หญิงสาวผู้ที่อยู่นอกเหนือกรอบของแนวดนตรีในตลาด ผู้ที่ได้รวบรวมวัฒนธรรมอันหลากหลาย และหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และผู้ที่มีเสียงไพเราะถ่ายทอดถึงความอบอุ่นและเยือกเย็นได้ในเวลาเดียวกัน
ใช่แล้ว...เธอก็คือ
KOKIA
ภาพหน้าปกจากซิงเกิ้ล Ai no Melody/Chōwa Oto (With Reflection) ปี 2006
วันนี้ผมจะมาแนะนำศิลปินคนโปรด ที่ผมได้รู้จักกับ KOKIA เพลงแรกสุดจากเพลง The Owl หรือเพลงนกฮูก ผ่านทาง Youtube สมัยที่ผมน่าจะอายุประมาณ 16 ปี ก่อนที่จะรู้จักเธอแบบว่าประปราย จนกระทั่งปี 2024 ถึงได้ถูกดนตรีของ KOKIA ตกเข้าให้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมตั้งใจไปเปิดดูว่า add favourite KOKIA เอาไว้เมื่อไหร่ แต่ก็ไปเห็นว่า ผมได้ add เพลงเธอเพลงแรกก็คือ "Pierrot no Yume" ซึ่งผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปเจอเธอตอนไหน เพราะช่วงนั้นกำลังมันส์อยู่กับเพลง Utada Hikaru และ Sheena Ringo สงสัย Spotify คง recommanded เพลงนี้มาและบังเอิญฟังแล้วชอบ เลยกด add ไป
ก่อนจะทิ้งช่วงไปถึงปี 2023 ที่ไปเปิดหน้า profile ของ KOKIA และกด add เพลงคร่าว ๆ เพราะตอนนั้นน่าจะนึกขึ้นได้ว่า เพลง The Owl นี่หน่า...ที่เราฟังเมื่อหลายปีก่อน ก็เลย add ไปสัก 5 เพลง
ก่อนจะหายไปอีก 1 ปีแล้วกลับมาฟังใหม่ แต่คราวนี้ฟังจริง ๆ นะ ฟังจน 4 เพลงติด Top 5 ของ Spotify แต่อันดับ 1 ดันเจอเพลงของ Mai Kuraki ที่เคยเปิด repeat ซ้ำ ๆ เป็นร้อยรอบ ตอนนั้นช็อคมากว่า "ฉันก็ฟัง KOKIA เยอะนะ ไหงเพลง Kuraki Mai ถึงโผล่มาได้"

ผมจะมาเล่าเรื่อง KOKIA แบบสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้ฟังนะครับ
โดย KOKIA เกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 1976 เธอมีความสามารถในการเล่นเปียโนและไวโอลินได้ โดยเธอมีน้องสาวที่เป็นโปร์ด้านไวโอลินอยู่ (โคเคียก็เคยเล่นครับตอน live ปี 2002 หาดูยากมากเพลง Douke)
แล้ว KOKIA ก็ได้ไปเรียนด้านการร้องเพลงแบบ Opera ที่อเมริกาตอนอายุ 14 ปี,
Songbird (1999)
KOKIA ได้เดบิวต์เข้าวงการเพลงตั้งแต่ปี 1998 ครับ กับอัลบั้ม
Songbird ที่ส่วนตัวผมว่า KOKIA เองก็คงไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะเหมือนผลงานมันถูกควบคุมไปหมด ทั้งซาวด์ วิธีการร้อง มันจะต่างจาก KOKIA ที่เรารู้จักมาก
และถามว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น เพราะมันจะมีเพลงหนึ่งที่อยู่ในยุคเดียวกันให้เปรียบเทียบครับ นั่นคือเพลง "
For Little Tail" ที่มันให้กลิ่นอายของอารยชนโบราณมาก ๆ แต่เพลงนี้ใช้ประกอบเกม
Tail Concerto (1998) ขณะที่เพลงฮิตของ KOKIA ในตอนนั้นคือ "
Arigatou" ซึ่งมันคนละกลิ่นอายกันเลย ถ้าไม่เชื่อลองไปหาอัลบั้มฟังกันดูได้ครับ
Songbird
彼方まで (2000)
หลังจากนั้น KOKIA จะได้ไปร่วมงานกับ
Kawamura Ryuichi หรือก็คือนักร้องนำวง LUNA SEA ที่เฮียกำลังทำโปรเจกต์ร่วมกับหลายศิลปินในนาม ЯK Standard ซึ่ง KOKIA เธอก็ได้ร้องเพลงอย่างเช่น
RK Standard feat. KOKIA - Gekitsuu
RK Standard feat. KOKIA - Melody
RK Standard feat. KOKIA - goes on forever
RK Standard feat. KOKIA - 風
และค่ายที่ KOKIA ไปร่วมงานด้วยก็คือ Victor Entertainment ทำให้พอเข้าสู่ปี 2001 เธอก็ตัดสินใจย้ายค่ายเข้ามาบ้านหลังใหม่ที่ชื่อว่า Victor และนี่แแหล่ะครับ จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้สายอาชีพของเธอจนถึงปัจจุบัน เพราะหลังกจากนี้เราจะได้เห็น KOKIA ในแบบที่เราคุ้นเคยกันดี
trip trip (2002)
หลังจากเข้ามาในค่ายเธอก็ปล่อยเพลงสัก 2 - 3 ซิงเกิ้ล ก่อนจะซัดอัลบั้มเต็มในปี 2002 ที่มีชื่อว่า "
trip trip" ถ้าให้อธิบายอัลบั้มนี้สั้น ๆ ...
"อัลบั้มที่เหมือนงานทดลอง Alternative มากกว่าครับ มันมีทั้งเพลงที่มีฟีลแบบเข้าไปในป่า เพลง Ballad เพราะ ๆ ซึ้งกินใจ และเพลงแปลก ๆ อย่าง ช้างสีชมพู องค์หญิง EHIME" คือ เอาเข้าจริง ผมฟังได้ประมาณ 5 - 6 ล่ะครับ บางเพลงนี่ไม่ได้เลย งงมาก ๆ แต่ก็ฟังนะเพราะเลิฟ KOKIA ซัง
Remember me (2003)
ถัดมาอีกนิดเดียวในปี 2003 กับอัลบั้ม "
Remember me" อัลบั้มที่ค่อนข้างบาลานซ์ได้ดีครับ ผมมีแผ่นซื้อเก็บเอาไว้ด้วยนะ แผ่นยังหาง่ายหน่อยเพราะมันเป็นอัลบั้มที่ขายได้เยอะที่สุดของ KOKIA สรุปสั้น ๆ กับอัลบั้มนี้
"มีความเป็นเพลง pop มากขึ้น หลายเพลงฟังง่าย มีเพลงสนุก ๆ อย่าง The Power of Smile บัลลาดอย่าง I Believe ~umi no soko kara~, Daiji na Mono wa Mabuta no Ura, Kawaranai Koto (Since 1976) และ Anshin no Naka จริงก็มีอีกนิดหน่อย แต่เอาแค่นี้ละกัน"
Uta ga Chikara (2004)
ถัดมาอีก 1 ปี อัลบั้มใหม่ปล่อยปี 2004 "
Uta ga Chikara" ยอดขายอาจจะลดลงมาหน่อย ซึ่งเธอขนเพลง pop มาเป็นจำนวนมาก เป็นอัลบั้มที่สดใส โลกสวยสดงดงาม ฟังแล้วมีพลังขับเคลื่อนบางอย่างได้ดี
"อัลบั้มนี้จะ pop โดดจากอัลบั้มทุกอันที่เธอเคยทำมาครับ ซึ่งผมก็แอบชอบบางเพลงนะอย่าง Yume ga Chikara, so much love for you และบัลลาดกินใจอย่าง Utau hito แต่รู้สึกมัน pop ไปหน่อยในความคิดผม"
และหลังจากนี้เองที่ KOKIA จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง นั่นก็คือ...
เสียงเพรียกจากพงไพร KOKIA (Akiko Yoshida)
ใช่แล้ว...เธอก็คือ KOKIA
วันนี้ผมจะมาแนะนำศิลปินคนโปรด ที่ผมได้รู้จักกับ KOKIA เพลงแรกสุดจากเพลง The Owl หรือเพลงนกฮูก ผ่านทาง Youtube สมัยที่ผมน่าจะอายุประมาณ 16 ปี ก่อนที่จะรู้จักเธอแบบว่าประปราย จนกระทั่งปี 2024 ถึงได้ถูกดนตรีของ KOKIA ตกเข้าให้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมจะมาเล่าเรื่อง KOKIA แบบสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้ฟังนะครับ
โดย KOKIA เกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 1976 เธอมีความสามารถในการเล่นเปียโนและไวโอลินได้ โดยเธอมีน้องสาวที่เป็นโปร์ด้านไวโอลินอยู่ (โคเคียก็เคยเล่นครับตอน live ปี 2002 หาดูยากมากเพลง Douke)
แล้ว KOKIA ก็ได้ไปเรียนด้านการร้องเพลงแบบ Opera ที่อเมริกาตอนอายุ 14 ปี,
KOKIA ได้เดบิวต์เข้าวงการเพลงตั้งแต่ปี 1998 ครับ กับอัลบั้ม Songbird ที่ส่วนตัวผมว่า KOKIA เองก็คงไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะเหมือนผลงานมันถูกควบคุมไปหมด ทั้งซาวด์ วิธีการร้อง มันจะต่างจาก KOKIA ที่เรารู้จักมาก
และถามว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น เพราะมันจะมีเพลงหนึ่งที่อยู่ในยุคเดียวกันให้เปรียบเทียบครับ นั่นคือเพลง "For Little Tail" ที่มันให้กลิ่นอายของอารยชนโบราณมาก ๆ แต่เพลงนี้ใช้ประกอบเกม Tail Concerto (1998) ขณะที่เพลงฮิตของ KOKIA ในตอนนั้นคือ "Arigatou" ซึ่งมันคนละกลิ่นอายกันเลย ถ้าไม่เชื่อลองไปหาอัลบั้มฟังกันดูได้ครับ Songbird
หลังจากนั้น KOKIA จะได้ไปร่วมงานกับ Kawamura Ryuichi หรือก็คือนักร้องนำวง LUNA SEA ที่เฮียกำลังทำโปรเจกต์ร่วมกับหลายศิลปินในนาม ЯK Standard ซึ่ง KOKIA เธอก็ได้ร้องเพลงอย่างเช่น
RK Standard feat. KOKIA - Gekitsuu
RK Standard feat. KOKIA - Melody
RK Standard feat. KOKIA - goes on forever
RK Standard feat. KOKIA - 風
และค่ายที่ KOKIA ไปร่วมงานด้วยก็คือ Victor Entertainment ทำให้พอเข้าสู่ปี 2001 เธอก็ตัดสินใจย้ายค่ายเข้ามาบ้านหลังใหม่ที่ชื่อว่า Victor และนี่แแหล่ะครับ จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้สายอาชีพของเธอจนถึงปัจจุบัน เพราะหลังกจากนี้เราจะได้เห็น KOKIA ในแบบที่เราคุ้นเคยกันดี
"อัลบั้มที่เหมือนงานทดลอง Alternative มากกว่าครับ มันมีทั้งเพลงที่มีฟีลแบบเข้าไปในป่า เพลง Ballad เพราะ ๆ ซึ้งกินใจ และเพลงแปลก ๆ อย่าง ช้างสีชมพู องค์หญิง EHIME" คือ เอาเข้าจริง ผมฟังได้ประมาณ 5 - 6 ล่ะครับ บางเพลงนี่ไม่ได้เลย งงมาก ๆ แต่ก็ฟังนะเพราะเลิฟ KOKIA ซัง
"มีความเป็นเพลง pop มากขึ้น หลายเพลงฟังง่าย มีเพลงสนุก ๆ อย่าง The Power of Smile บัลลาดอย่าง I Believe ~umi no soko kara~, Daiji na Mono wa Mabuta no Ura, Kawaranai Koto (Since 1976) และ Anshin no Naka จริงก็มีอีกนิดหน่อย แต่เอาแค่นี้ละกัน"
"อัลบั้มนี้จะ pop โดดจากอัลบั้มทุกอันที่เธอเคยทำมาครับ ซึ่งผมก็แอบชอบบางเพลงนะอย่าง Yume ga Chikara, so much love for you และบัลลาดกินใจอย่าง Utau hito แต่รู้สึกมัน pop ไปหน่อยในความคิดผม"
และหลังจากนี้เองที่ KOKIA จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง นั่นก็คือ...