ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ริเริ่มโครงการที่แปลกประหลาดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือการโจมตีแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกาด้วย ระเบิดบอลลูน
.
1. ความจำเป็นในการโจมตีที่ไม่เหมือนใคร
ญี่ปุ่นไม่สามารถส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากระยะทางที่ไกลเกินไป
นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรชาวญี่ปุ่นได้พัฒนาวิธีการที่ใช้ประโยชน์จากกระแสลมกรด (Jet Stream) ที่พัดผ่านเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกไปสู่ทวีปอเมริกาเหนือ
.
2. โครงการ Fu-Go (ระเบิดบอลลูน)
ระเบิดถูกติดตั้งไว้กับ บอลลูนขนาดใหญ่ที่ทำจากกระดาษวาชิ (Washi Paper) ซึ่งเป็นกระดาษญี่ปุ่นที่มีความแข็งแรงและราคาถูก บอลลูนถูกเติมด้วยก๊าซไฮโดรเจน
บอลลูนเหล่านี้ถูกปล่อยออกจากเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น โดยถูกคำนวณให้ลอยสูงขึ้นไปในกระแสลมกรดที่ระดับความสูงกว่า 9,100 เมตร และเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก (ระยะทางกว่า 8,000 กิโลเมตร) ภายในเวลาประมาณ 3 วัน
บอลลูนมีระบบปรับความสูงอัตโนมัติ โดยมีถุงทรายเป็นบัลลาสต์ (Ballast) หากบอลลูนลอยต่ำเกินไป จะมีการปล่อยถุงทรายออกเพื่อรักษาความสูง เมื่อบอลลูนเดินทางถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ กลไกเวลาจะทำงานและปล่อยระเบิดลงมา
.
3. ผลลัพธ์และการปิดข่าว
ระหว่างปี 1944 ถึง 1945 ญี่ปุ่นปล่อยระเบิดบอลลูนกว่า 9,000 ลูก คาดว่ามีเพียงประมาณ 1,000 ลูกเท่านั้นที่ไปถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก
ระเบิดส่วนใหญ่ตกในพื้นที่ห่างไกล เช่น ป่าไม้ หรือทะเลทราย และสร้างความเสียหายเล็กน้อย
มีผู้เสียชีวิตเพียง 6 คน จากการโจมตีด้วยบอลลูนเหล่านี้ พวกเขาคือแม่และเด็ก 5 คนที่ไปเที่ยวปิกนิก และพบระเบิดบอลลูนที่ยังไม่ระเบิดในป่าใกล้เมือง Bly, Oregon ถือเป็นพลเรือนเพียงกลุ่มเดียวในสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตจากการโจมตีโดยตรงของศัตรูในแผ่นดินใหญ่ตลอดสงคราม
รัฐบาลสหรัฐฯ และแคนาดาได้สั่งให้ ปิดข่าว เรื่องการโจมตีด้วยบอลลูนอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และที่สำคัญคือเพื่อไม่ให้ญี่ปุ่นรู้ว่าแผนการโจมตีของพวกเขาประสบความสำเร็จ ญี่ปุ่นจึงยุติโครงการไปในที่สุดเพราะคิดว่าระเบิดไม่ได้ผล
.
นี่จึงเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าแปลกใจที่ว่า การโจมตี "ครั้งสุดท้าย" ของสงครามในทวีปอเมริกาเหนือถูกดำเนินการโดย บอลลูนกระดาษ ที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสลมกรดครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง
🎈 สหรัฐฯ เคยถูกโจมตีด้วยบอลลูนกระดาษ (Fu-Go Balloon Bombs)
.
1. ความจำเป็นในการโจมตีที่ไม่เหมือนใคร
ญี่ปุ่นไม่สามารถส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากระยะทางที่ไกลเกินไป
นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรชาวญี่ปุ่นได้พัฒนาวิธีการที่ใช้ประโยชน์จากกระแสลมกรด (Jet Stream) ที่พัดผ่านเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกไปสู่ทวีปอเมริกาเหนือ
.
2. โครงการ Fu-Go (ระเบิดบอลลูน)
ระเบิดถูกติดตั้งไว้กับ บอลลูนขนาดใหญ่ที่ทำจากกระดาษวาชิ (Washi Paper) ซึ่งเป็นกระดาษญี่ปุ่นที่มีความแข็งแรงและราคาถูก บอลลูนถูกเติมด้วยก๊าซไฮโดรเจน
บอลลูนเหล่านี้ถูกปล่อยออกจากเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น โดยถูกคำนวณให้ลอยสูงขึ้นไปในกระแสลมกรดที่ระดับความสูงกว่า 9,100 เมตร และเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก (ระยะทางกว่า 8,000 กิโลเมตร) ภายในเวลาประมาณ 3 วัน
บอลลูนมีระบบปรับความสูงอัตโนมัติ โดยมีถุงทรายเป็นบัลลาสต์ (Ballast) หากบอลลูนลอยต่ำเกินไป จะมีการปล่อยถุงทรายออกเพื่อรักษาความสูง เมื่อบอลลูนเดินทางถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ กลไกเวลาจะทำงานและปล่อยระเบิดลงมา
.
3. ผลลัพธ์และการปิดข่าว
ระหว่างปี 1944 ถึง 1945 ญี่ปุ่นปล่อยระเบิดบอลลูนกว่า 9,000 ลูก คาดว่ามีเพียงประมาณ 1,000 ลูกเท่านั้นที่ไปถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก
ระเบิดส่วนใหญ่ตกในพื้นที่ห่างไกล เช่น ป่าไม้ หรือทะเลทราย และสร้างความเสียหายเล็กน้อย
มีผู้เสียชีวิตเพียง 6 คน จากการโจมตีด้วยบอลลูนเหล่านี้ พวกเขาคือแม่และเด็ก 5 คนที่ไปเที่ยวปิกนิก และพบระเบิดบอลลูนที่ยังไม่ระเบิดในป่าใกล้เมือง Bly, Oregon ถือเป็นพลเรือนเพียงกลุ่มเดียวในสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตจากการโจมตีโดยตรงของศัตรูในแผ่นดินใหญ่ตลอดสงคราม
รัฐบาลสหรัฐฯ และแคนาดาได้สั่งให้ ปิดข่าว เรื่องการโจมตีด้วยบอลลูนอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และที่สำคัญคือเพื่อไม่ให้ญี่ปุ่นรู้ว่าแผนการโจมตีของพวกเขาประสบความสำเร็จ ญี่ปุ่นจึงยุติโครงการไปในที่สุดเพราะคิดว่าระเบิดไม่ได้ผล
.
นี่จึงเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าแปลกใจที่ว่า การโจมตี "ครั้งสุดท้าย" ของสงครามในทวีปอเมริกาเหนือถูกดำเนินการโดย บอลลูนกระดาษ ที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสลมกรดครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง