รู้จักแม่ครูบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ ศิลปินแห่งชาติ 🇹🇭🧑🏻‍🎨 แม่ครูผู้สอนฟ้อน ใน MV เพลงใหม่ของ CGM48

รู้จักแม่ครูบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ ศิลปินแห่งชาติ 🇹🇭🧑🏻‍🎨
แม่ครูผู้สอนฟ้อน ใน MV เพลงใหม่ของ CGM48 ไอดอลญี่ปุ่นชื่อดังของเชียงใหม่ 🇯🇵
.




เปิดตัวไปเรียบร้อยสำหรับมิวสิควิดีโอเพลง “ได้(ด้าย)ไหม” ผลงานล่าสุดของ CGM48 เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของเชียงใหม่ และวงน้องสาวไอดอลญี่ปุ่นชื่อดังระดับชาติอย่าง BNK48 และ AKB48 โดยยังคงได้รับเสียงตอบรับจากแฟนเพลงและโอตะเป็นอย่างดี แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อยจากชาวเชียงใหม่ คือการปรากฏตัวของ “แม่ครูบัวเรียว รัตนมณีภรณ์” แม่ครูช่างฟ้อนชื่อดัง ที่มาสอนท่าฟ้อนสาวไหมให้แก่สมาชิกวง
.
โดยแม่ครูบัวเรียว รัตนมณีภรณ์  ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-ช่างฟ้อน) พุทธศักราช 2559 เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2489 ณ จังหวัดเชียงราย เป็นบุตรของนายกุย และนางจันทร์ฟอง สุภาวสิทธิ์  สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนบ้านหนองบัว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานาฏศิลป์และการละคร จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เมื่อ พ.ศ. 2547 สมรสกับ นายโสภณ รัตนมณีกรณ์ มีบุตรด้วยกัน 3 คน ได้แก่  นางสาวสายไหม นางสาวสายชล และนางสาวสนธยา รัตนมณีกรณ์
.
โดยแม่ครู เริ่มต้นเรียนการฟ้อนจากบิดา ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ได้รับการถ่ายทอด ท่ารำต่างๆ ได้แก่ การฟ้อนดาบ ฟ้อนเชิง รวมทั้งท่าฟ้อนสาวไหม ซึ่งบิดาได้รับแรงบันดาลใจจากอากัปกิริยาการทอผ้าฝ้ายของคนสมัยโบราณซึ่งกระบวนการทอผ้าฝ้ายเริ่มตั้งแต่การเก็บดอกฝ้าย การตากดอกฝ้าย การอีดฝ้าย การดีดฝ้ายให้ฟู ปั่นออกมาเป็นเส้นจนกระทั่งนำไปทอเป็นผืนผ้า จนเป็นผู้มีความสามารถในการฟ้อนต่างๆ ได้อย่างงดงาม  เมื่อได้นำออกแสดงก็มีปรับปรุงท่าฟ้อนให้เหมาะสมมากขึ้นตามแบบหญิงสาวชาวล้านนา ต่อมาได้รับการถ่ายทอดท่ารำฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน รำสีนวล ยวนรำพัด สร้อยแสงแดง ฟ้อนเงี้ยว ฯลฯ จากนายโม  ใจสม อดีตนักดนตรีและนาฏศิลป์ชั้นครูของอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และช่วยปรับปรุงเพลงสาวไหมทางเชียงรายขึ้นต่อเนื่องจากของเดิมแปลงทำนองจากเพลงลาวสมเด็จ จนการฟ้อนสาวไหมกลายเป็นเอกลักษณ์การฟ้อนของชาวบ้านศรีทรายมูล และจังหวัดเชียงรายจวบจนปัจจุบัน และในกาลต่อมา นางพลอยศรี สรรพศรี อดีตนาฏกรในคุ้มเจ้าดารารัศมีและคุ้มเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่  ได้นำท่าฟ้อนสาวไหมไปพัฒนาขึ้นเป็นสาวไหมอีกทางหนึ่ง ใช้ทำนองที่แตกต่างออกไป คือ เพลงปั่นฝ้าย บรรจุเป็นการฟ้อนแบบหนึ่ง ในวิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2510 เป็นต้นมา  
.
จากนั้นแม่ครู ได้นำฟ้อนสาวไหมและฟ้อนพื้นบ้านไปเผยแพร่ในพื้นที่ต่างๆ อย่างกว้างขวาง  โดยเฉพาะชมรมพื้นบ้านล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญ ทั้งการศึกษาวิจัยและการอนุรักษ์ลีลาการฟ้อนแบบดั้งเดิม และนางบัวเรียวยังได้รื้อฟื้นความรู้ในการฟ้อนพื้นบ้านหลายอย่างขึ้นมาถ่ายทอดให้กับคนรุ่นใหม่ ปรับปรุงการฟ้อนสาวไหมขึ้นเพิ่มเติม เรียบเรียงกระบวนการฟ้อนเชิง ฟ้อนดาบ ฟ้อนเล็บเชียงราย ฟ้อนเทียน ประดิษฐ์ท่ารำวงล้านนา ฟ้อนแม่หญิงล้านนา เป็นต้น รวมทั้งทำหน้าที่สอน ประกอบพิธีไหว้ครู และสาธิตการฟ้อนพื้นเมืองต่างๆ ให้แก่กลุ่มสตรี และเยาวชนในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงอยู่เสมอ ได้ทำหน้าที่วิทยาการถ่ายทอดความรู้ในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง
.
โดยแม่ครูจะฟ้อนสาวไหมทุกครั้งที่มีงานสำคัญๆ ของจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง กว่า 50 ปี ของการทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ในการอนุรักษ์และสืบสานศิลปะการแสดงพื้นบ้านล้านนา และเป็นแหล่งข้อมูลหลักทางนาฏศิลป์แก่นักวิชาการ สื่อมวลชน ประกอบกับความรู้ความสามารถ ผลงานที่โดดเด่น จึงมีสื่อเอกสาร ตำรา วิทยุ โทรทัศน์ ตลอดจนสื่อออนไลน์นำไปเผยแพร่อย่างสม่ำเสมอ จนได้รับการยกย่องให้เป็น“แม่ครู”ของชาวล้านนาปัจจุบันมีลูกศิษย์จากรุ่นสู่รุ่นนับร้อยรุ่น จำนวนหลายพันคนซึ่งกระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ และต่างประเทศ
.
ที่มา : CGM48 , Independent Artist Management , กรมส่งเสริมวัฒนธรรม

ที่มา

https://www.facebook.com/share/p/1BMEn1a39t/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่