สวัสดีดีค่ะ ขอย้ำนะคะว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่ดิฉันกำลังเจออยู่ ไม่ใช่การแต่งเรื่องใดๆค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่าอาจจะไม่เก่งเรื่องการเล่าเรื่องนะคะ แต่จะพยายามพิมพ์ให้ทุกคนเข้าใจให้ได้มากที่สุดค่ะ
เราต้องแนะนำตัวก่อนนะคะ ว่าตอนนี้เรากำลังทำงานในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในย่าน กทม. หนูพูดตรงๆเลยนะคะ ว่าเเป็นร้านที่มีการแฝงอย่างอื่น เราทำมาถึงวันนี้ได้ 4 ปีแล้วค่ะ ซึ่งเราก็ทำเพราะคิดว่าได้เงินดีค่ะ เราเป็นค่อนข้างเป็นคนมีสเน่ห์ ไม่ได้หลงตัวเองนะคะ เพราะลูกค้าหลายคนจะมาจีบเราค่อนข้างเยอะ แต่เราไม่อยากมีคนคุยหรืออยากมีแฟนเลย เพราะเรามาทำงานนี้เราโฟกัสเรื่องเงินเท่านั้น เพราะเรามีภาระค่อนข้างเยอะค่ะ ทั้งภาระของตัวเองและภาระครอบครัวค่ะ ความคิดของเราตอนนั้นคือรีบทำและเก็บเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อเคลียร์หนี้เราและหนี้ของครอบครัว ทำให้ชีวิตทุกคนดีขี้นมา เราถึงจะไปหางานอย่างอื่นค่ะ
ขอเล่าย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน เรามีแฟนค่ะ ซึ่งแฟนเราคนนั้นก็เคยเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการเรา และเขาก็เอ็นดูสงสารเราที่เห็นว่าเรามาทำงานนี้ เลยช่วยเหลือเราโดยการให้เงินมาก้อนนึงมาให้เรายืม จ่ายหนี้นอกระบบ ซึ่งตอนนั้นเรามีทั้งหนี้นอกระบบ หนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนรถอีกค่ะ แต่การยืมก็มีการทำสัญญากับเขา และคุยกันได้ประมาณ 2-3 เดือน ก็รู้สึกผูกพันธ์ และย้ายมาอยู่ด้วยกัน ตอนแรกก็ไม่รู้สถานะอะไรนะคะ เพราะต่างคนก็ต่างรู้สึกดี พออยู่ด้วยกันนานๆก็รู้สึกผูกพันธ์ แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน เรา2คนไม่ได้เปิดตัวให้ใครรู้ แค่เราก็ไปไหนมาไหนด้วนกัน2คนตลอด เพราะเราก็ยังทำร้านคาราโอเกะอยู่ ซึ่งเขาก็รู้ค่ะ แต่เราบอกกับเขาว่าเราจะไม่ทำแบบแอบแฝงแล้ว เพื่อให้เขาสบายใจค่ะ ส่วนเขาทำงานบริษัทค่ะ พออยู่กันไปได้สักพักประมาณ1ปี ด้วยความที่เราก็ทำงานแบบนี้อยู่ เขาก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับงานที่เราทำ อาจจะเบื่อเราด้วยรึเปล่า เขาเลยไปคุยกับคนอื่น ซึ่งเราก็รู้และจับได้ แต่ถามว่าเราโกรธไหม เราก็ไม่โกรธ เพราะเราเองก็ทำงานคาราโอเกะ ก็มีแบบทำแบบแแบแฝงด้วย เพราะได้เงินค่อนข้างดี เราทั้ง2คนจึงตกลงจบความสัมพันธ์กันลงด้วยดี ต่างคนต่างอยู่ เขาก็ไปกับคนใหแฟนใหม่ของเขา เราก็รู้สึกยินดีมากๆ เพราะเราก็รู้ตัวเราดีว่าเราทำงานอะไร งานของเรามันไม่มีศักดิ์ศรีพอที่คนอื่นจะมองเราในแง่ดี ขอเล่าย้อนไปก่อนที่เราจะเลิกกันในระหว่างที่เราคบกับแฟนอยู่ ได้ประมาณ5 เดือน และทำงานอยู่ในร้านคาราโอเกะ ก็มีเสี่ยคนนึงมาใช้บริการเราเป็นประจำ เหมือนจะจีบเรา ดูแลเอาใจใส่เราตามใจเราทุกอย่าง ซึ่งเขาค่อนข้างที่จะมีเงิน แต่ตอนนั้นเราคบกับแฟนอยู่ เราก็บอกเขาไปว่าเรามีแฟนแล้ว แต่เสี่ยคนนั้นเขาก็ยังมาใช้บริการเรา ซื้อของให้เรา ตามใจเราทุกอย่าง และเขาได้บอกกับเราว่า ถ้าเราเลิกกับแฟน เขาจะให้เราทุกอย่างมากกว่านี้ ถามว่าตอนนั้นทุกคนอาจจะมองว่าเราเห็นแก่เงินก็ใช่ แต่เราก็เลือกที่จะปฏิเสธเขาไป ก็คือมีขอบเขตในการทำงานระหว่างเขากับเราคือบอกกับเขาว่าให้เขาคิดกับเราแค่ลูกค้า เพราะเรามีแฟนแล้ว เราย้ำกับเขามาตลอด แต่เขาก็ไม่ได้บังคับเราเลย แต่เขาก็ตามใจเราทุกอย่างเหมือนเดิม เรายอมรับว่าเราก็ผิดเองแหละที่เราไปคุยกับเขา แต่เราจะไม่ได้ไปหลอกเอาเงินอะไรเขานะคะ เพราะเราก็คิดว่าเขาเป็นลูกค้าคนสำคัญแค่นั้นมาใช้บริการก็จบค่ะ บางทีเขามาคุยกับเราเฉยๆ ก็ให้เงินเรา เขาก็ดูแลเราดี เขาดีกับเรามากๆ แต่เขาค่อนข้างมีนิสัยงี่เง่ามากๆ ทำตัวเหมือนเด็ก เราเลยไม่ได้คิดอะไรกับเขา อีกอย่างเขาก็ทำกับคนอื่นแบบเดียวกับเราเยอะ มีทั้งมาคุยกับเพื่อนของเราที่ทำร้านเดียวกันกับเราด้วย แต่เราก็คุยกับเขาเกือบทุกวันเคยเจอ เขาบอกกับเราว่าเพื่อนที่ทำงานที่ร้านเดียวกับกับเรายืมเงินเขาไปจำนวนนึง และให้เราเป็นคนทวงให้ เราไม่อยากยุ่งเลยให้เขาเป็นคนจัดการกันเอง
ย้อนมาเรื่องเรากับแฟนที่คบกันได้ 1ปี เราก็เลิกแฟน เราตกลงกับแฟนว่าจะเลิกกันด้วยดี และคอยช่วยเหลือกันเวลาเดือดร้อน และเขาเคยช่วยเราผ่อนงวดรถเวลาเราช็อต เราก็บอกว่าถ้าอยากใช้รถก็มายืมรถเราขับได้ ทุกอย่างก็จบด้วยดีนะคะ ส่วนเสี่ยคนนั้นเขาก็เพิ่งเลิกกับเด็กของเขาเหมือนกัน ซึ่งเขาก็มาเล่าให้เราฟังว่าเขาโดนเด็กหลอกให้โอนเงินเสียเงินยอดรวมๆก็เป็นขั้น7หลัก เลยจะให้เราเป็นคนพาไปทวง แต่เราก็ปฏิเสธเพราะเราไม่อยากมีปัญหาค่ะ แต่เราเห็นเขาดูเศร้าๆ เครียดๆ ด้วยความที่เราหวังดี เพราะเขาก็เคยดีกับเรา เราเลยคุกับเขาว่า เดี๋ยวเราจะช่วยให้ดีขึ้น พาไปเที่ยว พาทำอะไรที่จะได้ไม่เศร้าแบบนี้ ตอนนั้นเราพูเห็นเขา เขาดูโทรมมากๆ เราเลยสงสารเขา เราไม่ได้มีเจตนาที่จะมาหลอกเอาเงินเขาเลย เพราะเรารู้ว่าเขาเป็นคนนิสัยเป็นยังไง ตอนจบระหว่างเรากับเขาคงจะเป็นเหมือนกับคนก่อนๆที่ผ่านมาแน่ๆ เราเลยคุยกับเขาว่า เราจะช่วยให้เขาหายเศร้าหายเครียดเอง แต่จะทำในฐานะเพื่อนพี่น้อง คิดว่าเราเป็นเพื่อนพี่น้องเท่านั้น จะไม่มีการกระทำอะไรที่เหมือนแฟน เพราะตอนนั้นเราไม่ได้อยากมีแฟน เพราะเพิ่งเลิกกับแฟน เราโฟกัสแค่เงิน และเราไม่ได้อยากมีเขาเป็นแฟน เราก็พูดบอกกับเขาตรงๆเลย เขาก็โอเคทุกอย่าง เราก็เลยพาเขาไปเที่ยวเพื่อจะให้เขาผ่อนคลาย ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนชอบเที่ยวค่ะ ตอนที่เราเลิกกับแฟนจะไปเที่ยวคนเดียวอยู่แล้ว เลยชวนเขาไปด้วย ตอนไปเที่ยวเราก็ย้ำกับเขามาตลอดว่าอย่ามาคิดอะไรกับเราน่ะ มาเที่ยวด้วยกันแล้ว ไปเที่ยวแต่ล่ะที่เราเป็นคนจองห้องเอง โดยจองเป็นเตียงคู่ ไม่มีการกอดการหอมการจูบการมีอะไรกันทั้งนั้น เขาก็โอเค และเขาเป็นคนเสนอให้เราไม่ต้องทำงานนั้นแล้ว เขาจะดูแลและครอบครัวของเราเอง เราก็คิดสักพัก +กับความที่เราเบื่องานที่ทำอยู่ จะว่าเราอยากสบายก็ว่าได้ แต่ก็ย้ำกับเขาเว่าถ้าจะซัพพอร์ตก็ซัพพอร์ตได้ แต่ถ้าจะให้เป็นแฟน คงไม่ได้ และถ้าซัพพอร์ต เราทำงานได้เงินเดือน6หลัก คุณสามารถซัพพอร์ตได้ไหม? เพราะที่เรามาทำงานแบบนี้ก็ทำงานมาใช้หนี้ ทั้งหนี้เรา หนี้ที่บ้าน หนี้แฟนเก่า ค่างวดรถ ค่าเช่าห้อง ค่ากิน เรามีภาระค่อนข้างเยอะ เขาจะไหวรึเปล่า เขาก็บอกกับเราว่าสบายมาก แต่เราก็ยังไม่ได้ตกลงกับเขาเพราะว่าเราไม่ได้อยากให้มีปัญหาทีหลังเหมือนคนก่อนๆ แต่เหมือนจะดีใช่ไหมคะ แต่ไม่ค่ะ เพราะเหมือนที่เราเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าเราเคยบอกกับแฟนเก่าว่าถ้าลำบากหรือมีอะไรให้ช่วยก็ช่วยบอกได้ กับเรื่องรถสามารถยืมไปขับได้ แฟนเก่ามาขอยืมรถเราไปขับเราก็ให้ แต่พอเสี่ยมารู้เขาก็ไม่อยากให้เรายุ่ง ครั้งต่อไปที่แฟนเก่ามายืม เราเลยไม่ให้ยืม แฟนเก่าเราเลยไม่พอใจเพราะเห็นว่าเราก็ติดหนี้เขาอยู่ เขาเลยทวงหนี้มาทั้งหมด พอเสี่ยรู้เขาเลยจัดการเคลียร์หนี้ให้เรากับแฟนเก่าเพื่อไม่อยากให้ยุ่งด้วยกันอีก เรื่องเรากับแฟนเก่าก็จบลงไป และเขาก็จะทยอยเคลียร์หนี้อื่นๆให้เรา แต่ไม่ใช่หนี้หมดนะคะ เพราะก่อนเจอเขาเราก็ทำงานมีเงินของเราทยอยเคลียร์ปิดหนี้ไปทีล่ะเจ้า จากน้อยไปมาก ส่วนเราที่ด้วยความเกรงใจเราเลยพูดกับเขาว่า งั้นเป็นยืมแล้วกัน เพราะตอนนั้นเราก็ทำงานคาราโอเกะอยู่ เงินค่อนข้างดี ถามว่าเราทำงานเองเรามีเงินปลดหนี้ไหม ก็ทำได้ แต่จะใช้เวลานิดนึง เพราะตอนนั้นเจ้าหนี้โทรจิกเราทุกวัน เราเครียดมาก พอเขาเห็นเราเครียด เขาก็เลยช่วยเราปลดหนี้ ด้วยความที่เราเครียด กดดัน เราเลยตกลงให้เขาใช้หนี้ให้ แต่ไม่ได้ทำสัญญากู้เงินอะไรกับเขานะคะ เราไม่ได้จะโกงเขาอยู่แล้วค่ะ เพราะเราบอกเขาว่าเราจะยืมเขา พอเราหาเงินได้เราก็จะทยอยจ่ายเขาเพราะไม่อยากมีปัญหา แต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้ง พูดกัเราบเราว่าเรื่องเงินไม่ได้อะไรแล้ว เราเลยถามเขาว่าเขาเอาเงินมาจากนี้เยอะๆมาจากไหน เขาบอกกับเราว่า เป็นเงินที่พ่อเขาฝากให้เขาตั้งแต่เด็ก ซึ่งพ่อเขาเป็นทำงานในหน่วยงานนึง เขาอยากเอามาช่วยคนค่ะ เราก็เลยคิดอะไรค่ะ ส่วนเรากับเสี่ยก็คุยกันทุกวันนะคะ คุยได้ประมาณ1สัปดาห์ เขาก็บอกไม่อยากให้เราทำงานคาราโอเกะแล้ว เราก็ย้ำกับเขาตามที่เราถามข้างต้นอีกครั้ง กับเขาเว่าถ้าจะซัพพอร์ตก็ซัพพอร์ตได้ แต่ถ้าจะให้เป็นแฟน คงไม่ได้ และถ้าซัพพอร์ต เราทำงานได้เงินเดือน6หลัก คุณสามารถซัพพอร์ตทดแทนที่เราเสียรายได้ ได้ไหม? เพราะที่เรามาทำงานแบบนี้ก็ทำงานมาใช้หนี้ ทั้งหนี้เรา หนี้ที่บ้าน หนี้แฟนเก่า ค่างวดรถ ค่าเช่าห้อง ค่ากิน เรามีภาระค่อนข้างเยอะ เขาจะไหวรึเปล่าเขาก็บอกว่าเขาสามารถซัพพอร์ตได้สบายมาก ขอแค่เราซื่อสัตย์กับเขาก็พอ เราก็เลยตอบตกลง ระหว่างที่เราคุยกับเขาเราก็สร้างกำแพงของเรากับเขาไว้พอสมควร เพราะเราเคยบอกกับเขาไปแล้วข้างต้น เพราะเราไม่อยากมีปัญหาทีหลัง และพูดย้ำกับเขาเกือบทุกวัน เพราะไม่อยากให้เขามาคิดอะไรกับเรา ด้วยความที่เขาไม่ให้เราทำงาน เราก็ไม่ได้ทำอะไรวันๆตื่นมากินข้าวเล่นโทรศัพท์ ตอนเย็นไปกินข้าวกับเขาเขาก็พาไปซื้อของเสร็จ ก็แยกกันต่างคนต่างนอน เพราะที่พักอยู่ค่อนข้างไกลกัน วนลูปไปซ้ำๆ จนเรารู้สึกเบื่อๆ บางทีก็ชวนเพื่อนไปเที่ยวบ้าง และก็บอกเขาเพื่อไม่อยากมีปัญหา แต่พอบอกแล้วเขาก็มาหึงแม้กระทั่งเพื่อนเราที่เป็นผู้หญิง สืบประวัติเพื่อนเรา ไปหาเรื่องเราว่าเราไปมีคนอื่นทั้งๆที่เรามีแค่เขาคนเดียว เราอธิบายไปแล้วก็ถามเราซ้ำๆวันละ4-5รอบจนเรารู้สึกเบื่อและรำคาญไม่มีความสุข เราก็เลยพูดกับเขาไปตรงตรงว่าเราไม่มีความสุขที่เขาเป็นอย่างนี้เขาก็ไม่มีความสุข ต่างคนต่างไม่มีความสุข เขาก็บอกว่าเขาจะปรับตัว แต่วันต่อมาก็ยังเป็นอย่างนี้เหมือนเดิม ทะเลาะกันเกือบทุกวัน จนเราเป็นโรคซึมเศร้า เคยคิดที่จะxxxตัวเอง เพื่อที่จะไม่อยากมาเจอความงี่เง่าอย่างนี้อีก เราก็บอกเลิกกับเขา แล้วเขาก็ทวงทุกอย่างที่เขาเคยช่วยเรา ซึ่งเราก็บอกกับเขาว่าเขาเป็นคนบอกให้เราไม่ทำงานแล้วเค้าจะเป็นคน Support เราเองระหว่างที่เราไม่ทำงานเราก็เสียรายได้ เพราะก่อนหน้าที่ที่คุยกันตลอด1เดือน เราถามย้ำเขาตลอดว่าถ้าเลิกกันเรื่องหนี้เรื่องอะไรเค้าจะทวงกับเราหรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่ได้อะไรแล้วไม่ต้องไปคิดเรื่องนี้ ซึ่งเรามีคลิปเสียงที่เขาคุยกับเราด้วย จนเรารู้สึกไม่ไหวเราก็เลยไม่ติดต่อกับเขา แต่เขาก็เหมือนจะไม่อยากเลิก
แต่มันมีเรื่องที่แปลกลี้ลับ ที่เวลาเราทะเลาะกับเขาครั้งนึงตอนไปเที่ยวที่จ.นึงทางภาคเหนือ เราเคยมีอาการอยู่ดีๆเหมือนยืนก้มหน้าและตัวแข็งไปเลย จนเขาตกใจ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ตัวเอง อาการเหมือนคนผีเข้า และครั้งที่2 เราฝันว่าต้องไปที่สถานที่นึง ซึ่งในฝันบอกให้เราจัดเป็นพิธีไหว้ครูและมีสายสิญจน์มาพันรอบห้อง ซึ่งเราก็บอกกับเสี่ยคนนั้นว่าเราจะไปตจว. และเสี่ยคนนั้นก็ได้มาที่ห้องเรา เพราะเขาไม่เชื่อว่าเราไม่อยู่ห้อง เขาน่าจะมาเห็นที่เราจัดพิธีไว้ที่ห้อง ส่วนเราได้ไปทางจ.นึงในภาคอีสาน เราได้ไปเห็นปราสาทแห่งหนึ่ง ซึ่งคล้ายที่เราฝันเห็น และได้ไปไหว้ขอว่าให้เราทุกข์มาก อยากให้คนนี้ออกจากชีวิตเรา หลังจากที่เรากลับที่กทม.วันต่อมาเสี่ยก็ได้นัดเราไปหาเพื่อที่เคลียร์กัน กินข้าว คุยกันปกติ พอวันต่อมาปกติเขาจะทักเรามาก่อน แต่เขากลับเงียบหายไปเลย และประมาณ4 วัน เราก็บล็อคไลน์เขาไป แต่ไม่ได้บล็อคเบอร์นะคะ เขาก็ไม่โทรมาหาเราอีกเลย หลังจากนั้นเราก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้คุยกับเขาแล้ว และก็รู้สึกขนลุกมาก เพราะเราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เราเป็นคนใต้ บ้านเราก็มีครูมีหมอทางรักษาทางไสยศาสตร์น่ะ แต่เราไม่เคยเชื่อ จนมาเกิดกับตัวเราเอง แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นี้นะคะ…
(มีต่อนะคะ)
แบบนี้คือมิจฉาชีพหรืออะไรคะ ใครเคยเจอแบบนี้บ้างคะ??? ชีวิตจริงไม่ได้แต่งเรื่องค่ะ