
.
ลูกเกด ชลธิชา ซัด รมว.ยุติธรรม ไร้เดียงสา หลังบอกเพิ่งเคยเจอ นักโทษจีนเทามั่วเซ็กซ์ในเรือนจำ ชี้ ระบบสมเด็จ มีมานานแล้ว จี้เอาจริงเอาจังปราบให้หมดในระบบราชทัณฑ์ อย่าให้คนครหาได้ ว่าเป็น รมต. คั่นเวลา
.
.
“ดิฉันผิดหวังอย่างยิ่งกับ ‘ความไร้เดียงสา’ ของ ‘รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม’ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีเอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขังชาวจีนภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า ‘ตั้งแต่รับราชการมาจนเกษียณอายุราชการ เพิ่งเคยพบเห็นเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้’
.
ดิฉันก็พยายามจะเห็นใจท่านว่าเพิ่งจะมาเป็นรัฐมนตรีวินาทีสุดท้ายของ ครม.อนุทิน ท่านอาจจะไม่ได้ทันตั้งตัวว่าเก้าอี้นี้จะหล่นมาใส่ท่าน หรือแม้ว่าท่านอาจจะเป็นรัฐมนตรีในระยะเวลาอันสั้น แต่ตั้งแต่วินาทีแรกที่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีกรมราชทัณฑ์อยู่ใต้บังคับบัญชาโดยตรง แต่ท่านจำเป็นต้องทำการบ้านให้หนักขึ้น เพื่อเรียนรู้งานในความรับผิดชอบของท่านทั้งหมด ซึ่งต้องรวมถึงงานราชทัณฑ์ ซึ่งถือเป็นปลายน้ำของกระบวนการยุติธรรมด้วย และระบบสมเด็จภายในเรือนจำถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมและโลกโซเชียลมาโดยตลอด ถ้าท่านทำการบ้านอย่างลึกซึ้ง ท่านจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าระบบนี้เป็นปัญหามานานแล้ว
.
การให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สะท้อนให้เห็นว่า ตลอดระยะเวลาสองเดือนในการบริหารราชการแผ่นดิน ท่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานยุติธรรมทุกส่วนใต้การบังคับบัญชาของท่านอย่างแท้จริง ดิฉันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าท่านใช้เวลาสองเดือนที่ผ่านมาเพื่อทำอะไรอยู่กันแน่ ดิฉันเองก็ไม่อยากให้เกิดข้อครหาว่า ท่านมานั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเพราะเป็นเด็กในสังกัดของบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เพื่อคั่นเวลาเคลียร์คดีฮั้ว ส.ว. ที่เกี่ยวข้องกับบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ท่านจึงควรต้องพิสูจน์ตัวเองว่าท่านมีความเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีนี้ ผ่านการทำงานหนักและผลงานที่ชัดเจน
มิหนำซ้ำ สิ่งที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งคือ ท่านรับรู้ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว แต่เพิ่งจะออกมาแสดงความตกใจกับเหตุการณ์ และแสดงท่าทีอยากจะรื้อระบบคุกใหม่ทั้งประเทศอีก มันไม่ช้าไปหน่อยหรือ? สำหรับเจ้ากระทรวงที่รับผิดชอบกรมราชทัณฑ์โดยตรง
แม้ดิฉันจะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการยกระดับความโปร่งใสในการดำเนินงานของเรือนจำ แต่ดิฉันคาดหวังว่าจะได้เห็นแนวทางนโยบายที่เป็นรูปธรรมของท่านรัฐมนตรีมากกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่แสดงความตกใจหลังจากผ่านเหตุการณ์มาเกือบสัปดาห์ แล้วรับปากแบบส่งๆ ต่อหน้าสื่อมวลชน แต่ไม่มีแผนปฏิรูปที่ชัดเจนว่าท่านจะทำอย่างไร สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
.
การเอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขัง หรือที่เรียกกันว่า ‘ระบบสมเด็จ’ ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นกับกรณีผู้ต้องขังจีนเทานี้เป็นกรณีแรก แต่ระบบสมเด็จเป็นปัญหาของระบบราชทัณฑ์ไทยที่มีมาอย่างยาวนานและผู้ต้องขังที่เป็นสมเด็จในเรือนจำก็ไม่ได้มีเพียงแค่ชาวต่างชาติเท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้ต้องขังคนไทย หรือสัญชาติใดๆ ก็แล้วแต่ ที่มีเงิน มีอิทธิพล มีอำนาจเหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่นในเรือนจำ โดยมักจะคอยควบคุมความเป็นอยู่ภายในเรือนจำตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย จนอาจไปถึงระดับของการทุจริตอำนวยความสะดวก (ทุจริต) เช่น เรื่องอาหารการกิน ยารักษาโรค และจากที่ดิฉันเคยรับทราบข้อมูลมา อาจไปไกลกว่านั้นจนถึงการติดสินบนเจ้าหน้าที่ เพื่อให้จัดหาและนำสิ่งของอำนวยความสะดวกต่างๆ จากภายนอกเข้าไปยังเรือนจำเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ตนเองและพวกพ้องผู้ต้องขัง ซึ่งต้องจ่ายแพงกว่าที่ขายกันในท้องตลาดหลายเท่าตัว สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในเรือนจำและความล้มเหลวในการควบคุมดูแลผู้ต้องขังอย่างชัดเจน
.
ที่สำคัญคือ เราจะเห็นว่า เวลาเกิดเรื่องฉาวขึ้นในเรือนจำ กระทรวงก็จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่เรื่อยไป แต่คำถามของดิฉันคือ คนไทยจะสามารถไว้วางใจการ ‘ตรวจสอบกันเอง’ ของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ได้หรือไม่ เพราะการตรวจสอบพวกพ้องกันเอง จึงไม่แปลกที่เวลาเกิดเรื่องฉาวทีไร ก็ไม่สามารถลบคำครหาของประชาชนได้ ดังนั้น ด้วยความปรารถนาดีค่ะ หากกระทรวงยุติธรรมต้องการแสดงความจริงใจอย่างแท้จริง ท่านต้องเปิดให้มีกลไกการตรวจสอบที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมด้วย เพื่อความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม
.
ดิฉันเห็นว่า เมื่อเกิดกรณีฉาวเช่นนี้ขึ้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯแล้ว คงไม่มีความจำเป็นที่กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม จะปิดตาข้างเดียวทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกต่อไป ดิฉันหวังว่าท่านรัฐมนตรีจะเอาจริงเอาจังกับการปราบระบบสมเด็จให้หมดไปจากระบบราชทัณฑ์ในยุคสมัยของท่าน อย่างน้อยท่านจะได้มีผลงานสักหนึ่งชิ้นก่อนสิ้นสุดบทบาทรัฐมนตรี จะได้ยุติข้อครหาว่าท่านเป็นรัฐมนตรีแค่คั่นเวลา และหากท่านจะเอาจริงกับเรื่องนี้ ดิฉันก็พร้อมจะสนับสนุนค่ะ #ปฏิรูปเรือนจำ”
.
https://www.facebook.com/Lookkate.ch/posts/862145596319453
.
.
นักวิชาการ มอง เศรษฐกิจสีเทา ทำคนรุ่นใหม่ไม่พอใจ อาจสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองครั้งใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5469007
.
‘นักวิชาการ’ มอง เศรษฐกิจสีเทา ผลประโยชน์ใต้ดิน ทำคนรุ่นใหม่ไม่พอใจ ชี้ อาจสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองครั้งใหม่ได้
.
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน รศ.ดร.ศิพิมพ์ ศรบัลลังก์ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒกล่าวถึงกระแสสังคมทได้เรื่องของผลประโยชน์ใต้ดิน เศรษฐกิจสีเทา กับความไม่พอใจของคนรุ่นใหม่ ว่า ในปัจจุบันการเดินทางของข้อมูลมักเกิดขึ้นเร็วกว่าเหตุผล การหลอกลวงก็แพร่กระจายเร็วไม่แพ้กัน “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” หรือ “สแกมเมอร์ข้ามชาติ” จึงไม่ได้เป็นเพียงปัญหาอาชญากรรม แต่กลายเป็นกระจกสะท้อนความล้มเหลวเชิงโครงสร้างของรัฐ โดยเฉพาะรัฐที่มองความมั่นคงแค่เรื่อง “อาณาเขต” มากกว่าความปลอดภัยของประชาชน กรณีของเกาหลีใต้ที่ผ่านมา กลายเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ เมื่อเกิดเหตุสะเทือนขวัญ นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปีถูกล่อลวงไปทำงานในกัมพูชา ก่อนถูกกักขัง ทรมาน และเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม เหตุการณ์นี้สร้างแรงกระเพื่อมมหาศาลในสังคมเกาหลีใต้ ประชาชนโกรธเคืองที่รัฐบาลดูเหมือนจัดการล่าช้า
.
ทั้งนี้สิ่งที่น่าทึ่งของเรื่องดังกล่าว คือ การตอบสนองของรัฐ โดยประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ออกแถลงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยืนยันว่า “การปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของพลเมือง คือภารกิจสูงสุดของรัฐบาล” พร้อมยกระดับการทูตเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบ และจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อกวาดล้างขบวนการเหล่านี้อย่างจริงจัง ผลคือ เกาหลีใต้ไม่เพียงได้ร่างพลเมืองที่เสียชีวิตกลับบ้านอย่างสมศักดิ์ศรี แต่ยังได้ยืนยัน “ชาตินิยมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” การประกาศให้เห็นว่าอธิปไตยนั้นไม่ได้หมายถึงดินแดนเท่านั้น หากรวมถึงศักดิ์ศรีและชีวิตของพลเมืองทุกคน
.
เมื่อกลับมามองที่ประเทศไทย เราเผชิญกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์ไม่ต่างกัน แต่สถานการณ์กลับซับซ้อนกว่านั้นมาก เพราะ “เศรษฐกิจสีเทา” และ “ผลประโยชน์ใต้ดิน” แทรกซึมอยู่ในทุกชั้นของอำนาจ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับล่างไปจนถึงนักการเมืองบางกลุ่มมีข้อมูลชัดเจนจากหลายสำนักข่าว ถึงการมีนักการเมืองไทยรายหนึ่งเช่าตึก 3 ชั้นที่ปอยเปตเพื่อทำคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ ข้อมูลพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยเปิดเผยว่า น่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นกับแก๊งสแกมเมอร์และได้รับส่วนแบ่งเป็น เงินสีเทา เพื่อแลกกับการหลับตาข้างหนึ่ง เมื่อระบบยุติธรรมบางส่วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา การปราบปรามจึงย่อมไม่ต่างจากการแสดงมากกว่าการแก้ไข
.
ในขณะที่เกาหลีใต้ใช้พลังชาตินิยมปกป้องพลเมือง ไทยกลับติดอยู่ในวงจรของการแสดงความเข้มแข็งแต่ไม่เปลี่ยนโครงสร้าง ผลลัพธ์คือไฟไหม้ฟาง จับแค่ปลายหาง ปล่อยตัวการลอยนวล แม้รัฐบาลจะประกาศสงครามแก๊งสแกมอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2568 รายงานจาก Global Anti-Scam Alliance ระบุว่า 6 ใน 10 คนไทยเคยถูกหลอกในรอบปีที่ผ่านมา ยอดความเสียหายทะลุ 110,000 ล้านบาท และในบางกรณีเงินที่หลอกได้ไหลย้อนกลับมาฟอกในไทย ผ่านอสังหาริมทรัพย์ รถหรู และบัญชีม้า
.
เมื่อผลประโยชน์ใต้ดินกลายเป็นระบบเศรษฐกิจคู่ขนานที่เกี่ยวโยงกับคนมีอำนาจ การจัดการปัญหาย่อมไม่ง่าย เพราะมีทั้งคนที่ได้ประโยชน์จากความไม่เรียบร้อย และคนที่เสียประโยชน์จากความโปร่งใส สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือ ความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ ไม่เพียงโตมากับโลกออนไลน์ แต่เป็นกลุ่มที่เห็นสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น การเห็นเพื่อนถูกหลอกลงทุน เห็นคนในครอบครัวโดนดูดเงินเก็บ เห็นเจ้าหน้าที่รัฐอ้างว่าช่วยไม่ได้เพราะระบบธนาคารช้าความโกรธนี้จึงไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องชีวิตจริง และความรู้สึกว่ารัฐไม่ทำหน้าที่ปกป้อง ในโซเชียลมีเดีย แฮชแท็กแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินสีเทา และรัฐไทยต้องรับผิด ถูกใช้ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังมีข่าวลือว่านักการเมืองไทย 7 คนพัวพันกับแก๊งเขมร แม้ภายหลังเกาหลีใต้ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม แต่ความไม่ไว้วางใจนั้นเกิดขึ้นแล้ว และกลายเป็นเชื้อไฟให้กับความโกรธที่สะสมมานาน
.
คำถามสำคัญคือ ความโกรธนี้จะกลายเป็นพลังทางการเมืองได้จริงหรือไม่ หากมองสัญญาณในสภา เราเริ่มเห็นพรรคการเมืองรุ่นใหม่ เช่น พรรคประชาชน หรือพรรคเป็นธรรม นำเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าสู่การอภิปรายในเชิงนโยบาย โดยย้ำว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเทคนิค แต่คือโครงสร้างอำนาจที่เลือกปฏิบัติการที่ สส.รุ่นใหม่บางคน ออกมาวิพากษ์การทำงานของตำรวจที่รีบสรุปว่าผู้ถูกหลอก สมยอม ทั้งที่ยังสอบสวนไม่เสร็จเป็นสัญญาณว่ามีคนพร้อมจะพูดแทนประชาชน ในระบบ
JJNY : ลูกเกดซัดรมว.ยุติธรรม ไร้เดียงสา│ศก.สีเทาทำคนรุ่นใหม่ไม่พอใจ│“ทอม ไรต์”เปิดข้อมูล│เตือนไทยตอนบนหนาวเย็น ใต้มีฝนตก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5468968
.
.
https://www.facebook.com/Lookkate.ch/posts/862145596319453
.
.
นักวิชาการ มอง เศรษฐกิจสีเทา ทำคนรุ่นใหม่ไม่พอใจ อาจสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองครั้งใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5469007
.