ลมหายใจในวัย 40 กับความจริงที่เพิ่งค้นพบ (ข้อคิดเตือนใจ)

เมื่อสายลมแห่งกาลเวลาพัดผ่านผิวหน้าไปอย่างแผ่วเบา แต่ทิ้งร่องรอยแห่งความทรงจำและความเปลี่ยนแปลงไว้อย่างชัดเจน ตัวเลข 40 บนหน้าปัดเค้กวันเกิดไม่ได้เป็นเพียงแค่จำนวนนับทางคณิตศาสตร์ แต่มันคือหลักกิโลเมตรที่บอกว่าเราได้เดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวมาครึ่งค่อนชีวิตแล้วช่วงเวลานี้เปรียบเสมือนยามบ่ายคล้อยที่แดดเริ่มร่มลมเริ่มตก แสงอาทิตย์ไม่ได้แผดเผารุนแรงเหมือนตอนเที่ยงวัน แต่กลับให้ความอบอุ่นที่นุ่มนวลและลึกซึ้ง การก้าวเข้าสู่วัยนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนหนุ่มสาวจินตนาการ แต่มันคือช่วงเวลาแห่งการตกผลึกทางความคิด การมองเห็นโลกในมุมที่กว้างขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม
 
หากลองย้อนกลับไปมองตัวเองในกระจกเงาบานเดิมที่คุ้นเคย เราอาจจะเห็นริ้วรอยบางอย่างที่หางตา หรือเส้นผมสีขาวที่เริ่มแทรกตัวขึ้นมาทักทายอย่างไม่เกรงใจ นั่นคือสัญญาณเตือนจากธรรมชาติที่บอกให้เรารู้ว่าร่างกายนี้ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน มันคือบทเรียนบทแรกที่ชีวิตพยายามกระซิบบอกเรา แต่เรามักจะทำเป็นหูทวนลมเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น นั่นคือเรื่องของการดูแลสุขภาพร่างกายที่เปรียบเสมือนพาหนะคันเดียวที่เรามีในการเดินทางไกลครั้งนี้
 
เรื่องแรกที่อยากจะชวนคุยและเน้นย้ำให้หนักแน่นดั่งหินผาคืออย่ามองข้ามการดูแลสุขภาพเด็ดขาด ในวัย 20 หรือ 30 เราอาจจะเคยทำงานโต้รุ่งได้สบายโดยไม่ต้องนอน กินบุฟเฟต์หมูกระทะได้ทุกเย็นโดยที่น้ำหนักไม่ขึ้น หรือดื่มฉลองกับเพื่อนฝูงได้ยันเช้าแล้วตื่นไปทำงานต่อได้หน้าตาเฉย แต่เมื่อก้าวเข้าสู่เลข 40 ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปราวกับหนังคนละม้วน ร่างกายที่เคยซ่อมแซมตัวเองได้อย่างรวดเร็วกลับเริ่มทำงานช้าลง อาการปวดหลังที่เคยหายไปในวันเดียวอาจจะอยู่กวนใจเราเป็นสัปดาห์ สายตาที่เคยคมชัดเริ่มต้องการตัวช่วย และค่าเลือดต่างๆ จากการตรวจสุขภาพประจำปีเริ่มส่งสัญญาณตัวเลขสีแดงให้เราใจหายเล่น

การดูแลสุขภาพในวัยนี้ไม่ใช่ทางเลือกแต่มันคือทางรอด หากเราละเลยมันในวันนี้ วันข้างหน้าเราอาจจะต้องใช้เงินทั้งหมดที่หามาได้เพื่อรักษาตัวเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดหากต้องนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยพร้อมกับเงินกองโตแต่ไม่มีแรงลุกขึ้นไปใช้มัน การเริ่มหันมาใส่ใจอาหารการกิน ลดหวาน มัน เค็ม และหันมาทานผักผลไม้ให้มากขึ้นไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเรื่องของคนแก่ แต่มันคือการแสดงความรักต่อตัวเองที่ดีที่สุด
 การขยับร่างกายออกกำลังกายวันละนิดละหน่อยให้หัวใจได้สูบฉีดเลือด ให้กล้ามเนื้อได้ยืดเหยียด จะช่วยให้เรายังคงความกระฉับกระเฉงและมีพลังในการใช้ชีวิตต่อไปได้อีกยาวนาน จงจำไว้เสมอว่าสุขภาพดีคือมงกุฎที่คนป่วยเท่านั้นจะมองเห็น ดังนั้นอย่ารอให้ป่วยแล้วค่อยเห็นค่าของมัน แต่จงรักษามันไว้ให้ดีที่สุดตั้งแต่วินาทีนี้




เรื่องต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันและมักจะเป็นสิ่งที่คนวัยทำงานหลายคนเพิ่งจะมาตระหนักได้เมื่อสายไปคือเรื่องของการเงิน อย่ามองข้ามการเก็บเงินเป็นอันขาด ชีวิตในวัยหนุ่มสาวมักเต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจ ทั้งรถยนต์คันหรู โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เสื้อผ้าแบรนด์เนม หรือการท่องเที่ยวต่างประเทศเพื่อถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย สิ่งเหล่านี้สร้างความสุขได้จริงแต่เป็นเพียงความสุขชั่วคราวที่จางหายไปได้ง่ายดาย ทิ้งไว้เพียงภาระหนี้สินและความกังวลใจที่กัดกินความสุขในระยะยาว
เมื่ออายุ 40 เราจะเริ่มเห็นความจริงที่ว่าความมั่นคงทางการเงินคือความอุ่นใจที่แท้จริง การมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไม่ใช่เรื่องของคนขี้ขลาดหรือมองโลกในแง่ร้าย แต่มันคือเบาะนุ่มๆ ที่จะรองรับเราในวันที่เราสะดุดล้ม หากวันหนึ่งเราต้องตกงานกะทันหัน หรือมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ การมีเงินเก็บจะทำให้เราผ่านวิกฤตนั้นไปได้อย่างมีสติและสง่างาม ไม่ต้องแบกหน้าไปหยิบยืมใครหรือนอนก่ายหน้าผากด้วยความเครียด
การเริ่มวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้ไม่ใช่เรื่องที่เร็วเกินไป พลังของดอกเบี้ยทบต้นจะทำงานได้อย่างมหาศาลหากเราให้เวลากับมันมากพอ เงินเพียงเล็กน้อยที่ออมอย่างสม่ำเสมอในวันนี้ จะกลายเป็นภูเขาทองคำที่ดูแลเราในยามที่เราไม่มีแรงทำงานแล้ว จงเรียนรู้ที่จะใช้จ่ายให้น้อยกว่าที่หาได้ และเรียนรู้ที่จะลงทุนให้เงินงอกเงย ความสุขจากการเห็นตัวเลขในบัญชีเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อาจจะดูน่าเบื่อน้อยกว่าความตื่นเต้นในการช้อปปิ้ง แต่มันคือความสุขที่ยั่งยืนและทำให้เรานอนหลับฝันดีได้ทุกคืนโดยไม่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะกลัวเจ้าหนี้ ดังนั้นจงเริ่มเก็บออมและบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อให้วัยเกษียณของเราเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก



และเรื่องสุดท้ายที่อยากฝากไว้เป็นข้อคิดเตือนใจที่สำคัญที่สุด เปรียบเสมือนรากฐานของชีวิตที่มั่นคง คือเรื่องของที่ดิน ที่ดินสำคัญที่สุดในการสร้างที่อยู่อาศัย ในยุคสมัยที่คอนโดมิเนียมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดใจกลางเมือง พร้อมกับโฆษณาชวนเชื่อเรื่องความสะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้า เราอาจจะหลงลืมความสำคัญของพื้นดินไป แต่เมื่ออายุมากขึ้น เราจะโหยหาการได้เหยียบย่ำลงบนพื้นหญ้า การได้กลิ่นดินหลังฝนตก และการมีพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นอาณาจักรของเราอย่างแท้จริง
ที่ดินคือสินทรัพย์ที่มีแต่จะเพิ่มมูลค่าและไม่มีวันสูญหายไปไหน การเป็นเจ้าของที่ดินสักแปลง แม้จะไม่ใช่ใจกลางเมืองที่ศิวิไลซ์ แต่เป็นที่ดินชานเมืองหรือต่างจังหวัดที่มีอากาศบริสุทธิ์ มันคือหลักประกันความมั่นคงที่จับต้องได้มากที่สุด การปลูกบ้านบนที่ดินของตัวเองทำให้เรามีอิสระในการออกแบบชีวิต มีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ จัดสวน หรือแม้แต่ปลูกผักสวนครัวกินเอง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้คือการบำบัดจิตใจชั้นยอดสำหรับคนวัย 40 ที่ต้องการความสงบและหลีกหนีจากความวุ่นวายของโลกภายนอก
บ้านที่เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมบนตึกสูงอาจจะตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบ แต่บ้านที่ตั้งอยู่บนผืนดินคือคำตอบของชีวิตที่ยั่งยืน เราสามารถส่งต่อที่ดินผืนนี้เป็นมรดกให้กับลูกหลานได้ เป็นสมบัติที่ล้ำค่ากว่าเงินทองเพราะที่ดินผลิตเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว การมีที่ดินเป็นของตัวเองยังช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องที่อยู่อาศัย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าส่วนกลางที่แพงขึ้นเรื่อยๆ หรือปัญหาวุ่นวายจากเพื่อนร่วมตึกที่เราควบคุมไม่ได้ การได้มองเห็นต้นไม้ที่เราปลูกเองกับมือเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน บนที่ดินที่เป็นชื่อของเราเอง มันคือความภาคภูมิใจและความสุขที่เงินทองมากมายก็ซื้อไม่ได้

เมื่อเรานำทั้ง 3 เรื่องนี้มาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน สุขภาพ การเงิน และที่ดิน มันคือองค์ประกอบหลักของคำว่า ชีวิตที่สมบูรณ์ ในวัย 40 การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจะทำให้เรามีแรงในการหาเงินและการใช้ชีวิต การรู้จักเก็บออมและวางแผนการเงินจะทำให้เรามีทุนทรัพย์ในการซื้อที่ดินและสร้างบ้านในฝัน และการมีที่ดินและบ้านที่อบอุ่นจะเป็นสถานที่พักพิงทั้งกายและใจ ให้เราได้ดูแลสุขภาพและใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข
ช่วงวัย 40 จึงไม่ใช่จุดจบของความสนุกสนาน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคงและความเข้าใจชีวิตอย่างถ่องแท้ เราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามกระแสสังคมหรือแข่งกับใครอีกต่อไป สนามที่เราลงแข่งมีเพียงแค่ตัวเราในเมื่อวานเท่านั้น เป้าหมายคือการทำวันนี้ให้ดีกว่าเดิม เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตด้วยสติและปัญญา อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเวลาคือสิ่งเดียวที่เราไม่สามารถหาซื้อกลับมาได้

จงใช้ชีวิตในวัยนี้ด้วยความระมัดระวังแต่ไม่หวาดระแวง จงใช้ชีวิตด้วยความรื่นรมย์แต่ไม่ประมาท หันกลับมาดูแลตัวเองให้ดีเหมือนกับที่เราดูแลคนรอบข้างวางแผนการเงินให้รัดกุมเหมือนกับที่เราวางแผนงานในบริษัท และมองหาที่ดินสักแปลงเพื่อปักหลักสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับชีวิตเพราะท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ตำแหน่งหน้าที่การงานหรือชื่อเสียงเกียรติยศ แต่วัดกันที่ว่าเรามีความสุข สงบ และมั่นคงในบั้นปลายชีวิตมากน้อยเพียงใด
ขอให้วัย 40 ของทุกคนเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุด เปรียบเสมือนไวน์ชั้นดีที่ยิ่งบ่มนานยิ่งรสชาติกลมกล่อม ให้ทุกริ้วรอยบนใบหน้าเป็นเครื่องยืนยันถึงประสบการณ์อันล้ำค่า และให้ผมหงอกทุกเส้นเป็นตราประทับแห่งปัญญาที่สั่งสมมา ขอให้ทุกคนค้นพบความสุขที่แท้จริงจากการมีสุขภาพดี มีอิสรภาพทางการเงิน และมีบ้านบนผืนดินที่อบอุ่น เพื่อให้การเดินทางในครึ่งหลังของชีวิตเป็นการเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยความหมายและความทรงจำที่ดีงามตลอดไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่