Road Trip ม่วนชื่นวันคืนในแดนอิสาน

ทริปนี้ แม่เปปไปเมื่อต้นเดือน พย.68 นี่เองค่ะ ไปร่วมงาน ขาว-ดำ ของเพื่อนที่ทำงานแบบไม่ได้ตั้งตัว ไม่เคยขับรถไปทางภาคอิสานไกลๆมาก่อนด้วย แต่เมื่อหาคนนั่งร่วมทางเป็นเพื่อนได้ก็คลายความกังวลไปได้เยอะ แถมพ่อบ้านรู้ก็เชียร์แม่เปปให้ขับไปเถอะ ขับในประเทศไทยไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะถ้าเขาอยู่ก็ชอบชวนแม่เปปขับรถเที่ยวไกลๆกันแบบนี้ 2 คน บ่อยครั้ง

แต่นี่แม่เปปขับคนเดียว แถมไม่รู้เส้นทางอีก เลยใช้การกางแผนที่และพึ่ง GPS ประกอบกัน และไหนๆก็ขับรถไปเองแล้ว ก็เลยไม่กำหนดวันกลับที่แน่นอน คือถูกใจก็ไปต่อ เบื่อก็ค่อยขับกลับบ้าน สรุป จากความกังวลกลายเป็นความตื่นเต้นไปเลย 55

ออกจากบ้าน 6 โมงเช้าเศษๆ ขับสบายๆผ่านสระบุรีถิ่นคุ้นเคยด้วยเป็นทางผ่านไปลพบุรี วิ่งเส้นถนนมิตรภาพ ยาวๆไปขอนแก่น เพื่อพักค้าง 1 คืน ที่ค้างขอนแก่นเพราะตั้งใจแวะเยี่ยมหลานชาย ลูกพี่สาวคนโตของแม่เปปค่ะ  หลานทำงานอยู่ บ. SCG แวะเยี่ยมถามทุกข์สุข และนัดกินอาหารเย็นกัน แล้วด้วยความที่หลานชายคนนี้ ขับรถไปแถวอิสานบ่อยค่อนข้างชำนาญ ก็ให้หลานแนะนำเส้นทางเพื่อไปบ้านงาน รวมถึงตระเวณเที่ยวเส้นทางแต่ละจังหวัดที่ต้อง
ขับผ่าน จนวันที่ขับกลับบ้านด้วยเลย

ด้วยเป็นวันทำงาน เลยนัดเจอเมื่อถึงขอนแก่นแล้วหลานชายก็พาไปที่พักค่ะ จัดการเช็คอินอะไรต่างๆให้ แม่เปปก็ให้เขาแนะนำที่กินกลางวันง่ายๆ สะดวกใกล้ๆที่พักให้หน่อย แล้วให้เขากลับไปทำงานต่อจะได้ไม่รบกวนเวลาทำงานเขามาก ไม่ต้องห่วงน้า นัดเจอกันหลังจากเลิกงาน ตกเย็นหลานชายก็มารับพาเที่ยววัดหนองแวง ไหว้พระมหาธาตุแก่นนคร เสริมความมั่นใจโรดทริปก่อน 55 สวยมากๆเลยค่ะ  แล้วก็พาไปกินอาหารเย็นคุยกันจนหายคิดถึง แล้วก็บอกให้หลานพากลับมาส่งที่พัก เพื่อเขาจะได้กลับไปพักผ่อนเพราะต้องทำงานพรุ่งนี้อีก ก็เลยอธิบายเส้นทางขับจากขอนแก่นให้น้าจนเข้าใจ

เพื่อนร่วมทางที่มาด้วย มีเงื่อนไข 1 ข้อ คือขอแวะคำชะโนด 55 แม่เปปยอมตกลงค่ะ ทั้งๆที่ไม่ได้มีความคิดอยู่ในหัวเลย ว่าไงว่ากัน คำชะโนดก็ได้

ถ้าถามแม่เปป บรรยากาศแบบนี้แม่เปปไม่ได้ชอบนะ แต่มาถึงแล้วก็ต้องเข้ามากับเขาด้วย ไหว้ก็ไหว้ด้วย ไม่เชื่อก็ไม่ลบหลู่ค่ะ

ปล่อยให้เพื่อนร่วมทางใช้เวลาตามสบาย ไม่เร่งใดๆ เลย จนเขาพอใจ ก็ค่อยออกค่ะ แต่ถนนหนทางก่อนเข้าและออกบอกเลยว่า ขอมาแค่ครั้งเดียว เวิ้งว้างกลางทุ่งยังไงยังงั้นเลยละ ถ้ามาเย็นๆหรือโพล้เพล้ แม่เปปคงไม่ไหวแน่ 55

แม่เปป ไม่ได้เรียงลำดับภาพตามวันที่ไปนะคะ แปะภาพตามความสะดวก 55 แต่เส้นทางที่ขับรถ คือ
จากขอนแก่น - คำชะโนด - หนองคาย(2 คืน) - เที่ยวบึงกาฬ(หินสามวาฬ) - นครพนม (2 คืน) ​- โคราช (1 คืน) กรุงเทพ

ภาพหินสามวาฬสวยๆภาพนี้ คือสิ่งที่คิดไว้ในหัวก่อนไปดูด้วยตาตัวเอง แม่เปปยืมมาจากในเพจนะคะ (เลยไม่แท็กชื่อแม่เปป)  

ส่วนนี่คือภาพจริง อุทยานแห่งชาติหินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่แม่เปปไปเยือน และถ่ายด้วยตัวเอง 55 จะบอกว่า ไม่ไหวค่ะ ไปยืนตรงใกล้ๆหัววาฬอย่างเขาไม่ได้จริงๆ แค่ยืนตรงแถวๆพุงวาฬ(เปรียบเอาเองค่ะ) ยังเสียววาบตั้งแต่หัวจรดเท้า ลมแรงมากๆ แม่เปปแทบจะหล่นไปข้างๆลำตัววาฬ (มีเจ้าหน้าที่นำขึ้นไปนะคะ นทท.ไปเองไม่ได้ค่ะ) ถ้าไปยืนตรงหัววาฬ แม่เปปต้องกลิ้งตกลงไปแน่ๆ แค่ถ่ายรูปยังได้แค่นี้ละ เข็ดแล้วจริงๆ โรคกลัวความสูงและผอมบางลมพัดปลิวอย่างแม่เปป อย่าไปดีกว่า 55

ผาหัวสิงห์ อุทยานแห่งชาติหินสามวาฬ ลงจากหินสามวาฬ จนท.ก็พาแวะให้ค่ะ เขาเหมือนสิงห์จริงๆด้วย บริเวณนี้แม่เปปเดินสะดวกมากๆ ไม่มีเสียววาบ 55

ขากลับลงมา จนท.พาแวะค่ะ การขึ้นไปบนอุทยานฯ เราต้องจอดรถไว้ค่ะ เสียค่าเข้าอุทยานฯ แล้วก็จะมีรถ 4x4 ของอุทยานฯขับพาขึ้นไปอีก แต่ต้องรอให้มี ผู้โดยสาร 6-8 คน รถถึงจะพาขึ้นไปได้ (ถ้าจำจำนวนผิดขออภัย) แต่แม่เปปไม่รอค่ะ เหมาไปเลย ขืนรอไม่รู้จะได้ขึ้นเมื่อไหร่ ทางขึ้นชันมาก และแคบสุดๆ ระหว่างที่เขาขับขึ้นไป มีวิทยุสื่อสารในรถ คนขับต้องคอยฟัง ว่าโค้งไหน(เขาจำชื่อกันได้เน๊อะ)มีรถกำลังจะลง หรือ ขึ้น สวนทาง ต้องรอหลีกกันเป็นระยะๆ ต่อให้คนที่ขับรถ 4x4 ก็ไม่ชำนาญทางบนเขานี้แน่นอนค่ะ บางโค้งแคบและชัน แม่เปปนั่งไปยังแทบหยุดหายใจ

ระหว่าง จนท.อุทยานฯขับรถพาเรา 2 คนลงมา ก็แวะจอดอีกจุดแล้วบอกแม่เปปว่า บริเวณนี้เป็นช่องเขาที่มีแสงเงาจากพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยลง ทำให้เกิดแสงเงาสวยๆ แนะนำให้แม่เปปลงไปถ่ายรูป ทำท่าทางต่างๆ จนท.น่ารักสุดๆ บอกให้แม่เปปทำท่าทาง กางแขน ขา โน้มตัว อะไรต่ออะไร 55



จากคำชะโนดก็เข้าหนองคาย เนื่องจากมาวันธรรมดาแล้วไม่ใช่เทศกาล ที่พักเลยหาง่าย วิวติดแม่น้ำโขง อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวแต่ไม่ร้อนค่ะ พอได้ที่พักก็นอนพักขาจากการขับรถ อาบน้ำแล้วก็ชวนกันออกจากที่พักไปเดินแถวถนนริมโขงเพื่อหาอาหารเย็นกัน เป็นครั้งแรกที่มาหนองคาย ก็ตื่นเต้นเหมือนกันแต่ก็พร้อมลุยละ

ด้วยยังล้าจากการขับยาวๆมา แถมยังไม่ได้ศึกษาถนนหนทางของหนองคาย เลยจะขอใช้รถสาธารณะไปก่อน ที่พักก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ถ้าจะเดินก็ขาลาก แล้วก็เจอรถสองแถวค่ะ คนขับคิดราคาเหมาไม่แพง ก็ตกลงเลย หิวกันแล้ว 55

บรรยากาศยามเย็นแถวถนนริมโขง ร้านที่เราจะไปกินอาหารเย็นก็อยู่ติดถนนเลยเช่นกัน

วันนี้ยังไม่มีถนนคนเดิน รุ่งขึ้นมีแน่นอน ของขายก็จะเพียบอีกด้วย ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเดินค่ะ วันนี้ขออิ่มท้องก่อน

ร้านแดงแหนมเนือง คือจุดหมายของเรา 2 คน ร้านกว้างขวาง โต๊ะเยอะ แต่ลูกค้าก็เยอะเหมือนกัน สั่งเลยค่ะ ไม่รอช้า

เมนูที่พลาดไม่ได้ เป็นเมนูโปรดสุดๆของเพื่อนที่มาด้วยเลย


เห็นอะไรก็อยากกิน ก็สั่งตามใจต้องการเสมอ 55

ผักสดที่ร้านให้มา สด กรอบ อร่อยมากจริงๆ หลายชนิดเลยค่ะ กินผักเพลินมากๆ

กินกันจนแน่นท้อง แต่ก็หมดนะคะ พยายามกินสู้กัน 2 คน

ออกจากร้านก็เดินมาจุดชมวิว มองแม่น้ำโขงที่กั้นกลางระหว่าง ไทย-ลาว มองเห็นสะพานมิตรภาพอยู่ไม่ไกล  ครั้งนี้แค่เที่ยวผ่านๆไปก่อน ตั้งใจว่าครั้งหน้าจะต้องกลับมาเก็บหลายที่ๆยังไม่ได้ไป อาจเป็นการชวนพ่อบ้านมาด้วย น่าจะเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย 55


ขากลับที่พัก ได้เจอคนขับรถสามล้อรับจ้าง หรือ สกายแล็ป นั่นละ พาไปส่งที่พัก

ภาพนี้ ตอนกลางคืนในห้องพักค่ะ เพิ่งสังเกตุเห็นว่ามีถนนเลียบโขงยาวมาถึงนี่เลย  ตั้งใจว่า พรุ่งนี้จะเดินสำรวจว่ายาวไปถึงถนนคนเดินไหม

หลังจากพักเมื่อคืนเต็มที่ ก็ตื่นเช้าเพื่อไปกินอาหารเช้ากันเลยค่ะ พาหนะก็เป็นรถสกายแล็ปที่พามาส่งเมื่อคืนนั่นละ คนขับอัธยาศัยดีก็เลยนัดไว้ให้มารับเพื่อไปกินเช้ากัน ลงมาก็เจอรถและคนขับรออยู่แล้ว ไปกินอาหารเช้ามื้อแรกที่หนองคายกันค่ะ  ร้านทานตะวัน ร้านนี้ก็ดูในรีวิวนั่นละ ถ้าไปช้าต้องรอคิวยาวเลยนะ  เรามาถึงร้าน เกือบ 6โมงครึ่งค่ะ โชคดีได้โต๊ะเลย แต่หลังจากเราสั่งอาหารไปสักครู่ หันไปดูหน้าร้าน มีคนมายืนรอคิวโต๊ะกันเยอะเลย

สั่งทุกอย่างที่มีในร้าน คือสไตล์แม่เปป 55 .....ข้าวเปียกหมูค่ะ เป็นยังไงก็ไม่รู้ไม่เคยเห็นไม่เคยกิน แต่สั่งมาก่อนละกัน

ขนมปังยัดไส้ มีหมูยอและกุนเชียง

สตูว์หมู รสชาติอร่อย หมูเปื่อย มันฝรั่งนุ่ม น้ำซุปหอม

ใช่ปากหม้อญวนไหม หรือปอเปี๊ยะญวน ตอนสั่งรัวๆ พร้อมกิน กินเสร็จจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร 55

ส่วนอันนี้ พิซซ่าเวียดนาม แต่เรากินแล้ว ลงความเห็นว่า เหมือนกินข้าวเกรียบว่าวแผ่นใหญ่ๆ กรอบๆ มากกว่าจะเป็นพิซซ่า 55

ออกจากร้านก็โทรหาคนขับรถสองแถวที่ตกลงกันไว้ว่า เสร็จอาหารเช้าจะกลับมารับพาไปวัดโพธิ์ชัย เพื่อสักการะ หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของหนองคาย  เข้าไปภายในบริเวณวัด ก็อึ้งตะลึงเลย รูปปั้นพญานาคหลากหลายมากๆ มีแทบทุกที่ของบริเวณวัด สีสันก็สวยสะดุดตา




หลังจากไหว้ หลวงพ่อพระใส คนขับก็ถามว่าจะไปไหนต่อ ตกลงกันว่ากลับที่พักไปตั้งหลักก่อน ถ้าจะไปไหนโดยไม่ขับรถเองก็จะโทรหาคนขับให้มารับ

ระหว่างที่คนขับพากลับมาส่งที่พัก ก็สอบถามเส้นทางในตัวเมืองหนองคาย คนขับอัธยาศัยดีก็อธิบายทางหลักๆ ในตัวหนองคาย และสามารถไปต่อจังหวัดอื่นใกล้เคียงทางไหนได้บ้าง มีแนะนำด้วยว่าขับรถไปเที่ยววัดผาตากเสื้อได้นะ ขับจากที่พักไปยาวๆ ไม่ยากเลย แต่ถ้าไม่อยากขับรถเองก็โทรหาละกัน

ถึงที่พัก เรา 2 คนเลยหาข้อมูลว่าวัดผาตากเสื้อระยะทางแค่ไหน พอเห็นว่า 70+ กิโลเมตร น่าจะต้องขับไปเอง การนั่งสกายแล็ปไปแถวตลาด ไม่ได้ไกลเท่าไหร่แต่ถ้าจะให้พาไปโดยขับบนถนนหลักไกลๆแบบนี้ ท่าจะเสี่ยงไม่ปลอดภัยไหม  คุยกันแล้วก็ตกลงว่า ขับรถไปเองเถอะ เส้นทางไปไม่ยาก ขับเองมั่นใจกว่าแน่นอน  

แล้วก็มาถึงวัดผาตากเสื้อ ระหว่างทางไม่ซับซ้อนใดๆเลย แค่โค้งซ้ายโค้งขวามากไปหน่อย ดีที่ขับเอง เลยไม่มีการเมาโค้งแต่อย่างใด ไปถึงแล้วการจะขึ้นไป สกายวอล์ค ก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก เพื่อนร่วมทริปมีบ่นเล็กน้อยว่า เมื่อยขาเดินขึ้น-ลงบันได 55  สกายวอล์ควัดผาตากเสื้อ ไม่ได้ยาวมากเกินไป สูงแค่เล็กน้อย มองลงมายังไม่หวิวๆ ทำให้แม่เปปที่เป็นคนกลัวความสูงสามารถเดินไปชมได้ตลอดทาง ขึ้นไปแล้วก็สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำโขงตลอดเส้น ดูสวยงามเหมือนกัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่