ต้นเดือนพฤศจิกายน 2025 ตึก "ลี่จิง อินเตอร์เนชั่นแนล" (Regent International) ในหางโจว ตึกยักษ์ที่เป็นดั่ง "สัญลักษณ์วงการไลฟ์สดจีน" ที่เคยคึกคักจนลิฟต์ต้องรอกันเป็นสิบนาที วันนี้กลับเงียบเหงาผิดหูผิดตา ในช่วงเทศกาล 11.11 ที่ควรจะเดือดปุดๆ ล็อบบี้หรูหรากลับว่างเปล่า นายหน้าเผยว่า "เมื่อก่อนเน็ตไอดอลอยู่กันเต็ม เดี๋ยวนี้ย้ายออกไปเยอะ ห้องไลฟ์ใหญ่ๆ หายไปเกือบหมด" ค่าเช่าห้องที่เคยพุ่งกระฉูด ตอนนี้ลดฮวบจาก 3,000 กว่าหยวน เหลือ 2,000 ต้นๆ แต่ก็ยังมีห้องว่างค้างสต็อกในระบบกว่า 147 ห้อง นี่คือภาพสะท้อนของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
.
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่แค่ตึกเดียว แต่คือ "การถอยทัพครั้งใหญ่" ปีนี้บรรดา "ตัวพ่อตัวแม่" ไลฟ์สดชาวจีนต่างเก็บกระเป๋าออกจากย่านปินเจียงในหางโจว เมืองจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องการไลฟ์สด "ซินปา" (ราชาไลฟ์สด) ย้ายกลับกวางโจว ตึกออฟฟิศเดิมร้างจนสตาร์บัคส์ใต้ตึกเจ๊ง "เสี่ยวหยางเกอ" และคนดังอีกหลายราย คืนพื้นที่เช่า ตึกว่างในหางโจว พุ่งแตะ 27.7% สูงสุดเป็นประวัติการณ์
.
ข่าวลือหนาหูว่า "อินฟลูเอนเซอร์กำลังหนีจากหางโจว" เพราะยุคตื่นทองจบลงแล้ว รายได้หดหาย เจ้าของแบรนด์จมกองสต็อก แถมโดนซ้ำเติมด้วย "ภาษีอีคอมเมิร์ซ" และเด็กจบใหม่ที่พร้อมรับค่าแรงถูกกว่าก็ทะลักเข้ามาแย่งงาน
.
■ หางโจว เมืองพลิกชะตา หรือเมืองขายฝัน
.
แม้กวางโจวจะชิลกว่าและเน้นความสามารถ แต่สำหรับ หลิวฮุ่ย และคนหนุ่มสาวอีกนับแสน หางโจวยังคือ "เมืองเปลี่ยนชีวิต" หลิวฮุ่ยเคยลองย้ายไปกวางโจว แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรังที่หางโจว เพราะที่นี่จ่ายหนักกว่า อาชีพตัดต่อวิดีโอที่บ้านเกิดอาจได้เงินแค่ 2,400 หยวน แต่ที่นี่การหาเงินหมื่นคือเรื่องปกติ คนหนุ่มสาวที่นี่มีคติประจำใจคือ "รีบกอบโกยตอนยังหนุ่ม" ทำงานกันแบบถวายหัว ตี 2 เลิกงาน 10 โมงเข้างาน ไม่มีวันหยุด เพื่อแลกกับโอกาสจับเงินล้าน
.
แต่ไลฟ์สตรีมเมอร์ตอนนี้กำลัง "หมดไฟ" และ "พังทลาย" อย่างเช่น เฉิงซิงถง สตรีมเมอร์สาววัย 31 ปี เล่าความโหดร้ายว่าวงการนี้เหมือน "การสอบสวนนักโทษ" เพราะต้องตื่นตัวตลอดเวลาด้วยคาเฟอีน พอหมดฤทธิ์ก็หมดสภาพ ไหนจะความเครียดจากตัวเลข เพราะถ้ากราฟคนดูตก นั่นคือความผิดพลาด ต้องเร่งแข่งกับคนอื่นเป็นสิบคนในเวลาเดียวกัน
.
นอกจากนี้เธอต้องเสียเงินแสนทำศัลยกรรมตาและจมูกจนหน้าพัง ต้องแก้แล้วแก้อีก เพียงเพื่อ "ตั๋วเข้าวงการ" เพราะที่นี่หน้าตาคือใบเบิกทาง ยังไม่รวมสุขภาพที่เสียไปจาการยืนไลฟ์จนขาอ่อน นอนไม่พอ เลือดลมพร่อง หมอเตือนว่าถ้าไม่เลิกทำ ร่างกายจะพังถาวรตอน 40 สุดท้ายเธอคำนวณแล้วว่า เงินเก็บปีละ 2.4 แสนหยวน ไม่คุ้มกับสุขภาพที่เสียไป เธอจึงเลือกถอนตัวกลับบ้านเกิด
.
■ เจ้าของแบรนด์: ผู้โหยหาปาฏิหาริย์ในวันที่ตลาดวาย
.
ไม่ใช่แค่ลูกจ้างที่ลำบาก "เถ้าแก่" ก็กระอักเลือดเช่นกัน 1.กับดักสต็อก: เสื้อผ้าสตรีมีอัตราคืนของสูงถึง 80% เงินจมไปกับของกองโต 2.สงครามราคา: พอมีสินค้าฮิต คู่แข่งก็ก๊อปไปขายตัดราคาทันที 3.ภาษี: กฎหมายใหม่ไล่เก็บภาษีย้อนหลังพวกปั่นยอดขาย ทำเอากำไรที่บางอยู่แล้วหายวับไปกับตา
.
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าของจึงคาดหวังสูงขึ้น อยากได้สตรีมเมอร์ที่มาไลฟ์แล้ว "ชุบชีวิตธุรกิจได้ทันที" แต่กลับไม่กล้าจ่ายเงินเดือนสูงๆ เหมือนก่อน ทำให้คนทำงานอย่าง ลิลลี่ เด็กจบใหม่ ต้องเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น เพราะโดนบีบให้ทำยอดขายแบบสุดโหด สุดท้ายลิลลี่ตัดสินใจหนีความวุ่นวายไป "นอนราบ" ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ในชนบท เช่าตึกทั้งหลังปีละ 3,000 หยวน เพื่อเยียวยาจิตใจ
.
■ เพดานที่ยังสูง
.
แม้ตลาดจะวาย คนจะล้นงาน และความกดดันจะมหาศาล แต่คนในวงการทุกคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "หางโจวยังคงเป็นเพดานสูงสุดของวงการนี้" หลี่เหวิน ที่ย้ายไปกวางโจว บอกว่าที่นั่นเน้น "ไลฟ์ขายของแบบร้านค้า" (เน้นปริมาณ ต้นทุนต่ำ) ไม่หวือหวาและไม่ทุ่มทุนสร้างเหมือนหางโจว หางโจวยังเป็นที่ที่ปั้นเศรษฐีหน้าใหม่ได้เร็วที่สุด เพียงแต่โจทย์ยากขึ้นและคู่แข่งเยอะขึ้น
.
ทว่าตอนนี้นักไลฟ์หลายคนก็เหมือนกับลิลลี่ ที่กำลังยืนอยู่ตรงทางแยก…จะยอมแพ้แล้วใช้ชีวิตเรียบง่าย หรือจะกลับไปสู้ต่อในสมรภูมิหางโจวเพื่อโอกาสรวยทางลัด นี่คือคำถามที่คนหนุ่มสาวในยุค "หลังตื่นทอง" ต้องตอบตัวเองให้ได้
.
.
ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
.
#ไลฟสด #อินฟลู
CR
https://www.facebook.com/share/1AAD8AeRMW/?mibextid=wwXIfr
อินฟลูฯ จีนขาลง แห่หนีตายจากหางโจว แข่งขันสูง-งานหนัก-รายได้หด
.
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่แค่ตึกเดียว แต่คือ "การถอยทัพครั้งใหญ่" ปีนี้บรรดา "ตัวพ่อตัวแม่" ไลฟ์สดชาวจีนต่างเก็บกระเป๋าออกจากย่านปินเจียงในหางโจว เมืองจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องการไลฟ์สด "ซินปา" (ราชาไลฟ์สด) ย้ายกลับกวางโจว ตึกออฟฟิศเดิมร้างจนสตาร์บัคส์ใต้ตึกเจ๊ง "เสี่ยวหยางเกอ" และคนดังอีกหลายราย คืนพื้นที่เช่า ตึกว่างในหางโจว พุ่งแตะ 27.7% สูงสุดเป็นประวัติการณ์
.
ข่าวลือหนาหูว่า "อินฟลูเอนเซอร์กำลังหนีจากหางโจว" เพราะยุคตื่นทองจบลงแล้ว รายได้หดหาย เจ้าของแบรนด์จมกองสต็อก แถมโดนซ้ำเติมด้วย "ภาษีอีคอมเมิร์ซ" และเด็กจบใหม่ที่พร้อมรับค่าแรงถูกกว่าก็ทะลักเข้ามาแย่งงาน
.
■ หางโจว เมืองพลิกชะตา หรือเมืองขายฝัน
.
แม้กวางโจวจะชิลกว่าและเน้นความสามารถ แต่สำหรับ หลิวฮุ่ย และคนหนุ่มสาวอีกนับแสน หางโจวยังคือ "เมืองเปลี่ยนชีวิต" หลิวฮุ่ยเคยลองย้ายไปกวางโจว แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรังที่หางโจว เพราะที่นี่จ่ายหนักกว่า อาชีพตัดต่อวิดีโอที่บ้านเกิดอาจได้เงินแค่ 2,400 หยวน แต่ที่นี่การหาเงินหมื่นคือเรื่องปกติ คนหนุ่มสาวที่นี่มีคติประจำใจคือ "รีบกอบโกยตอนยังหนุ่ม" ทำงานกันแบบถวายหัว ตี 2 เลิกงาน 10 โมงเข้างาน ไม่มีวันหยุด เพื่อแลกกับโอกาสจับเงินล้าน
.
แต่ไลฟ์สตรีมเมอร์ตอนนี้กำลัง "หมดไฟ" และ "พังทลาย" อย่างเช่น เฉิงซิงถง สตรีมเมอร์สาววัย 31 ปี เล่าความโหดร้ายว่าวงการนี้เหมือน "การสอบสวนนักโทษ" เพราะต้องตื่นตัวตลอดเวลาด้วยคาเฟอีน พอหมดฤทธิ์ก็หมดสภาพ ไหนจะความเครียดจากตัวเลข เพราะถ้ากราฟคนดูตก นั่นคือความผิดพลาด ต้องเร่งแข่งกับคนอื่นเป็นสิบคนในเวลาเดียวกัน
.
นอกจากนี้เธอต้องเสียเงินแสนทำศัลยกรรมตาและจมูกจนหน้าพัง ต้องแก้แล้วแก้อีก เพียงเพื่อ "ตั๋วเข้าวงการ" เพราะที่นี่หน้าตาคือใบเบิกทาง ยังไม่รวมสุขภาพที่เสียไปจาการยืนไลฟ์จนขาอ่อน นอนไม่พอ เลือดลมพร่อง หมอเตือนว่าถ้าไม่เลิกทำ ร่างกายจะพังถาวรตอน 40 สุดท้ายเธอคำนวณแล้วว่า เงินเก็บปีละ 2.4 แสนหยวน ไม่คุ้มกับสุขภาพที่เสียไป เธอจึงเลือกถอนตัวกลับบ้านเกิด
.
■ เจ้าของแบรนด์: ผู้โหยหาปาฏิหาริย์ในวันที่ตลาดวาย
.
ไม่ใช่แค่ลูกจ้างที่ลำบาก "เถ้าแก่" ก็กระอักเลือดเช่นกัน 1.กับดักสต็อก: เสื้อผ้าสตรีมีอัตราคืนของสูงถึง 80% เงินจมไปกับของกองโต 2.สงครามราคา: พอมีสินค้าฮิต คู่แข่งก็ก๊อปไปขายตัดราคาทันที 3.ภาษี: กฎหมายใหม่ไล่เก็บภาษีย้อนหลังพวกปั่นยอดขาย ทำเอากำไรที่บางอยู่แล้วหายวับไปกับตา
.
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าของจึงคาดหวังสูงขึ้น อยากได้สตรีมเมอร์ที่มาไลฟ์แล้ว "ชุบชีวิตธุรกิจได้ทันที" แต่กลับไม่กล้าจ่ายเงินเดือนสูงๆ เหมือนก่อน ทำให้คนทำงานอย่าง ลิลลี่ เด็กจบใหม่ ต้องเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น เพราะโดนบีบให้ทำยอดขายแบบสุดโหด สุดท้ายลิลลี่ตัดสินใจหนีความวุ่นวายไป "นอนราบ" ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ในชนบท เช่าตึกทั้งหลังปีละ 3,000 หยวน เพื่อเยียวยาจิตใจ
.
■ เพดานที่ยังสูง
.
แม้ตลาดจะวาย คนจะล้นงาน และความกดดันจะมหาศาล แต่คนในวงการทุกคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "หางโจวยังคงเป็นเพดานสูงสุดของวงการนี้" หลี่เหวิน ที่ย้ายไปกวางโจว บอกว่าที่นั่นเน้น "ไลฟ์ขายของแบบร้านค้า" (เน้นปริมาณ ต้นทุนต่ำ) ไม่หวือหวาและไม่ทุ่มทุนสร้างเหมือนหางโจว หางโจวยังเป็นที่ที่ปั้นเศรษฐีหน้าใหม่ได้เร็วที่สุด เพียงแต่โจทย์ยากขึ้นและคู่แข่งเยอะขึ้น
.
ทว่าตอนนี้นักไลฟ์หลายคนก็เหมือนกับลิลลี่ ที่กำลังยืนอยู่ตรงทางแยก…จะยอมแพ้แล้วใช้ชีวิตเรียบง่าย หรือจะกลับไปสู้ต่อในสมรภูมิหางโจวเพื่อโอกาสรวยทางลัด นี่คือคำถามที่คนหนุ่มสาวในยุค "หลังตื่นทอง" ต้องตอบตัวเองให้ได้
.
.
ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
.
#ไลฟสด #อินฟลู
CR https://www.facebook.com/share/1AAD8AeRMW/?mibextid=wwXIfr