอนสุดท้าย
จากมือผกก.มือรางวัลอย่างพี่กู่ เอกสิทธิ์
ครั้งแรกที่เห็นเรื่องนี้ตอนเป็น pilot ใน lineup ตอนปี 2024 เห็นปุ๊บก็รู้ทันทีว่าผกก. คือใคร
แต่ใจเราก็แอบหวั่นเพราะมันดูไม่ได้แปลกแตกต่างจากพล็อตละครไทยของค่ายเช้นจ์สักเท่าไหร่
แต่ผ่านไป เกือบสองปี กลับมาพร้อมกับ trailer ที่เปลี่ยนโทนเรื่องไปราวกับเป็นคนละเรื่อง พร้อมกับนักแสดงที่เปลี่ยนไป
แม้จะอยู่ในมือของผกก ที่กำกับ ทิชา และ จิตสะกดแค้น ที่เป็นแนวเรื่องคล้ายๆกัน และมีพล็อตที่ก็ดูจะคล้ายกัน
แต่พอย้ายมาอยู่ในมือคนเขียนบท ด้วยรักและหักหลังและน้องสาวหายนะ รวมถึงทีมตัดต่อของภาพดีแล้ว
เรื่องนี้ก็ได้ให้รสชาติที่ต่างออกไป
โดยที่เรื่องนี้จะเน้นไปที่ตัวละครใบข้าวที่เป็นตัวดำเนินเรื่อง แม้ว่าเส้นเรื่องจะถูกเล่าผ่านตัวละครทิวลิป ที่ไม่รู้อะไรเลย เฉกเช่นเดียวกับคนดู
และพอเป็นซีรีส์ที่จำนวนตอนน้อย เรื่องนี้ได้ใช้ทั้งงานภาพ การเล่าเรื่อง และการตัดต่อ เพื่อความกระชับในการเล่าเรื่อง
เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มีเนื้อหาค่อนข้างดุเดือด แต่เล่ามาได้อย่างมีศิลปะชั้นเชิง
ถามว่าผ่านมา 4 อีพี เรื่องนี้สำหรับเราน่าสนใจอย่างไร?
ความน่าสนใจที่ 1: ซีนเปิดและปิดเรื่อง
เรื่องนี้มี intro ก่อนเข้าไตเติ้ล และฉากจบสุดท้าย ที่เหมือนตั้งใจถ่ายเพื่อทิ้งซีนให้เป็นซีนจบแต่แรก
ความน่าสนใจคือซีนเปิดและปิดของเรื่องนี้ ทั้งสองซีนในแต่ละอีพีจะถูกเปิดและปิดด้วย ใบข้าวเสมอ
ซึ่งดูจะเป็นความตั้งใจในการบอกว่าเรื่องนี้ถูกดำเนินไปด้วยตัวละครตัวไหนเป็นหลัก
ความน่าสนใจที่ 2: ตุ๊กตาไขลาน กับเพลง hush little baby
เพลงประกอบที่ฟังเผินๆ มันก็คือเพลงกล่อมเด็ก แต่ตัวเวอร์ชั่นที่เรื่องนี้เลือกมาใช้นั้นน่าสนใจมาก
เขาเลือกใช้เวอร์ชั่น papa แทนจะเป็น mama ที่คนน่าจะได้ยินบ่อยกว่าและมีการใช้ทำนองในทุกเวอร์ชั่น โดยเฉพาะเวอร์ชั่นหลอนๆที่เอามาใช้ในไตเติ้ล
เรียกได้ว่าฟังจนหลอน เพราะเพลงนี้และตุ๊กตาไขลานที่เล่นเพลงนี้ เหมือนจะเป็นกิมมิคของเรื่องนี้ ที่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมและเพราะอะไร
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ใช้ในการบรรยายความไม่ปกติของตัวละครใบข้าว
ความน่าสนใจที่ 3: การออกแบบและงานสร้าง
สีภาพเป็นตัวเซ็ทมู้ดแอนด์โทนของเรื่องได้ดีพอๆกับเพลงประกอบและการแสดง เรื่องนี้เลือกใช้สีน้ำเงินปนดำ
และพอผสมรวมกับเสียงเพลงประกอบ เราเลยได้อารมณ์ที่ทั้งหลอนและน่ากลัวไปในตัว แต่สีน้ำเงินมันก็แฝงไปด้วยความน่าเศร้าของตัวละคร
ทำให้ยิ่งสงสัยว่า อะไรกันนะที่ทำให้ใบข้าวต้องทำถึงขนาดนี้ และยิ่งน่าเศร้ากว่าเมื่อถึงจุดที่ทิวลิปรู้ตัวว่าเพื่อนรักไม่ได้รักเธออย่างที่เธอคิด
"เพราะตัวร้ายไม่ได้เกิดมาแล้วเป็นเลย แต่มันถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากสภาวะแวดล้อมต่างๆ"
และการเลือกซีน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความรุนแรง (ขอใช้คำนี้แล้วกัน) ต้องใช้ความว่าเข้าใจคิด
โดยเฉพาะในห้องล้างฟิล์ม ที่เป็นห้องที่ให้แสงสีแดง และไม่ต้องใช้ไฟเพิ่ม
(และตัวละครที่โดนก็เป็นนักศึกษาคณะที่ต้องมีการเรียนในห้องนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะบังเอิญเดินเข้าไป)
ซึ่งสร้างมู้ดแอนด์โทนการไล่ล่า แบบดุดันทั้งๆที่ มีแค่มือกับเท้าเปล่า แต่กลับน่ากลัวราวกับมีคนกำลังไล่ล่าตัวละครโดยที่ไม่ได้ใช้แค่มือเปล่า
บวกกับเพลงที่เป็นกิมมิคของเรื่องและของตัวละคร ที่เสริมให้ซีนแบบนี้น่ากลัวเข้าไปอีก จนเรื่องนี้เกือบจะเป็นแนว horror อยู่แล้ว
ความน่าสนใจที่ 4: การเล่าความคิดที่ไม่ปกติของใบข้าว ด้วยภาพและบรรยากาศประกอบ
ถ้าใครได้ดู ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ ความแปลกของใบข้าว ซึ่งเปิดอีพีแรกก็คงเห็นถึงความจิตของตัวละครตั้งแต่ช่วง intro
แต่นั่นเป็นเพียงการเกริ่นเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงมั้ย อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้และอาจเป็นแค่ศิลปะในการเกริ่นเข้าเรื่องแบบหนึ่งที่แปลกดี
และก็เป็นแค่ไม่กี่ครั้ง ที่เราได้เห็นความจิตหลุดของตัวละครตัวนี้ ที่ปล่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ถ้าดูจากการดำเนินเรื่องทั่วไปแล้วใบข้าวแทบจะมีบุคลิกไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป จนแทบไม่อาจยืนยันได้ว่าใช่หรือไม่
ในขณะที่ซีรีส์หรือละครหลายเรื่อง เวลาที่มีตัวละครที่จิตไม่ปกติ ตัวละครประเภทนี้จะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ใบข้าวมีวิธีการเล่น และการเล่าที่ต่างออกไป
โดยที่เขาเลือกให้แพตเล่นแบบเก็บความผิดปกตินี้ไว้ข้างในและเลือกใช้การแสดงออกผ่านทางพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ปกติแทน
ในขณะเดียวกันซีรีส์ใช้ เพลงประกอบรวมทั้งวิธีการที่ตัวละครตัวนี้เลือกใช้ในการแก้แค้น
ในการบ่งบอกว่าตัวละครตัวนี้ไม่ปกติ ซึ่งหากใครได้ดูน่าจะสัมผัสได้ถึงความหลอน และน่ากลัวของตัวละครตัวนี้
ทั้งที่ตัวละครใบข้าว เป็นตัวละครประเภทเดียวกับกุลนรี แต่ใช้วิธีการเล่นและเล่าที่คนละขั้วกัน
กุลนรีมีความผิดปกติที่แสดงออกมาให้คนดูเห็นได้ชัด แต่ใบข้าวมีความผิดปกติแต่กดมันลงไปและไม่สามารถเล่นให้คนดูเห็นได้ชัดขนาดนั้น
ความน่าสนใจที่ 5: พล็อตคือการแก้แค้น ที่ไม่ได้บอกคนดูว่าแค้นอะไร
ซีรีย์ที่ไทยทำ แนวแก้แค้นในยุคหลังๆมา มักจะบอกคนดูตั้งแต่อีพีต้นๆเลยว่า ตัวละครที่เป็นตัวร้ายหรือนางเอก ที่มีความแค้นเขาแค้นอะไร
แต่เรื่องนี้มาแปลก ตัวละครก็แก้แค้นไป ทำตัวละครอื่นต่างๆนานา คนดูจะเห็นวิธีการที่ใบข้าวใช้ แต่ไม่รู้เลยว่าใบข้าวทำไปทำไม
เพราะในมุมมองคนดูที่มองผ่านทิวลิปแล้ว ทิวลิปก็ดูไม่ได้ผิดอะไร จนสงสัยกันว่าหรือจะเป็นครอบครัวทิวลิป? แต่เพราะอะไร
ทำไมมาตีสนิทกับทิวลิป และดูจะพยายามกันทุกคนออกจากทิวลิป โดยไม่เลือกวิธีการ
ปกติแล้วคนดูจะรอดูจุดจบของตัวละครที่ทำไม่ดี แต่เรื่องนี้คนดูคงรอดูเฉลยว่า ทำไมใบข้าวถึงทำแบบนี้แทน
เพราะผ่านมาครึ่งเรื่องแล้ว เรายังคงเห็นแต่ how ยังไม่เห็น why
ซึ่งหลายคนก็เดาต่างๆนานาแต่ส่วนใหญ่ที่เดากัน เราก็ยังคิดว่าไม่น่าใช่แบบที่ทุกคนเดา
เพราะวิธีการที่ใบข้าวเลือกใช้มาแก้แค้น รวมทั้งความผิดปกติทางจิตใจของใบข้าว น่ากลัว เกินกว่าแค่เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เดาๆกัน
ความน่าสนใจที่ 6: การแสดงสุดละเอียดของแพต ชญานิษฐ์
จะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายของเรื่องก็คงได้ สำหรับการแสดงของแพต ชญานิษฐ์
ดูเผินๆ ตัวละครใบข้าวไม่ได้ต่างจากตัวละครในสายสีเดียวกันที่เธอเคยรับมาก่อน
แต่... ใบข้าวก็ยังมีความต่างที่ชัดและดูจะยากกว่าเรื่องอื่นไม่ใช่น้อย
เพราะการเก็บทุกอย่างไว้พร้อมที่จะระเบิดแต่ระเบิดไม่ได้ นั้นยากกว่าการะระเบิดทุกสื่งทุกอย่างออกมา
ตัวละครตัวนี้มีความผิดปกติทางจิตอยู่ซึ่งดูเหมือนจะมาจากปมในอดีต ที่น่าจะเกี่ยวข้องความแค้นที่เธอมี
แต่ต้องซ่อนมันเอาไว้ในขณะเดียวกันต้องแสร้งทำเป็นเพื่อนที่ดี
และยังต้องซ่อนความโกรธความแค้น ในทุกซีนที่เข้ากับทิวลิป เรียกได้ว่าน่าจะเป็นตัวละครที่มีมิติและเลเยอร์ลึกที่สุดของปีนี้ก็ว่าได้
และเธอต้องเล่นทุก range ตั้งแต่ ยิ้มแย้มแค่หน้า แต่แววตาแสดงความโกรธ เกลียด แค้น หรือจะเป็น สะใจ เศร้า กลัวแต่แสดงออกได้แค่ทางแววตา
ไปจนถึงบ้าคลั่งในบางซีน เรียกได้ว่าการแสดงของเธอคนดูจะต้องตั้งใจดู โดยเฉพาะแววตาของเธอ
เช่น ในบางซีนที่เข้ากับทิวลิปมันจะมีวูบนึงที่ใบข้าวเผลอหลุดลืมความเจ็บปวดและแผนการ
ราวกับว่า ถ้าเธอไม่ต้องแก้แค้น เธอกับทิวลิปคงจะเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันได้จริงๆ
แต่... นั่นแค่แว้บเดียวและก็เหมือนดึงสติตัวเองกลับมา และจำได้ว่ามาอยู่ตรงนี้ทำไม
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เธอแสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติซึ่งเป็นจุดแข็งของเธอ เพราะบีทที่ใช้ขยับตัวหรือใช้พูดคือบีทที่คนปกติใช้พูดหรือทำ
ใบข้าว จึงออกมาเป็นตัวละครที่เป็นคนปกติคนหนึ่งที่มีความคิดที่บิดเบี้ยวและมีจิตที่ไม่ปกติ
และเธอไม่ใช่แค่เอาตัวเองรอดและโดดเด่นออกมาเท่านั้น เธอสามารถส่งให้คู่แสดงของเธอได้เป็นอย่างดี
มันเหมือนนอกจากที่บทของเธอจะเป็นบทนำแล้ว เธอยังเป็นคนนำนสด. คนอื่นให้มาเล่นตามในบีทการแสดงของเธอ
ส่งผลให้เราได้เห็นวิธีการแสดงใหม่ๆของนสด. ที่เข้าซีนกับเธอ ความเรียลในแบบที่ไม่เคยเห็นในเรื่องก่อนๆ
ซึ่งจากคำบอกเล่าของนสด. คนอื่นๆ แพตอิมโพรไวส์ค่อนข้างเยอะโดยที่ยังยึดโครงบทอยู่
นั่นทำให้ทุกคนต้องเตรียมรับมือและเกิดเป็น magic moment ความเรียล ขึ้นหน้าเซ็ท
และนี่แค่ครึ่งทาง ยังมีความเป็นไปได้ที่ตัวละครจะไปไกลยิ่งกว่านี้ได้อีก ถ้าดูจะ ไม่วินาทีของ trailer ช่วงท้ายๆ
ซึ่งน่าจะทำให้เวทีนักแสดงนำหญิงปีหน้าเดือดแน่นอน
กิโลเมตรปีศาจที่คาดเดาไม่ได้ใน 4 อีพีที่เหลือ...
เขาใช้ 4 อีพีในการเล่าขยายสิ่งที่เราเห็นใน trailer ไปเกือบทั้งหมด พร้อมกับสำรวจคำว่า "เพื่อน" ในทุกอีพี
ซึ่ง 98% ของ trailer อยู่ใน อีพี 1-4 หมดแล้ว หลังจากนี้เราไม่มีทางเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีคำถามที่ยังไม่ได้รับการเฉลยว่าจริงๆแล้วใบข้าวแค้นอะไร และทำไปทำไม และอะไรบ้างที่เธอไม่โกหก
และเธอจะทำอะไรอีก เมื่อแผนการที่เธอวางมาอย่างดีเริ่มที่จะสั่นคลอนจากคนรอบตัวของเธอเองที่เธอคิดว่าน่าจะคุมได้
เมื่อไหร่ทิวลิปจะรู้ตัว และถ้าทิวลิปรู้ตัว เรื่องราวจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะทิวลิปถ้ารู้ตัวเมื่อไหร่ เธอไม่มีวันยอมแน่ๆ
ซีนที่ตบมาตบกลับแบบงงๆ ในอีพีแรกของเรื่อง เป็นการเล่าได้ดีด้วยภาพว่าจริงๆแล้วทิวลิปเป็นคนอย่างไร
และที่สำคัญเรื่องนี้มันจะจบอย่างไร ตามแบบฉบับละครไทยหรือไม่หรือจะหักมุม
และประโยคสุดท้ายของคำโปรยของเรื่องนี้ น่าสนใจมาก ที่บอกว่า...
"แต่เรื่องของความแค้นคงจะไม่จบลงง่ายๆ และอาจกลายเป็นโศกนาฏกรรม"
ถ้าใครที่ชอบซีรีส์แนวแก้แค้น และอยากได้รสชาติใหม่ๆ ลองหาเรื่องนี้มาดูได้
ส่วนใครที่ดูแล้ว คิดเห็นอย่างไร กับ เพื่อนสนิทพิษสหาย หลังจากผ่านมาครึ่งทาง กันบ้าง