“หนังเยอรมันที่อ่อนโยนที่สุดของปี ชนะเทศกาลหนังเมืองคานส์
เพราะเสียงตกหล่นของความรัก ที่ไม่เคยหายไปจากบ้านหลังนั้น”
.
0./ เคยไหม…เวลามองภาพถ่ายเก่า
เราอาจเคยสงสัยว่า
ก่อนจะกลายเป็นภาพนี้ ใครเคยนั่งตรงนี้มาก่อน?
พวกเขาหัวเราะ ร้องไห้ หรือพูดอะไรทิ้งไว้บ้าง?
และเสียงเหล่านั้น…ยังหลงเหลืออยู่ในกำแพงนี้หรือเปล่า?
คำถามเล็ก ๆ นี้คือจุดเริ่มต้นของ Sound of Falling
ภาพยนตร์เยอรมันที่อบอวลด้วยความทรงจำ ความรัก และความเงียบ
จนคว้ารางวัล Jury Prize จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีล่าสุด
.
1./ บ้านหลังเดิม กับคนสี่ยุค
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นใน “บ้านหลังหนึ่ง”
ในแคว้นอัลท์มาร์ค (Altmark) ทางตอนเหนือของเยอรมนี
ผ่านสายตาของหญิงสาว 4 คนใน 4 ช่วงเวลา —
Alma (1910s), Erika (1940s), Angelika (1980s) และ Lenka (ปัจจุบัน)
แม้ไม่เคยเจอกันเลย แต่ชีวิตของพวกเธอกลับเชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด
เหมือนเสียงในอดีตที่ยังสะท้อนกลับมาในปัจจุบัน
.
2/ ความเก๋ของ Sound of Falling นี่คือหนังที่อยากให้ใช้ใจฟัง มากกว่า “ตีความ”
ผู้กำกับ Mascha Schilinski เธอใช้เวลาทั้งฤดูร้อนในบ้านหลังหนึ่งที่เก่าแก่ในชนบทเยอรมัน
นั่งอยู่ในบ้านเงียบ ๆ เพื่อได้ยินเสียงประตูไม้ลั่น เสียงลมพัด หรือเสียงพื้นไม้ที่ดังเบา ๆ ก่อนจะตั้งคำถามว่า
“ใครเคยนั่งตรงนี้ก่อนฉัน และพวกเขาทิ้งอะไรไว้บ้าง?” และเสียงเหล่านี้ก็คือแรงบันดาลใจของหนัง
“เสียงของบ้าน” ที่ค่อย ๆ พาเรากลับไปฟังเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
.
3/ ประสบการณ์ใหม่ “เสียง” คือหัวใจของหนัง
ชื่อ Sound of Falling ไม่ได้หมายถึงการตกจริง ๆ
แต่มันคือ “เสียงของผู้คนที่หายไปผ่านกาลเวลา”
เสียงของชีวิตที่ยังสะท้อนอยู่ในความทรงจำ
ทุกเสียงในเรื่องถูกออกแบบให้มีชีวิต (Sound Design คือพระเอก)
ตั้งแต่เสียงลมหายใจของบ้าน เสียงฝนที่ซัดลงหลังคา
ไปจนถึง “เสียงเงียบ” ที่ชวนให้ขนลุก
และการถ่ายภาพถูกชื่นชมว่าละเมียด ราวกับ “ผีที่ลอยถ่ายหนังเอง”
นักวิจารณ์ Roger Ebert ถึงกับบอกว่า “ทั้งเรื่องเหมือนภาพถ่ายคนตาย…ที่ยังมีชีวิตอยู่”
.
4/ หนังทั้งเรื่องแทบไม่มีดนตรีประกอบ ไม่มี score แบบปกติ
แต่ใช้ เสียงจริง เสียงบ้าน เสียงลม เสียงฝน เสียงเงียบ เป็นตังละครหลัก
เปรียบเหมือน The Zone of Interest ที่ใช้เสียงแทนภาพ แต่คนละอารมณ์โดยสิ้นเชิง
ถ้า The Zone of Interest คือ เสียงของความรุนแรงที่ถูกเพิกเฉย
Sound of Falling คือ เสียงของความทรงจำอันนุ่มนวล ละเมียด เหมือนฝัน
และต่อให้ข้ามศตวรรษไป เสียงของ “ความรัก” ก็ยังอยู่ในอากาศ
.
5./ หนังไม่ซับซ้อน แค่ชวนให้ “ฟัง” มากกว่า “แปล”
ผู้กำกับ Mascha Schilinski บอกว่า
“อย่าเพิ่งพยายามเข้าใจ ให้ลองรู้สึกก่อน”
เสียงทุกอย่างในเรื่องจะพาเราไหลไปตามอารมณ์
ไม่ต้องต่อจิ๊กซอว์หรือหาคำตอบใด ๆ
เพียงแค่ “ฟัง” แล้วปล่อยให้หนังพาเราเดินในบ้าน
เหมือนได้เดินสำรวจความทรงจำของตัวเอง
.
6./ บ้าน = พยานรักข้ามศตวรรษ
ทีมศิลป์สร้างบ้านเดียวกันใน 4 ยุคอย่างละเอียด
สีผนังค่อย ๆ ซีดลง เฟอร์นิเจอร์เปลี่ยนจากไม้สู่เหล็ก
หลอดไฟแทนเทียน ทีวีแทนเปียโน
ทุกรายละเอียดเล็ก ๆ บอกเราว่า “เวลาเดินต่อไป”
แต่ “หัวใจมนุษย์” ไม่เคยเปลี่ยน
.
7./ เสียงของผู้หญิงที่โลกไม่ค่อยได้ฟัง
หญิงสาวแต่ละยุคต่างมีความเงียบที่ต้องแบกไว้
บางคนเงียบเพราะกลัว บางคนเงียบเพราะรัก
หนังไม่พูดตรง ๆ แต่ทุก “ความเงียบ” กลับกลายเป็นเสียงที่สะเทือนใจที่สุด
.
8./ กระแสและรางวัล
ความใหม่ของเรื่องนี้ ส่งผลให้ชนะรางวัล Jury Prize จาก Cannes ปีล่าสุดมาครอง ได้คะแนน Rotten Tomatoes 95 % / Metacritic 91 ทำรายได้เยอรมนีถล่มทลาย จนสื่อยุโรปยกให้เป็น “หนังเยอรมันที่อบอุ่นและงดงามที่สุดแห่งปี” และเป็นตัวแทนจากประเทศเยอรมนี ส่งเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 98 อีกด้วย
.
9./ ทำไมต้องดู Sound of Falling
เพราะนี่จะเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ในการดูหนัง
ไม่ใช่หนังที่ให้ “เสียง” เป็นแค่เอฟเฟกต์เหมือนหนังทั่วไป
แต่ให้ “เสียง” เป็นภาษาของความรู้สึก
เสียงของบ้าน เสียงของผู้หญิง
เสียงของความรักที่ไม่ยอมถูกลืม
อดีตที่แม้จะจบไปแล้ว
แต่ก็ยังคงวนเวียนและไม่เคยที่จะหายไป
.
เข้าฉายในไทย 20 พฤศจิกายนนี้ในโรงภาพยนตร์
#แนะนำหนัง Sound Of Falling หนังเยอรมันที่อ่อนโยนที่สุดของปี ชนะเทศกาลหนังเมืองคานส์