เจ.ดี.พาวเวอร์ เผยปัญหาคุณภาพรถยนต์ใหม่ เสียง และระบบช่วยขับไม่นิ่ง

 เจดี พาวเวอร์ เผยผลศึกษาคุณภาพรถใหม่ในไทย ปี 2025 พบปัญหาเสียงเข้าห้องโดยสาร และระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) ยังไม่เสถียร

 นายอัตสึชิ คาวาฮาชิ ผู้อำนวยการอาวุโสของ เจ.ดี.พาวเวอร์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ในยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จคือแบรนด์ที่สามารถผสานความคาดหวังของลูกค้าเข้าไปในขั้นตอนของการออกแบบและผลิต

การมีข้อมูลเชิงลึกที่เก็บรวบรวมอย่างต่อเนื่องและการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล อาทิ ผลการศึกษาเชิงเปรียบเทียบจาก IQS ร่วมกับข้อมูลการติดตามคุณภาพอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และนำไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นถัดไปได้อย่างตรงจุด และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

การศึกษาครั้งนี้ เจ.ดี.พาวเวอร์จัดทำการวิจัยความคาดหวังของผู้ใช้รถร่วมกับ ดิฟเฟอเรนเชียล โดยศึกษาในกลุ่มผู้ใช้รถเครื่องยนต์สันดาปภาพใน (ICE) รถไฮบริด (HEV, PHEV) และรถพลังงานใหม่ (NEV) ในหัวข้อ 1) ระบบปรับอากาศ 2) ระบบช่วยขับ 3) ประสบการณ์ในการขับขี่ 4) ภายนอกรถ 5) เครื่องยนต์/มอเตอร์ และระบบส่งกำลัง 6) ฟีเจอร์/ปุ่มควบคุม/หน้าจอ 7) ระบบอินโฟเทนเมนท์ 8) ภายในรถ และ 9) เบาะนั่ง สำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) จะมีหมวดแบตเตอรี่และการชาร์จเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งหมวด

 โดยผลการศึกษาคุณภาพรถยนต์ใหม่ในประเทศไทย ประจำปี 2568 (J.D. Power 2025 Thailand Initial Quality StudySM (IQS)) ฉบับนี้อ้างอิงจากการตอบแบบสอบถามจากกลุ่มเจ้าของรถใหม่จำนวน 4,832 ราย ซึ่งซื้อรถระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2568 โดยทำการสำรวจภาคสนามระหว่างเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม 2568 ใน 22 เมืองใหญ่ทั่วประเทศไทย ครอบคลุมรถยนต์ 57 รุ่นจาก 15 แบรนด์ โดยจัดอันดับจากจำนวนปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน (PP100) ซึ่งคะแนนปัญหาน้อยแสดงถึงคุณภาพที่ดีกว่า

ทั้งนี้ผลสำรวจระดับคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 177 ปัญหาต่อรถ 100 คัน (177 PP100) ซึ่งพบปัญหาเกี่ยวกับเสียงรบกวนเพิ่มขึ้น โดยผลกระทบจากปัญหาเสียงรบกวน ได้แก่ เสียงจากพื้นถนนเสียงลมเข้าห้องโดยสาร เสียงจากช่วงล่าง โดยรถยนต์ทุกประเภท ทั้งรถยนต์พลังงานใหม่(NEV) รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป(ICE) และรถยนต์ไฮบริดจะมีปัญหาจากระบบช่วยขับขี่ (ADAS) ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นจนกลายเป็นปัญหา อาทิการแจ้งเตือนบ่อย ,แจ้งเตือนผิดจังหวะ  ขณะที่รถ NEV จะพบปัญหาการชาร์จอุปกรณ์ภายในรถที่สร้างความกังวลให้กับเจ้าของรถยนต์ เนื่องจากพอร์ตชาร์จไม่เพียงพอ และความเร็วในการชาร์จที่ต่ำ

 สำหรับรุ่นรถที่ได้อันดับสูงสุดในด้านคุณภาพ
1 กลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก (Compact Car) ได้แก่ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ (165 PP100)
2 กลุ่มรถยนต์ขนาดกลางระดับต้น (Entry Midsize Car) ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี แฮทช์แบ็ก (170 PP100)
3 กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดเล็ก (Compact SUV) ได้แก่ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี (174 PP100)
4 กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดใหญ่ (Large SUV) ได้แก่ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ (170 PP100)
5 กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ (MPV) ได้แก่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี (167 PP100)
6 กลุ่มรถกระบะตอนเดียว (Pickup Single Cab) ได้แก่ อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค (169 PP100)
7 กลุ่มรถกระบะตอนขยาย (Pickup Extended Cab) ได้แก่ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สมาร์ทแค็บ และ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ พรีรันเนอร์ สมาร์ทแค็บ ได้คะแนนเท่ากัน (181 PP100)
8 กลุ่มรถกระบะสี่ประตู (Pickup Double Cab) ได้แก่ มิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส ดี-แค็บ (169 PP100)
9 กลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV Car) ได้แก่ เอ็มจี 4 อิเล็กทริก (173 PP100)
10 กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงพลังงานใหม่ (NEV SUV) ได้แก่ บีวายดี แอตโต้ 3 (149 PP100)

เรื่องราวโดย Kittipong
ขอบคุณข้อมูลจาก KHAOSOD

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่