เคสนี้คือ เคสที่ผมเจอกับตัวเอง แต่ถ้าเป็นคนอื่น พิจิตรา ชัยสุรินทร์ จะสร้างเรื่องใหม่ๆ ขึ้นมาหลอกเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันครับ
1.นางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์
พฤติกรรมแอบอ้าง ลูกสาวป่วย ผ่าตัดตัวใจโต ที่ โรงพยาบาล เปาโล สมุทรปราการ พอขอรายละเอียดว่าอยู่ที่ไหน จะไปดูก็บ่ายเบี่ยง
2. ขอยืมเงิน จะไปสำรองจ่าย ประกันชีวิต ที่อ้างว่าทำกับ บริษัท อลิอันซ์ เมื่อถึงเวลาเคลมประกัน ก็อ้างว่าถูกพนักงานขายประกัน ยักยอกเงินหนีไป บริษัทไม่รับผิดชอบ เมื่อขอเลขกรรมธรรม์มาเพื่อจะพิสูจน์ ช่วยตามเรื่องให้ กลับไม่ยอมให้เลขกรมธรรม์ อ้างว่าตัวจริงให้เขาไปหมดแล้ว ไม่ถ่ายเก็บไว้
3. อ้างว่า คุณหมอที่ดูแลเคสลูกสาวอยู่ จะช่วยทวงเงินประกันจากบริษัท อลิอันซ์ให้ เพราะเป็นเคสพิเศษ
4. อ้างว่าคุณหมอ ทวงเงินจากประกันได้แล้ว เงินอยู่ที่คุณหมอ แต่ให้โอนเงินค่า ห้องไอซียู 10,000 บาท รอบสุดท้าย หมอก็จะโอนเงิน เคลมประกันชีวิต ทั้งหมด 59,000 กว่าบาท เข้า บช
5. พอโอนเงินให้แล้ว คุณหมอ ไม่เข้ามา โรงพยาบาล นางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์ ตามไปที่ ร.พ. ผอ.ช่วยตรวจสอบถึงรู้ว่า หมอ คนนั้น ยักยอกเงินหนี พอขอดูสลิปที่โอนเงินให้หมอ กลายเป็นโอนเงินให้ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น จึงมั่นใจว่า เป็นการหลอกลวง เป็นมิจฉาชีพ พอถาม พิจิตรา เขาอ้างว่าเป็นเบอร์ บช ที่คุณหมอ ให้โอน (จุดน่าสงสัย ครั้งที่1)
6. ผอ. ได้พาไปตามตัวที่บ้าน ซึ่งเจอคุณหมออยู่ แต่อ้างว่าเงินทั้งหมด คุณหมอเขาโอนให้เจ้าหนี้ไปแล้ว เพราะเขามีหนี้อยู่หลายแสน ผอ. เลยให้พยามยามทวงเงินคืนจากหมอคนนี้เอง โดยที่ ทาง ร.พ. ไม่มีสำรองจ่ายให้ ผู้เสียหายก่อน แต่ ผอ. ได้แจ้งความแล้ว และไล่หมอคนนี้ ออกจาก ร.พ. แล้ว
7. พิจิตรา ได้อ้างว่า ปรึกษา ทนายประจำ โรงพัก สน.บางพลีแล้ว เขาจะช่วยทวงเงินจากหมอที่โกงไปให้ แต่ขอใต้โต๊ะ 3,000 บาท เลยแจ้งไปว่า ถ้าทวงเงินกลับมาได้ทั้งหมด จะโอนให้ทันที
8. ทนายตำรวจ ไปพบ ผอ. แต่ไม่เจอ
เลยกลับ บ่นว่าเสียเวลา จะขอค่าเสียเวลา3,000เลย เลยไม่ให้ เพราะไม่ได้เงินตามที่พูดกันไว้
9. พอมาถึงวันสุดท้าย พิจิตราได้โทรมา บอก ตำรวจช่วยทวงเงินได้แล้ว โดยให้ หมอคนนั้น เอารถไป จำนำ แล้วได้เงินมาแล้ว อยู่ที่ตำรวจ จะขอ ค่าเสียเวลาใต้โต๊ะ ตามที่บอกไว้ 3,000บาท แล้วจะโอนเงินทั้งหมดเข้า บัญชีธนาคารให้ เลยโอนเงินไปครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งที่สอง 2,000 บาท ชื่อคนรับเงิน คือ พิจิตรา
แต่ พิจิตรา โอนเงิน 2,000 บาท และ 1,000 บาททั้งสองครั้ง ให้กับ ตำรวจ ตามเลข บช ที่ตำรวจให้มา แต่เมื่อโอนแล้ว ปลายทาง กลายเป็นชื่อ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น อีกแล้ว (จุดสงสัยครั้งที่ 2 และ ครั้งที่ 3 ) แต่พิจิตรา อ้างว่า ตอนกดโอนเงิน ไม่ได้ดูชื่อปลายทางว่าเป็นใคร บอกแค่ว่า ตำรวจบอกให้โอนมาเบอร์นี้ เลยโอน
10. เมื่อโอนเงิน3,000บาท ไปแล้ว แต่ทาง ตำรวจ ไม่โอนเงินเข้ามา บช. ธนาคาร เลยติดต่อกลับไปที่พิจิตรา
ครู่ต่อมา พิจิตรา โทรเข้ามา แล้วบอกว่าทางตำรวจ ขอเรียกเพิ่มอีก 5,000 บาท จะเอาไปแบ่งกัน ผมไม่ยอมโอนให้แล้ว แล้วแจ้งทางพิจิตราไปว่า จะไม่คุย ไม่ต่อรอง ไม่มีการโอนเงินอีกแล้ว แล้วจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
จุดสังเกตคือ
1. ทำไม เลข บช ที่หมอให้โอนเงินให้ กับ เลข บช ที่ตำรวจ ให้โอนเงินให้ ทำไมปลายทาง เป็นบริษัทเดียวกัน
คือ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น ทั้งที่ ตำรวจ และหมอ ไม่ได้รู้จักกัน
2. พิจิตรา รู้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่า เคยโอนผิด ให้หมอ แต่กลายเป็นชื่อ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น แต่ เมื่อจะโอนครั้งที่สอง และครั้งที่สาม ให้ตำรวจ เมื่อปลายทาง เป็นชื่อบริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่นอีก แต่พิจิตรา ก็ยังโอนเพิ่มให้อีก ถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าตั้งใจกดโอนให้ แต่มาอ้างว่า ตอนจะโอน ไม่ได้ดูเพราะเป็นเลข บช ที่หมอ และตำรวจให้โอน เลยโอนเลย มันฟังไม่ขึ้นเลย
3. ตั้งแต่ที่เริ่มรู้ว่าลูกสาวเขาเข้าผ่าตัดหัวใจโต ที่ ร.พ. จนถึงวันสุดท้ายที่ตำรวจช่วยทวงเงิน พิจิตรา ไม่เคยมีเอกสาร หรือรูปภาพประกอบอะไรเลย แม้แต่รูปเดียว ไม่เคยมีแม้แต่ รูปภาพ ยืนยันว่าไปสถานที่นั้นมาจริงๆ ไม่เคยมีเอกสารการโอนเงิน เอกสารเลขกรมธรรม์ เอกสารการเข้ารักษา เอกสารแจ้งความ ทุกอย่างเกิดจากการพูดขึ้นมาเอง แต่งเรื่องขึ้นมาเองลอยๆ
จากทั้งหมดที่เกิดขึ้น เลยทำให้มองออกว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ซึ่งตัวละครทั้งหมด อาจไม่มีจริงเลย ถึงไม่มีเอกสาร รูปถ่ายติดวันที่มายืนยันความจริงเลยแม้แต่รูปเดียว เป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาทั้งหมด เพื่อหาเงินโอนให้ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น ซึ่งไม่รู้เลยว่า บริษัทนี้ ทำกิจการเกี่ยวกับอะไร เป็นมิจฉาชีพ หรือเปล่า
เพราะหลังจากโอนเงินให้บริษัทนี้แล้ว พิจิตรา ชัยสุรินทร์ ก็ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะแจ้งความกรณีโอนเงินผิดเลย ไม่อายัดบัญชีที่โอนเงินผิดไปให้ มูนช็อต อินโนเวชันเลย กลับปล่อยเรื่องนี้ไป และใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่ทุกข์ร้อน นี่คือจุดสังเกตอีกหนึ่งเรื่อง ว่า รู้ทั้งรู้ว่าโอนเงินผิดแต่ไม่แจ้งความดำเนินคดี เพื่อเอาเงินคืนกลับปล่อยเฉย และไม่เคยมาสอบถาม นายฉัตรปัญณพลอีกเลย ว่าเงินที่นายฉัตรปัญณพล ให้พิจิตรายืมไป จะคืนยังไง ดอกเบี้ยคิดเท่าไหร่ เจ้าหนี้มาทวงเงินไหม มีเงินพอใช้ไหมไม่เคยคิดจะนำเงินมาคืนให้ นายฉัตรปัญณพล เลยแม้แต่บาทเดียว
3. อีกเรื่องหนึ่งที่สงสัยคือ อ้างว่าไม่มีเงินใช้ เพราะถูก กยศ. หักเงินจาก บช ถึงเดือนละ 20,000บาท เพราะเคยกูเรียนไว้ แต่หนีไม่จ่าย พอ กยศ ตามได้ เลย หัก บช เดือนละ 20,000 บาท เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะ ค่าเสียหายที่ต้องคืนให้ผม เกือบ 54,380บาท ซึ่งมี สลิปโอนเงินให้เขา พร้อมระบุวันเวลา ชื่อคนรับเงิน ทุกอย่าง เป็นหลักฐานอยู่แล้ว
แต่พิจิตรา อ้างว่า อาจคืนได้น้อยหรือไม่พอคืน เพราะถูกกยศ.หักเงินเยอะ ทำให้ไม่พอใช้ และอาจถูกหักถึง 20,000 อีกหลายเดือน เพราะเขา เจรจา ประนอมหนี้ กับ กยศ. ไม่ได้ กยศ. ไม่ยอม
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องที่ ผม เจอมากับตัว เลยอยากมาเตือนภัยให้ สมาชิกในแอพ เลม่อน 8 นี้ ได้ระวังคนชื่อ พิจิตรา ชัยสุรินทร์ คนนี้ให้ดี แต่ปัจจุบันเขาถูกไล่ออกจาก พ้นสภาพการเป็นพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา บางนาทาวเวอร์ อาคาร บี ชั้น 16 เรียบร้อยแล้วครับ
1. เบอร์ 0891488992 (ใช้ติดต่อกับผมอยู่) เบอร์นี้ได้มาจากเพจ คนโกงระวังภัย ของเฟสบุ๊คด้วย
ถ้าในเพจนี้ มีใครเคยมีประสบการณ์ หรือเคย ติดต่อกับ
1. นางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์
2. บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น รายชื่อสองรายการนี้
3.ห้างร้าน และบริษัทไหน ที่รับนางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์ เข้าทำงานเป็นพนักงาน ให้จับตาคอยดูพฤติกรรมของคนคนนี้ดีๆ ระวังอย่าให้คนคนนี้ ยืมเงินเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
ถ้าใครติดต่อ หรือ ทำธุรกรรมอยู่ ให้ระวังด้วยนะครับ จะได้ไม่ถูกหลอกเหมือนผม ซึ่งตอนนี้ ผมได้ยื่นฟ้องคดี อาญาที่ ศาลจังหวัดสมุทรปราการเรียบร้อยแล้ว แล้วหมายเรียก ก็ส่งถึงบ้านของ พิจิตรา ชัยสุรินทร์ คนนี้เรียบร้อยแล้วครับ แต่ที่สำคัญคือต้องการ ให้ พิจิตรา ชัยสุรินทร์ คนนี้ กลายเป็นคนมีคดีติดตัวมากกว่า ไม่สามรถทำธุรกรรม ซื้อบ้าน ซื้อรถ ขอสินเชื่อและหางานทำได้อีก ต่อไปจะได้ไม่ต้องไปหลอกเอาเงินใครต่อใคร ได้อีก ในอนาคต ฝากทุกคนที่ผ่านเข้ามาเห็นโพสต์นี้ด้วยครับ ใครเป็นเพื่อนหรือรู้จักอยู่ให้ระวังตัวไว้นะครับ
(สำคัญมาก)อีกเรื่องหนึ่งครับ
ถ้ามีใครเคยถูกคนคนนี้ หลอกยืมเงินมาก่อน หรือกำลังถูกหลอกอยู่ หรือ นางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์ กำลังเข้ามาตีสนิทอยู่ สามารถมาลง ให้ข้อมูล รายละเอียดในเพจนี้ หัวข้อนี้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆได้เลยนะครับ เพราะผมกำลังฟ้องคดีอาญา มาตรา 341 กับเขาอยู่ครับ
#pichitrachaisurin
#พิจิตราชัยสุรินทร์
นี่เป็นภาพใบหน้าจริงๆของตนคนนี้

นี่เป็นภาพโปรไฟล์ของแอพ ไลน์ และ เฟสบุ๊ค ซึ่งในรูปยังปรากฏว่าใส่ชุดของพนักงานธนาคารกรุงศรีอยู่ แต่ปัจจุบันถูกไล่ออกจากธนาคารไปแล้ว
คนคนนี้ มีพฤติกรรมหลอกลวง ยืมเงินเพื่อนร่วมงาน ในที่ทำงานตั้งแต่เดือน3 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าหลอกคนอื่นมาอีกกี่คน ที่ทำงานที่บางนาทาวเวอร์ ก็มีคนตกเป็นเหยื่ออีกนับสิบคน ทั้ง พนักงานบริษัท แม่บ้าน และ รปภ.
และยืนยันว่ายังไม่มีใครได้เงินคืนเลย
ที่ผ่านมาผมได้ยื่นฟ้องคดีอาญามาตรา 341 ที่ศาลจังหวัด สมุทรปราการ แล้วรอดำเนินคดีอยู่ คดียังไม่สิ้นสุด
รูปภาพของเด็กที่เขาอ้างว่าเป็นรูปและผ่าตัดหัวใจโตเสร็จแล้วนอนพักอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล เขาก็ไปโหลดภาพจาก tiktok มาวางแล้วก็หลอกให้เจ้าของเงินหลงเชื่อ ว่าเป็นลูกสาวผ่าตัดแล้วพักฟื้นอยู่จริง แต่น้องชายได้เอาผ้าไปตรวจสอบแล้วพบว่ารุ่นนี้ถูกโพสต์อยู่ใน application tiktok เป็นของคนญี่ปุ่นที่ต่างประเทศ แต่พิจิตรา ชัยสุรินทร์ ไปโหลดมาจากกูเกิ้ล แอบอ้างว่าเป็นลูกของตัวเอง และผมยังมีพยานหลักฐาน บทสนทนาที่แคปหน้าจอไว้ อีก200กว่าหน้า และบทสนทนาของพิจิตรา กับผู้เสียหายคนอื่นซึ่งมาติดต่อผมไว้ อีกเกือบ 100หน้า ซึ่งภาพประกอบเยอะมากจนไม่สามารถโพสต์ลงในนี้ได้ แต่ได้ถ่ายเอกสาร และส่งให้อัยการที่ศาล ได้พิจารณาไปแล้ว ที่ผ่านมา ผมได้นำเรื่องนี้ ไปโพสต์ไว้ในเฟสบุ๊ค ในกลุ่ม
รวมคนโกงไว้เตือนเพื่อนๆ ไปแล้ว แต่คนนี้ ยังไม่หยุดสร้างเรื่องหลอกลวง คนอื่นต่อไปเรื่อยๆ โดยจะเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ ผมเลยเป็นห่วง ว่าจะมีคนที่ไม่รู้จัก ถูกคนคนนี้ มาตีสนิท ขอแอดไลน์ เป็นเพื่อน แล้วจะหลอกยืมเงินไปเรื่อยๆ จึงมาขอลงโพสต์เตือนภัย ในเวบ pantip ด้วย เพื่อหวังว่า เรื่องนี้ จะถูกส่งต่อ และเข้าถึงคนทั่วไป ในโซเชียล ได้เร็วกว่า ทางอื่น ขอได้โปรดพิจารณาด้วยนะคะรับ ผมยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ถ้าใครที่รู้ตัวว่ากำลัง เป็นเพื่อนหรือติดต่อประสานงานกับบุคคลคนนี้อยู่ ให้ระวังตัวไว้นะครับ อย่าได้ให้เขายืมเงินเด็ดขาด คนคนนี้ เป็นมิจฉาชีพ ในคราบ พนักงานบริษัทจริงๆ แต่ปัจจุบันถูกไล่ออกจากที่ทำงานไปแล้ว และผมไม่สามารถตามได้ว่าเขาทำงานอยู่ที่ไหน ใครที่จะรับ คนคนนี้เข้าทำงานในหน่วยงานให้ระวังไว้นะครับ
ใครมีข้อสงสัยอะไร มาลงรายละเอียดไว้ได้เลยนะครับ จะได้เป็นข้อมูลด้วยครับ
เตือนภัย มิจฉาชีพในคราบ พนักงานบริษัท
1.นางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์
พฤติกรรมแอบอ้าง ลูกสาวป่วย ผ่าตัดตัวใจโต ที่ โรงพยาบาล เปาโล สมุทรปราการ พอขอรายละเอียดว่าอยู่ที่ไหน จะไปดูก็บ่ายเบี่ยง
2. ขอยืมเงิน จะไปสำรองจ่าย ประกันชีวิต ที่อ้างว่าทำกับ บริษัท อลิอันซ์ เมื่อถึงเวลาเคลมประกัน ก็อ้างว่าถูกพนักงานขายประกัน ยักยอกเงินหนีไป บริษัทไม่รับผิดชอบ เมื่อขอเลขกรรมธรรม์มาเพื่อจะพิสูจน์ ช่วยตามเรื่องให้ กลับไม่ยอมให้เลขกรมธรรม์ อ้างว่าตัวจริงให้เขาไปหมดแล้ว ไม่ถ่ายเก็บไว้
3. อ้างว่า คุณหมอที่ดูแลเคสลูกสาวอยู่ จะช่วยทวงเงินประกันจากบริษัท อลิอันซ์ให้ เพราะเป็นเคสพิเศษ
4. อ้างว่าคุณหมอ ทวงเงินจากประกันได้แล้ว เงินอยู่ที่คุณหมอ แต่ให้โอนเงินค่า ห้องไอซียู 10,000 บาท รอบสุดท้าย หมอก็จะโอนเงิน เคลมประกันชีวิต ทั้งหมด 59,000 กว่าบาท เข้า บช
5. พอโอนเงินให้แล้ว คุณหมอ ไม่เข้ามา โรงพยาบาล นางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์ ตามไปที่ ร.พ. ผอ.ช่วยตรวจสอบถึงรู้ว่า หมอ คนนั้น ยักยอกเงินหนี พอขอดูสลิปที่โอนเงินให้หมอ กลายเป็นโอนเงินให้ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น จึงมั่นใจว่า เป็นการหลอกลวง เป็นมิจฉาชีพ พอถาม พิจิตรา เขาอ้างว่าเป็นเบอร์ บช ที่คุณหมอ ให้โอน (จุดน่าสงสัย ครั้งที่1)
6. ผอ. ได้พาไปตามตัวที่บ้าน ซึ่งเจอคุณหมออยู่ แต่อ้างว่าเงินทั้งหมด คุณหมอเขาโอนให้เจ้าหนี้ไปแล้ว เพราะเขามีหนี้อยู่หลายแสน ผอ. เลยให้พยามยามทวงเงินคืนจากหมอคนนี้เอง โดยที่ ทาง ร.พ. ไม่มีสำรองจ่ายให้ ผู้เสียหายก่อน แต่ ผอ. ได้แจ้งความแล้ว และไล่หมอคนนี้ ออกจาก ร.พ. แล้ว
7. พิจิตรา ได้อ้างว่า ปรึกษา ทนายประจำ โรงพัก สน.บางพลีแล้ว เขาจะช่วยทวงเงินจากหมอที่โกงไปให้ แต่ขอใต้โต๊ะ 3,000 บาท เลยแจ้งไปว่า ถ้าทวงเงินกลับมาได้ทั้งหมด จะโอนให้ทันที
8. ทนายตำรวจ ไปพบ ผอ. แต่ไม่เจอ
เลยกลับ บ่นว่าเสียเวลา จะขอค่าเสียเวลา3,000เลย เลยไม่ให้ เพราะไม่ได้เงินตามที่พูดกันไว้
9. พอมาถึงวันสุดท้าย พิจิตราได้โทรมา บอก ตำรวจช่วยทวงเงินได้แล้ว โดยให้ หมอคนนั้น เอารถไป จำนำ แล้วได้เงินมาแล้ว อยู่ที่ตำรวจ จะขอ ค่าเสียเวลาใต้โต๊ะ ตามที่บอกไว้ 3,000บาท แล้วจะโอนเงินทั้งหมดเข้า บัญชีธนาคารให้ เลยโอนเงินไปครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งที่สอง 2,000 บาท ชื่อคนรับเงิน คือ พิจิตรา
แต่ พิจิตรา โอนเงิน 2,000 บาท และ 1,000 บาททั้งสองครั้ง ให้กับ ตำรวจ ตามเลข บช ที่ตำรวจให้มา แต่เมื่อโอนแล้ว ปลายทาง กลายเป็นชื่อ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น อีกแล้ว (จุดสงสัยครั้งที่ 2 และ ครั้งที่ 3 ) แต่พิจิตรา อ้างว่า ตอนกดโอนเงิน ไม่ได้ดูชื่อปลายทางว่าเป็นใคร บอกแค่ว่า ตำรวจบอกให้โอนมาเบอร์นี้ เลยโอน
10. เมื่อโอนเงิน3,000บาท ไปแล้ว แต่ทาง ตำรวจ ไม่โอนเงินเข้ามา บช. ธนาคาร เลยติดต่อกลับไปที่พิจิตรา
ครู่ต่อมา พิจิตรา โทรเข้ามา แล้วบอกว่าทางตำรวจ ขอเรียกเพิ่มอีก 5,000 บาท จะเอาไปแบ่งกัน ผมไม่ยอมโอนให้แล้ว แล้วแจ้งทางพิจิตราไปว่า จะไม่คุย ไม่ต่อรอง ไม่มีการโอนเงินอีกแล้ว แล้วจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
จุดสังเกตคือ
1. ทำไม เลข บช ที่หมอให้โอนเงินให้ กับ เลข บช ที่ตำรวจ ให้โอนเงินให้ ทำไมปลายทาง เป็นบริษัทเดียวกัน
คือ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น ทั้งที่ ตำรวจ และหมอ ไม่ได้รู้จักกัน
2. พิจิตรา รู้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่า เคยโอนผิด ให้หมอ แต่กลายเป็นชื่อ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น แต่ เมื่อจะโอนครั้งที่สอง และครั้งที่สาม ให้ตำรวจ เมื่อปลายทาง เป็นชื่อบริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่นอีก แต่พิจิตรา ก็ยังโอนเพิ่มให้อีก ถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าตั้งใจกดโอนให้ แต่มาอ้างว่า ตอนจะโอน ไม่ได้ดูเพราะเป็นเลข บช ที่หมอ และตำรวจให้โอน เลยโอนเลย มันฟังไม่ขึ้นเลย
3. ตั้งแต่ที่เริ่มรู้ว่าลูกสาวเขาเข้าผ่าตัดหัวใจโต ที่ ร.พ. จนถึงวันสุดท้ายที่ตำรวจช่วยทวงเงิน พิจิตรา ไม่เคยมีเอกสาร หรือรูปภาพประกอบอะไรเลย แม้แต่รูปเดียว ไม่เคยมีแม้แต่ รูปภาพ ยืนยันว่าไปสถานที่นั้นมาจริงๆ ไม่เคยมีเอกสารการโอนเงิน เอกสารเลขกรมธรรม์ เอกสารการเข้ารักษา เอกสารแจ้งความ ทุกอย่างเกิดจากการพูดขึ้นมาเอง แต่งเรื่องขึ้นมาเองลอยๆ
จากทั้งหมดที่เกิดขึ้น เลยทำให้มองออกว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ซึ่งตัวละครทั้งหมด อาจไม่มีจริงเลย ถึงไม่มีเอกสาร รูปถ่ายติดวันที่มายืนยันความจริงเลยแม้แต่รูปเดียว เป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาทั้งหมด เพื่อหาเงินโอนให้ บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น ซึ่งไม่รู้เลยว่า บริษัทนี้ ทำกิจการเกี่ยวกับอะไร เป็นมิจฉาชีพ หรือเปล่า
เพราะหลังจากโอนเงินให้บริษัทนี้แล้ว พิจิตรา ชัยสุรินทร์ ก็ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะแจ้งความกรณีโอนเงินผิดเลย ไม่อายัดบัญชีที่โอนเงินผิดไปให้ มูนช็อต อินโนเวชันเลย กลับปล่อยเรื่องนี้ไป และใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่ทุกข์ร้อน นี่คือจุดสังเกตอีกหนึ่งเรื่อง ว่า รู้ทั้งรู้ว่าโอนเงินผิดแต่ไม่แจ้งความดำเนินคดี เพื่อเอาเงินคืนกลับปล่อยเฉย และไม่เคยมาสอบถาม นายฉัตรปัญณพลอีกเลย ว่าเงินที่นายฉัตรปัญณพล ให้พิจิตรายืมไป จะคืนยังไง ดอกเบี้ยคิดเท่าไหร่ เจ้าหนี้มาทวงเงินไหม มีเงินพอใช้ไหมไม่เคยคิดจะนำเงินมาคืนให้ นายฉัตรปัญณพล เลยแม้แต่บาทเดียว
3. อีกเรื่องหนึ่งที่สงสัยคือ อ้างว่าไม่มีเงินใช้ เพราะถูก กยศ. หักเงินจาก บช ถึงเดือนละ 20,000บาท เพราะเคยกูเรียนไว้ แต่หนีไม่จ่าย พอ กยศ ตามได้ เลย หัก บช เดือนละ 20,000 บาท เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะ ค่าเสียหายที่ต้องคืนให้ผม เกือบ 54,380บาท ซึ่งมี สลิปโอนเงินให้เขา พร้อมระบุวันเวลา ชื่อคนรับเงิน ทุกอย่าง เป็นหลักฐานอยู่แล้ว
แต่พิจิตรา อ้างว่า อาจคืนได้น้อยหรือไม่พอคืน เพราะถูกกยศ.หักเงินเยอะ ทำให้ไม่พอใช้ และอาจถูกหักถึง 20,000 อีกหลายเดือน เพราะเขา เจรจา ประนอมหนี้ กับ กยศ. ไม่ได้ กยศ. ไม่ยอม
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องที่ ผม เจอมากับตัว เลยอยากมาเตือนภัยให้ สมาชิกในแอพ เลม่อน 8 นี้ ได้ระวังคนชื่อ พิจิตรา ชัยสุรินทร์ คนนี้ให้ดี แต่ปัจจุบันเขาถูกไล่ออกจาก พ้นสภาพการเป็นพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา บางนาทาวเวอร์ อาคาร บี ชั้น 16 เรียบร้อยแล้วครับ
1. เบอร์ 0891488992 (ใช้ติดต่อกับผมอยู่) เบอร์นี้ได้มาจากเพจ คนโกงระวังภัย ของเฟสบุ๊คด้วย
ถ้าในเพจนี้ มีใครเคยมีประสบการณ์ หรือเคย ติดต่อกับ
1. นางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์
2. บริษัท มูนช็อต อินโนเวชั่น รายชื่อสองรายการนี้
3.ห้างร้าน และบริษัทไหน ที่รับนางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์ เข้าทำงานเป็นพนักงาน ให้จับตาคอยดูพฤติกรรมของคนคนนี้ดีๆ ระวังอย่าให้คนคนนี้ ยืมเงินเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
ถ้าใครติดต่อ หรือ ทำธุรกรรมอยู่ ให้ระวังด้วยนะครับ จะได้ไม่ถูกหลอกเหมือนผม ซึ่งตอนนี้ ผมได้ยื่นฟ้องคดี อาญาที่ ศาลจังหวัดสมุทรปราการเรียบร้อยแล้ว แล้วหมายเรียก ก็ส่งถึงบ้านของ พิจิตรา ชัยสุรินทร์ คนนี้เรียบร้อยแล้วครับ แต่ที่สำคัญคือต้องการ ให้ พิจิตรา ชัยสุรินทร์ คนนี้ กลายเป็นคนมีคดีติดตัวมากกว่า ไม่สามรถทำธุรกรรม ซื้อบ้าน ซื้อรถ ขอสินเชื่อและหางานทำได้อีก ต่อไปจะได้ไม่ต้องไปหลอกเอาเงินใครต่อใคร ได้อีก ในอนาคต ฝากทุกคนที่ผ่านเข้ามาเห็นโพสต์นี้ด้วยครับ ใครเป็นเพื่อนหรือรู้จักอยู่ให้ระวังตัวไว้นะครับ
(สำคัญมาก)อีกเรื่องหนึ่งครับ
ถ้ามีใครเคยถูกคนคนนี้ หลอกยืมเงินมาก่อน หรือกำลังถูกหลอกอยู่ หรือ นางสาว พิจิตรา ชัยสุรินทร์ กำลังเข้ามาตีสนิทอยู่ สามารถมาลง ให้ข้อมูล รายละเอียดในเพจนี้ หัวข้อนี้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆได้เลยนะครับ เพราะผมกำลังฟ้องคดีอาญา มาตรา 341 กับเขาอยู่ครับ
#pichitrachaisurin
#พิจิตราชัยสุรินทร์
นี่เป็นภาพใบหน้าจริงๆของตนคนนี้
นี่เป็นภาพโปรไฟล์ของแอพ ไลน์ และ เฟสบุ๊ค ซึ่งในรูปยังปรากฏว่าใส่ชุดของพนักงานธนาคารกรุงศรีอยู่ แต่ปัจจุบันถูกไล่ออกจากธนาคารไปแล้ว
คนคนนี้ มีพฤติกรรมหลอกลวง ยืมเงินเพื่อนร่วมงาน ในที่ทำงานตั้งแต่เดือน3 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าหลอกคนอื่นมาอีกกี่คน ที่ทำงานที่บางนาทาวเวอร์ ก็มีคนตกเป็นเหยื่ออีกนับสิบคน ทั้ง พนักงานบริษัท แม่บ้าน และ รปภ.
และยืนยันว่ายังไม่มีใครได้เงินคืนเลย
ที่ผ่านมาผมได้ยื่นฟ้องคดีอาญามาตรา 341 ที่ศาลจังหวัด สมุทรปราการ แล้วรอดำเนินคดีอยู่ คดียังไม่สิ้นสุด
รูปภาพของเด็กที่เขาอ้างว่าเป็นรูปและผ่าตัดหัวใจโตเสร็จแล้วนอนพักอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล เขาก็ไปโหลดภาพจาก tiktok มาวางแล้วก็หลอกให้เจ้าของเงินหลงเชื่อ ว่าเป็นลูกสาวผ่าตัดแล้วพักฟื้นอยู่จริง แต่น้องชายได้เอาผ้าไปตรวจสอบแล้วพบว่ารุ่นนี้ถูกโพสต์อยู่ใน application tiktok เป็นของคนญี่ปุ่นที่ต่างประเทศ แต่พิจิตรา ชัยสุรินทร์ ไปโหลดมาจากกูเกิ้ล แอบอ้างว่าเป็นลูกของตัวเอง และผมยังมีพยานหลักฐาน บทสนทนาที่แคปหน้าจอไว้ อีก200กว่าหน้า และบทสนทนาของพิจิตรา กับผู้เสียหายคนอื่นซึ่งมาติดต่อผมไว้ อีกเกือบ 100หน้า ซึ่งภาพประกอบเยอะมากจนไม่สามารถโพสต์ลงในนี้ได้ แต่ได้ถ่ายเอกสาร และส่งให้อัยการที่ศาล ได้พิจารณาไปแล้ว ที่ผ่านมา ผมได้นำเรื่องนี้ ไปโพสต์ไว้ในเฟสบุ๊ค ในกลุ่ม
รวมคนโกงไว้เตือนเพื่อนๆ ไปแล้ว แต่คนนี้ ยังไม่หยุดสร้างเรื่องหลอกลวง คนอื่นต่อไปเรื่อยๆ โดยจะเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ ผมเลยเป็นห่วง ว่าจะมีคนที่ไม่รู้จัก ถูกคนคนนี้ มาตีสนิท ขอแอดไลน์ เป็นเพื่อน แล้วจะหลอกยืมเงินไปเรื่อยๆ จึงมาขอลงโพสต์เตือนภัย ในเวบ pantip ด้วย เพื่อหวังว่า เรื่องนี้ จะถูกส่งต่อ และเข้าถึงคนทั่วไป ในโซเชียล ได้เร็วกว่า ทางอื่น ขอได้โปรดพิจารณาด้วยนะคะรับ ผมยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ถ้าใครที่รู้ตัวว่ากำลัง เป็นเพื่อนหรือติดต่อประสานงานกับบุคคลคนนี้อยู่ ให้ระวังตัวไว้นะครับ อย่าได้ให้เขายืมเงินเด็ดขาด คนคนนี้ เป็นมิจฉาชีพ ในคราบ พนักงานบริษัทจริงๆ แต่ปัจจุบันถูกไล่ออกจากที่ทำงานไปแล้ว และผมไม่สามารถตามได้ว่าเขาทำงานอยู่ที่ไหน ใครที่จะรับ คนคนนี้เข้าทำงานในหน่วยงานให้ระวังไว้นะครับ
ใครมีข้อสงสัยอะไร มาลงรายละเอียดไว้ได้เลยนะครับ จะได้เป็นข้อมูลด้วยครับ