เริ่มแรก มีการโทรเข้ามาและบอกว่าบัตรเครดิตจะหมดการคุ้มครองในปีนี้เป็นปีสุดท้าย และจะขอให้ยืนยันว่าปีถัดไปเปลี่ยนเป็นการคุ้มครองแบบสมัครใจ
โบรกเกอร์ : โปรดพูดคำว่า "ตกลง" ให้ด้วยค่ะ
ผม : ตกลงครับ
จากนั้นโบรกเกอร์ก็พูดอะไรสักอย่างเพื่อขอข้อมูลส่วนตัวและบอกจะทำการจัดส่งใบลดหย่อนภาษีให้ พร้อมทั้งถามเลขบัตรเครดิต 16 หลัก
ผมก็บอกไปทั้งหมดยกเว้น CVV จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็แจ้งจำนวนเงินแบบเร็วและจะส่งตรงนี้เพื่อลดหย่อนภาษี
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 12/11/68
ต่อมาวันที่ 21/11/68
ผมได้ตัวเอกสารและพบว่ามันคือการสมัครประกันกับทางเมืองไทยประกันภัยจำนวนเงิน 7,670 บาท ซึ่งเมื่อผมไปเปิดดูในแอพของทางบัตร First Choice ก็พบว่ามันถูกตัดตั้งแต่วันที่ 12/11/68 นั้นเอง
ผมจึงรีบติดต่อไปที่เมืองไทยประกันภัยเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์ดังกล่าว จากเจ้าหน้าที่ประสาทงานของเมืองไทยประกันภัยบอกว่าตรงส่วนนี้ไม่มีหน้าที่ในการยกเลิกและจะให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับ
ผ่านไป 1 ชั่วโมง
มีเจ้าหน้าติดต่อกลับมา (ซึ่งน่าจะเป็นคนจากบริษัท ๙ สิงห์โบรกเกอร์ จำกัด)
ผมปฏิเสธการสมัครประกันทุกอย่างกับเขา แต่สิ่งที่เขาอธิบายกลับมาคือ "7,670 ไม่ใช่ค่าประกัน แต่เป็นเบี้ยคุ้มครองบัตรเครดิตที่ผ่านมา 5 ปี"
ผมก็ยังงงๆไม่เข้าใจกับคำอธิบายของเขา และบอกเขาว่าเข้าใจเพียงนิดเดียวจากนั้นเจ้าหน้าที่ดังกล่าวก็แจ้งเบอร์ติดต่อสอบถามมา
อีกไม่กี่น่าทีต่อมาหลังจากผมคุยกับโบรกเกอร์ประกัน
ด้วยความสงสัยผมรีบติดต่อไปยัง First Choice เพื่อสอบถามว่าโดยปกติมีสิ่งที่เรียกว่า "ค่าคุ้มครองบัตรเครดิตหรือไม่" ทางเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการตอบอย่างชัดเจนว่า"ไม่มี"อะไรแบบนั้นเลยและยอดที่ตัดมา มาจากบริษัทที่ขึ้นชื่อว่าขายประกัน
เพื่อความชัดเจนผมมีบัตรเครดิตอีกใบคือ Blue credit card ผมติดต่อเพื่อสอบถามว่ามีสิ่งที่เรียกว่า "ค่าคุ้มครองบัตรเครดิตหรือไม่" เจ้าหน้าที่ตอบ "ไม่มี"
และใช่ครับอย่าง งง
คุณจำได้ไหมว่าผมบอกเลขบัตรเครดิตไป ผมบอกของ Blue Credit Card ไม่ได้บอกของ First Choice แต่เงินถูกตัดตรงนี้
1.ทางโบรกเกอร์เมืองไทยประกันภัย โกหกได้หน้าด้านเลยนะครับเกี่ยวกับ "ค่าคุ้มครองบัตรเครดิต"
2.ทางประกันมีเลขบัตรเครดิต First Choice ของผมได้ยังไง แล้วตัดบัตรเครดิตของผมได้อย่างไรไม่ทราบในเมื่อผมไม่เคยนำบัตรไปใช้จ่ายอะไรที่ไหนและไม่มีความยินยอมอะไรในการจ่ายเงินตรงนี้เลย First Choice ละล่วมมากเลยนะครับกับการแค่พูดไม่มีอะไรยืนยันเลยในเมื่อบัตรก็อยู่กับผม
โดนเมืองไทยประกันภัยหลอกขายประกัน อ้างว่าเป็นค่าคุ้มครองบัตรเครดิต
โบรกเกอร์ : โปรดพูดคำว่า "ตกลง" ให้ด้วยค่ะ
ผม : ตกลงครับ
จากนั้นโบรกเกอร์ก็พูดอะไรสักอย่างเพื่อขอข้อมูลส่วนตัวและบอกจะทำการจัดส่งใบลดหย่อนภาษีให้ พร้อมทั้งถามเลขบัตรเครดิต 16 หลัก
ผมก็บอกไปทั้งหมดยกเว้น CVV จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็แจ้งจำนวนเงินแบบเร็วและจะส่งตรงนี้เพื่อลดหย่อนภาษี
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 12/11/68
ต่อมาวันที่ 21/11/68
ผมได้ตัวเอกสารและพบว่ามันคือการสมัครประกันกับทางเมืองไทยประกันภัยจำนวนเงิน 7,670 บาท ซึ่งเมื่อผมไปเปิดดูในแอพของทางบัตร First Choice ก็พบว่ามันถูกตัดตั้งแต่วันที่ 12/11/68 นั้นเอง
ผมจึงรีบติดต่อไปที่เมืองไทยประกันภัยเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์ดังกล่าว จากเจ้าหน้าที่ประสาทงานของเมืองไทยประกันภัยบอกว่าตรงส่วนนี้ไม่มีหน้าที่ในการยกเลิกและจะให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับ
ผ่านไป 1 ชั่วโมง
มีเจ้าหน้าติดต่อกลับมา (ซึ่งน่าจะเป็นคนจากบริษัท ๙ สิงห์โบรกเกอร์ จำกัด)
ผมปฏิเสธการสมัครประกันทุกอย่างกับเขา แต่สิ่งที่เขาอธิบายกลับมาคือ "7,670 ไม่ใช่ค่าประกัน แต่เป็นเบี้ยคุ้มครองบัตรเครดิตที่ผ่านมา 5 ปี"
ผมก็ยังงงๆไม่เข้าใจกับคำอธิบายของเขา และบอกเขาว่าเข้าใจเพียงนิดเดียวจากนั้นเจ้าหน้าที่ดังกล่าวก็แจ้งเบอร์ติดต่อสอบถามมา
อีกไม่กี่น่าทีต่อมาหลังจากผมคุยกับโบรกเกอร์ประกัน
ด้วยความสงสัยผมรีบติดต่อไปยัง First Choice เพื่อสอบถามว่าโดยปกติมีสิ่งที่เรียกว่า "ค่าคุ้มครองบัตรเครดิตหรือไม่" ทางเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการตอบอย่างชัดเจนว่า"ไม่มี"อะไรแบบนั้นเลยและยอดที่ตัดมา มาจากบริษัทที่ขึ้นชื่อว่าขายประกัน
เพื่อความชัดเจนผมมีบัตรเครดิตอีกใบคือ Blue credit card ผมติดต่อเพื่อสอบถามว่ามีสิ่งที่เรียกว่า "ค่าคุ้มครองบัตรเครดิตหรือไม่" เจ้าหน้าที่ตอบ "ไม่มี"
และใช่ครับอย่าง งง
คุณจำได้ไหมว่าผมบอกเลขบัตรเครดิตไป ผมบอกของ Blue Credit Card ไม่ได้บอกของ First Choice แต่เงินถูกตัดตรงนี้
1.ทางโบรกเกอร์เมืองไทยประกันภัย โกหกได้หน้าด้านเลยนะครับเกี่ยวกับ "ค่าคุ้มครองบัตรเครดิต"
2.ทางประกันมีเลขบัตรเครดิต First Choice ของผมได้ยังไง แล้วตัดบัตรเครดิตของผมได้อย่างไรไม่ทราบในเมื่อผมไม่เคยนำบัตรไปใช้จ่ายอะไรที่ไหนและไม่มีความยินยอมอะไรในการจ่ายเงินตรงนี้เลย First Choice ละล่วมมากเลยนะครับกับการแค่พูดไม่มีอะไรยืนยันเลยในเมื่อบัตรก็อยู่กับผม