ลุงเล่า Ep.326: อาการหมอนรองกระดูกปลิ้นส่วนใหญ่สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัด

ลุงเล่า Ep.326: อาการหมอนรองกระดูกปลิ้นส่วนใหญ่สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัด

ด้วยกลไกการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกายและการดูแลรักษาแบบประคับประคอง 

กลไกการหายเองตามธรรมชาติ

ร่างกายมีกระบวนการหลายอย่างที่ช่วยให้หมอนรองกระดูกปลิ้นดีขึ้นได้เอง:

* การหดกลับ (Retraction): ในบางกรณี เนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกที่ปลิ้นออกมาอาจหดกลับเข้าไปในตำแหน่งเดิมได้เอง

* การดูดซึมน้ำ (Water absorption):ส่วนประกอบภายในหมอนรองกระดูกมีน้ำเป็นส่วนใหญ่ ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำออกจากส่วนที่ปลิ้นออกมา ทำให้ขนาดของส่วนที่ปลิ้นเล็กลง และลดการกดทับเส้นประสาทได้

* การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน (Immune response):

เมื่อเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกหลุดออกไปจากตำแหน่งปกติ ระบบภูมิคุ้มกันจะมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและเริ่มกระบวนการอักเสบเพื่อย่อยสลายและกำจัดเนื้อเยื่อส่วนนั้นออกไป ซึ่งช่วยลดแรงกดบนเส้นประสาท 

ระยะเวลาในการฟื้นตัว

อาการมักจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงหลายเดือน 

* ประมาณ 60% ของผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังและปวดร้าวลงขาลดลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 2 เดือน

* ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 6 สัปดาห์ถึง 3 เดือน แม้ว่าการฟื้นตัวเต็มที่อาจใช้เวลาถึง 6-12 เดือน 

การดูแลตนเองเพื่อส่งเสริมการหาย

ในระหว่างรอการฟื้นตัว สามารถบรรเทาอาการและช่วยให้หายเร็วขึ้นได้ด้วยวิธีการดังนี้: 

* พักผ่อน: หากมีอาการปวดรุนแรง ควรพักกิจกรรมหนัก 1-3 วัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการนอนพักเป็นเวลานานเกินไป เพื่อป้องกันกล้ามเนื้ออ่อนแรงและตึงแข็ง

* ประคบร้อน/เย็น: ใช้แผ่นประคบเย็นเพื่อลดการอักเสบในช่วงแรก จากนั้นใช้แผ่นประคบร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในบริเวณที่ปวด

* ใช้ยาบรรเทาอาการปวด: สามารถช่วยบรรเทาอาการได้

* ออกกำลังกายเบาๆ: เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ทันทีที่อาการปวดทุเลาลง เช่น การเดิน หรือกายภาพบำบัดตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด จะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

* ปรับท่าทาง: รักษาท่าทางที่เหมาะสมขณะนั่ง ยืน และนอน เพื่อลดแรงกดต่อหมอนรองกระดูก

* โภชนาการที่ดี: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยในกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ 

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์

แม้ว่าส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น: 

* อาการปวดรุนแรงจนรบกวนการนอนหรือกิจวัตรประจำวัน

* มีอาการชา อ่อนแรง หรือรู้สึกผิดปกติที่ขาหรือเท้ามากขึ้น

* สูญเสียการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ (เป็นกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์) 

แพทย์สามารถวินิจฉัยที่ถูกต้อง (อาจใช้ MRI) และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม รวมถึงการทำกายภาพบำบัด การฉีดยาสเตียรอยด์ หรือในบางกรณีที่จำเป็นจริงๆ อาจพิจารณาการผ่าตัด 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่