คำว่า "input" (แปลว่า การป้อนเข้า / ข้อมูลที่นำเข้า) เวลาออกเสียงจริง ๆ จะกลายเป็น "IM-put" ไป
ทำไมเสียง /n/ มันกลายเป็น /m/ ในคำนี้ครับ?
.
ผมจะพยายามอธิบายว่า input มันกลายเป็น imput ได้อย่างไรให้เห็นภาพมากที่สุดนะ 😭🙏🏻 (มันอาจจะงง ๆ บ้าง แต่ค่อย ๆ อ่านนะครับ)
*มีคำศัพท์เกี่ยวกระบวนการออกเสียงและอวัยวะที่ใช้ออกเสียงนิดหน่อย
[[ Step 1 ]]
👉🏻 เรายกลิ้น (tongue and jaw) ขึ้นเพื่อจะออกเสียงสระ /i/
✅ (i...)
[[ Step 1.5 ]]
👉🏻 เราขยับเพดานอ่อน (velum) เพื่อ "เตรียม" จะพูดเสียง /n/
✅ (i + n...)
ที่บอกว่าเป็น Step 1 กับ Step 1.5 เพราะมันเกิดแทบจะพร้อมกันเลย (เราเรียกว่า coarticulation คือการออกเสียงทับซ้อนกัน)
.
ต่อครับ...
[[ Step 2 ]]
👉🏻 เราออกเสียง /n/ โดยไม่ได้ยกปลายลิ้น (tip of your tongue) แตะปุ่มเหงือก (alveolar ridge) (เพราะว่าจะมีเสียง /p/ ต่ออีกที)
✅ (in(p)...)
ตรงนี้แหละครับที่แปลกไปจากปกติ โดยทั่วไปการออกเสียง /n/ จะต้องเอาปลายลิ้นไปและปุ่มเหงือกด้วย (ลองพูดคำว่า No. แค่ค้างที่เสียง Nnnnnn ไว้ จะพบว่าลิ้นเรามันยกขึ้นแตะที่เพดานปากด้านบนโดยอัตโนมัติเลย บริเวณนั้นแหละครับคืออวัยวะ (speech organ) ที่เรียกว่า "ปุ่มเหงือก")
[[ Step 2.5 ]]
👉🏻 และในขณะที่ออกเสียง /n/ อวัยวะในปากเราก็เตรียมจะออกเสียง /p/ ต่อแล้ว ด้วยการประกบริมฝีปากบนล่างเข้าหากัน (upper and lower lips)
✅ (inp...)
นี่คือ step ที่สำคัญที่สุดครับ พอเราพยายามออกเสียง n พร้อมกับ p มันเลยเกิดกระบวนการ coarticulation (การที่อวัยวะในการออกเสียงมัน "เหลี่ยมซ้อน" กันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว)
📌 ในกรณีนี้ coarticulation คือการที่เสียง /n/ ที่ใช้ velum (เพดานอ่อน) ในการออกเสียง (โดยออกเสียงผ่านโพรงจมูกหรือ nasal cavity) มันเหลี่ยมซ้อนกับเสียง /p/ ที่ใช้ริมฝีปากบนล่างในการออกเสียง (bilabial) ทั้งสองเสียงจึงทำ deal กันว่า เฮ้ยยย งั้นเราหาเสียงที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองเราดีไหม??? ก็เลยได้ candidate คือเสียง /m/ มาครับ
.
แล้วทำไมต้องเป็น /m/?
นั่นก็เพราะเสียง m ออกเสียงโดยใช้ทั้ง velum + lower/upper lips (คือมีคุณสมบัติเหมือนทั้ง /n/ และ /p/) ลองพูดคำว่า More. แต่ค้างที่เสียง Mmmmm ไว้ เราจะพบว่าริมฝีปากเรามันประกบเข้าหากัน (แบบ /p/) และในขณะเดียวกันก็มีลมออกจมูก (แบบ /n/)
ก็เลยกลายเป็น "i + (n + p) = im..." นั่นเองครับ (นี่ไม่ใช่สูตรคณิตนะครับ 😭🙏🏻)
.
[[ step 3 ]]
คำว่า input พอมาออกเสียงจริง ๆ มันเลยกลายเป็น "imput" (อิม-เผิ่ทฺ / IM-puht) นั่นเอง
✅ input (+ coarticulation) = "imput"
_______________
อืม ถ้าอ่านแล้วงง อธิบายเพิ่มเติมดังนี้ครับ
"in-" เป็น prefix (คำพ่วงหน้า) แปลว่า ไม่... พอเราเอาไปเติมข้างหน้าคำไหน ก็จะทำให้ความหมายกลายเป็นตรงกันข้าม
👉🏻 in + possible = "impossible" (เป็นไปไม่ได้)
มีหลักคือ in + p/b/m = "im..."
คำอื่น ๆ เช่น
"impatient" (in + patient) แปลว่า "ใจร้อน" (ไม่ + ใจเย็น)
"imbalance" (in + balance) แปลว่า "ขาดสมดุล" (ไม่ + สมดุล)
"immature" (in + mature) แปลว่า "ทำตัวงอแง" (ไม่ + รู้จักโต)
.
👉🏻 in + logical = "illogical" (ไม่สมเหตุสมผล)
มีหลักคือ in + l = "il..."
คำอื่น ๆ เช่น
"illegal" (in + legal) แปลว่า "ไม่ถูกกฎหมาย"
"illegible" (in + legible) แปลว่า "อ่านแทบไม่ออก" (ใช้อธิบายลายมือที่อ่านยาก)
"illiterate" (in + literate) แปลว่า "ไม่รู้หนังสือ"
.
👉🏻 in + regular = "irregular" (ไม่ปกติ)
มีหลักคือ in + r = "ir..."
คำอื่น ๆ เช่น
"irrelevant" (in + relevant) แปลว่า "ไม่สำคัญ"
"irresponsible" (in + responsible) แปลว่า "ไม่มีความรับผิดชอบ"
"irreparable" (in + reparable) แปลว่า "ไม่สามารถซ่อมแซม/แก้ไขได้"
_______________
นี้คือกระบวนการทางภาษาศาสตร์ที่เรียกว่า "assimilation" (การกลมกลืนเสียง) ครับ
เราจะเห็นว่ามันมี assimilation อยู่ 2 กรณีคือ...
1) กรณีที่มันเปลี่ยนแค่เสียง เช่น input ที่กล่าวไป คือ in... ยังสะกดด้วย n เหมือนเดิม แต่เวลาอ่านออกเสียง เป็นเสียง /m/
ตัวอย่างคำอื่นเช่น "incomplete" (อ่าน ING-complete) ตัว n กลายเป็นเสียง /ŋ/ (เสียง "ง" หรือ -ng) เพราะมันอยู่หน้า /c/
เราเรียกกรณีที่หนึ่งนี้ว่า "partial assimilation" (กระบวนการกลมกลืนเสียงแบบไม่เต็มรูปแบบ)
.
และกรณีที่ 2) คือมันเปลี่ยนตัวสะกดไปเลย เช่น impossible, illogical และ irresponsible ที่กล่าวไป
จริง ๆ prefix "im..." / "il..." / "ir..." มันก็คือ in... นี่แหละครับ แต่ผ่านยุคสมัย พอคนออกเสียงตามกระบวนการ assimilation นาน ๆ เข้า มันก็เปลี่ยนตัวสะกดไปเลย
เราเรียกกรณีที่สองว่า "total assimilation" (กระบวนการกลมกลืนเสียงแบบเต็มรูปแบบ)
_____________
ความสนุกคือ... มันไม่ได้เกิดกับ prefix เท่านั้นครับ
กับคำสองคำที่ไม่ได้เขียนติดกัน มันก็เกิดได้ เช่น "Not good." ที่พออ่านออกเสียงจริง ๆ คือ "Nok-good" (น็อคกุดฺ) โดยเกิด coarticulation/assimilation ระหว่าง /t/ + /g/ เลยได้ candidate ที่เป็นกลางระหว่างสองเสียงคือ /k/ มา
หรือ "hot bath" ที่ออกเสียงจริง ๆ คือ "Hop-bath" โดยมี /p/ ที่เป็น candidate คือเป็นเสียงกลางระหว่าง /t/ + /b/
อันนี้ผมพูดแบบง่าย ๆ ครับ (ความจริงมันซับซ้อนกว่านี้) ไว้เรามาดูเรื่องนี้แบบละเอียดภายหลัง
"รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
JGC.
ทำไม "input" ออกเสียงว่า "IM-put" (และทำไม in- ถึงกลายเป็น il-, ir ในคำว่า illegal และ irresponsible)
ทำไมเสียง /n/ มันกลายเป็น /m/ ในคำนี้ครับ?
.
ผมจะพยายามอธิบายว่า input มันกลายเป็น imput ได้อย่างไรให้เห็นภาพมากที่สุดนะ 😭🙏🏻 (มันอาจจะงง ๆ บ้าง แต่ค่อย ๆ อ่านนะครับ)
*มีคำศัพท์เกี่ยวกระบวนการออกเสียงและอวัยวะที่ใช้ออกเสียงนิดหน่อย
[[ Step 1 ]]
👉🏻 เรายกลิ้น (tongue and jaw) ขึ้นเพื่อจะออกเสียงสระ /i/
✅ (i...)
[[ Step 1.5 ]]
👉🏻 เราขยับเพดานอ่อน (velum) เพื่อ "เตรียม" จะพูดเสียง /n/
✅ (i + n...)
ที่บอกว่าเป็น Step 1 กับ Step 1.5 เพราะมันเกิดแทบจะพร้อมกันเลย (เราเรียกว่า coarticulation คือการออกเสียงทับซ้อนกัน)
.
ต่อครับ...
[[ Step 2 ]]
👉🏻 เราออกเสียง /n/ โดยไม่ได้ยกปลายลิ้น (tip of your tongue) แตะปุ่มเหงือก (alveolar ridge) (เพราะว่าจะมีเสียง /p/ ต่ออีกที)
✅ (in(p)...)
ตรงนี้แหละครับที่แปลกไปจากปกติ โดยทั่วไปการออกเสียง /n/ จะต้องเอาปลายลิ้นไปและปุ่มเหงือกด้วย (ลองพูดคำว่า No. แค่ค้างที่เสียง Nnnnnn ไว้ จะพบว่าลิ้นเรามันยกขึ้นแตะที่เพดานปากด้านบนโดยอัตโนมัติเลย บริเวณนั้นแหละครับคืออวัยวะ (speech organ) ที่เรียกว่า "ปุ่มเหงือก")
[[ Step 2.5 ]]
👉🏻 และในขณะที่ออกเสียง /n/ อวัยวะในปากเราก็เตรียมจะออกเสียง /p/ ต่อแล้ว ด้วยการประกบริมฝีปากบนล่างเข้าหากัน (upper and lower lips)
✅ (inp...)
นี่คือ step ที่สำคัญที่สุดครับ พอเราพยายามออกเสียง n พร้อมกับ p มันเลยเกิดกระบวนการ coarticulation (การที่อวัยวะในการออกเสียงมัน "เหลี่ยมซ้อน" กันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว)
📌 ในกรณีนี้ coarticulation คือการที่เสียง /n/ ที่ใช้ velum (เพดานอ่อน) ในการออกเสียง (โดยออกเสียงผ่านโพรงจมูกหรือ nasal cavity) มันเหลี่ยมซ้อนกับเสียง /p/ ที่ใช้ริมฝีปากบนล่างในการออกเสียง (bilabial) ทั้งสองเสียงจึงทำ deal กันว่า เฮ้ยยย งั้นเราหาเสียงที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองเราดีไหม??? ก็เลยได้ candidate คือเสียง /m/ มาครับ
.
แล้วทำไมต้องเป็น /m/?
นั่นก็เพราะเสียง m ออกเสียงโดยใช้ทั้ง velum + lower/upper lips (คือมีคุณสมบัติเหมือนทั้ง /n/ และ /p/) ลองพูดคำว่า More. แต่ค้างที่เสียง Mmmmm ไว้ เราจะพบว่าริมฝีปากเรามันประกบเข้าหากัน (แบบ /p/) และในขณะเดียวกันก็มีลมออกจมูก (แบบ /n/)
ก็เลยกลายเป็น "i + (n + p) = im..." นั่นเองครับ (นี่ไม่ใช่สูตรคณิตนะครับ 😭🙏🏻)
.
[[ step 3 ]]
คำว่า input พอมาออกเสียงจริง ๆ มันเลยกลายเป็น "imput" (อิม-เผิ่ทฺ / IM-puht) นั่นเอง
✅ input (+ coarticulation) = "imput"
_______________
อืม ถ้าอ่านแล้วงง อธิบายเพิ่มเติมดังนี้ครับ
"in-" เป็น prefix (คำพ่วงหน้า) แปลว่า ไม่... พอเราเอาไปเติมข้างหน้าคำไหน ก็จะทำให้ความหมายกลายเป็นตรงกันข้าม
👉🏻 in + possible = "impossible" (เป็นไปไม่ได้)
มีหลักคือ in + p/b/m = "im..."
คำอื่น ๆ เช่น
"impatient" (in + patient) แปลว่า "ใจร้อน" (ไม่ + ใจเย็น)
"imbalance" (in + balance) แปลว่า "ขาดสมดุล" (ไม่ + สมดุล)
"immature" (in + mature) แปลว่า "ทำตัวงอแง" (ไม่ + รู้จักโต)
.
👉🏻 in + logical = "illogical" (ไม่สมเหตุสมผล)
มีหลักคือ in + l = "il..."
คำอื่น ๆ เช่น
"illegal" (in + legal) แปลว่า "ไม่ถูกกฎหมาย"
"illegible" (in + legible) แปลว่า "อ่านแทบไม่ออก" (ใช้อธิบายลายมือที่อ่านยาก)
"illiterate" (in + literate) แปลว่า "ไม่รู้หนังสือ"
.
👉🏻 in + regular = "irregular" (ไม่ปกติ)
มีหลักคือ in + r = "ir..."
คำอื่น ๆ เช่น
"irrelevant" (in + relevant) แปลว่า "ไม่สำคัญ"
"irresponsible" (in + responsible) แปลว่า "ไม่มีความรับผิดชอบ"
"irreparable" (in + reparable) แปลว่า "ไม่สามารถซ่อมแซม/แก้ไขได้"
_______________
นี้คือกระบวนการทางภาษาศาสตร์ที่เรียกว่า "assimilation" (การกลมกลืนเสียง) ครับ
เราจะเห็นว่ามันมี assimilation อยู่ 2 กรณีคือ...
1) กรณีที่มันเปลี่ยนแค่เสียง เช่น input ที่กล่าวไป คือ in... ยังสะกดด้วย n เหมือนเดิม แต่เวลาอ่านออกเสียง เป็นเสียง /m/
ตัวอย่างคำอื่นเช่น "incomplete" (อ่าน ING-complete) ตัว n กลายเป็นเสียง /ŋ/ (เสียง "ง" หรือ -ng) เพราะมันอยู่หน้า /c/
เราเรียกกรณีที่หนึ่งนี้ว่า "partial assimilation" (กระบวนการกลมกลืนเสียงแบบไม่เต็มรูปแบบ)
.
และกรณีที่ 2) คือมันเปลี่ยนตัวสะกดไปเลย เช่น impossible, illogical และ irresponsible ที่กล่าวไป
จริง ๆ prefix "im..." / "il..." / "ir..." มันก็คือ in... นี่แหละครับ แต่ผ่านยุคสมัย พอคนออกเสียงตามกระบวนการ assimilation นาน ๆ เข้า มันก็เปลี่ยนตัวสะกดไปเลย
เราเรียกกรณีที่สองว่า "total assimilation" (กระบวนการกลมกลืนเสียงแบบเต็มรูปแบบ)
_____________
ความสนุกคือ... มันไม่ได้เกิดกับ prefix เท่านั้นครับ
กับคำสองคำที่ไม่ได้เขียนติดกัน มันก็เกิดได้ เช่น "Not good." ที่พออ่านออกเสียงจริง ๆ คือ "Nok-good" (น็อคกุดฺ) โดยเกิด coarticulation/assimilation ระหว่าง /t/ + /g/ เลยได้ candidate ที่เป็นกลางระหว่างสองเสียงคือ /k/ มา
หรือ "hot bath" ที่ออกเสียงจริง ๆ คือ "Hop-bath" โดยมี /p/ ที่เป็น candidate คือเป็นเสียงกลางระหว่าง /t/ + /b/
อันนี้ผมพูดแบบง่าย ๆ ครับ (ความจริงมันซับซ้อนกว่านี้) ไว้เรามาดูเรื่องนี้แบบละเอียดภายหลัง
"รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
JGC.