เปิด 45 เทรนด์ธุรกิจ อุตสาหกรรม ส่งออก เกษตร ตลาด ท่องเที่ยวมาแรงปี 2569 บีโอไอชี้ “ดิจิทัล-อิเล็กทรอนิกส์-ยานยนต์-ไฟฟ้าสะอาด” ยอดขอส่งเสริมโต 1 ล้านล้าน พาณิชย์ฟันธง 6 กลุ่มสินค้าส่งออกโตต่อเนื่องลุย “เกษตรอัจฉริยะ” พลิกโฉมภาคเกษตร ขณะเทรนด์ Health โตแรงรับสังคมสูงวัย
เศรษฐกิจไทยปี 2568 ยังอ่อนแรง โดยจีดีพี 3 ไตรมาสแรกโตเพียง 2.4% และสภาพัฒน์คาดทั้งปีขยายตัวราว 2% ขณะที่ปี 2569 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินจีดีพีไทยจะโตเพียง 1.6% จากปัญหาเชิงโครงสร้าง ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการค้าสหรัฐ และหนี้ครัวเรือนสูง แม้เผชิญแรงกดดันหลายด้าน แต่ไทยยังมีศักยภาพเติบโตจากภาคส่วนสำคัญ โดยการสำรวจของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบเทรนด์ธุรกิจ การลงทุน การส่งออก เกษตร ผู้บริโภค การตลาด และท่องเที่ยวที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า 9 เดือนแรกปีนี้ การขอรับการส่งเสริมการลงทุนโดดเด่นใน 3 อุตสาหกรรมหลักได้แก่ ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์และชิ้นส่วน รวม 730 โครงการ มูลค่า 867,831 ล้านบาท ซึ่งจะเป็น“สามเสาหลักเศรษฐกิจใหม่” ของไทย ขณะเดียวกัน ยังมีอีก 5 อุตสาหกรรมที่อยู่ในกลุ่มรอง ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน เกษตร-อาหาร ปิโตรเคมี-เคมีภัณฑ์ การแพทย์ และท่องเที่ยวขอรับการส่งเสริมรวม 868 โครงการ มูลค่า 199,166 ล้านบาท หากรวม 7 กลุ่มอุตสาหกรรมนี้ขอรับการส่งเสริมรวม 1,577 โครงการ มูลค่ากว่า 1.06 ล้านล้านบาท
“บีโอไอคาดว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะจะยังขยายตัวต่อเนื่องต่อเนื่องในปี 2569 เพราะสงครามการค้า-เทคโนโลยีผลักดันบริษัทย้ายฐานการผลิต โดยไทยและอาเซียนยังเป็นเป้าหมายลงทุนสำคัญ ทั้งด้านเซมิคอนดักเตอร์ PCB เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และฮาร์ดดิสก์ที่โตตามการขยายตัวของ Data Center”
อุตสาหกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะ Data Center คลาวด์ ซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มบริการดิจิทัล และดิจิทัลคอนเทนต์ยังเติบโตตามเทรนด์ AI และ Digital Transformation แต่การลงทุน Data Center มีตัวแปรสำคัญคือความพร้อมระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะใน EEC
ส่วนยานยนต์และชิ้นส่วน แม้ตลาดชะลอ แต่ในบาง Segment ยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่ม HEV(Hybrid และ BEV ยังสดใส ทำให้มีการลงทุนด้านยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พลังงานสะอาดเติบโตตามดีมานด์ลดคาร์บอน และคาดว่ากลไกพลังงานสะอาดทั้ง UGT และ Direct PPA ที่จะประกาศภายในสิ้นปี 2568 จะช่วยกระตุ้นการสร้างดีมานด์พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมอีกมาก
6 กลุ่มสินค้าส่งออกโตต่อเนื่อง
ด้านนายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ระบุว่า แนวโน้มส่งออกปี 2569 ยังเติบโตได้ดีใน 6 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณี-เครื่องประดับ อาหารมูลค่าสูง และอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดยไทยมีความได้เปรียบในห่วงโซ่การผลิต และผู้ประกอบการมีศักยภาพสูง
ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรและอาหารจะฟื้นตัวตามกระแสความมั่นคงทางอาหารและอุปสงค์โลกที่เพิ่มขึ้น แม้ปี 2569 ยังมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอกและฐานตัวเลขส่งออกที่สูงในปีนี้ แต่ภาพรวมยังเป็นบวก โดยสินค้าศักยภาพเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในปีหน้า
เกษตรอัจริยะโอกาสใหม่ภาคเกษตร
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า “เกษตรอัจฉริยะ” จะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในปี 2569 โดยการใช้เซนเซอร์ IoT โดรน ภาพถ่ายดาวเทียม AI และ Big Data จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและแรงงาน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มนี้มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของพืชแต่ละชนิดและศักยภาพทางการเงินของเกษตรกร ไม่ใช่ใช้เทคโนโลยีแบบเดียวครอบคลุมทุกพื้นที่
ตลาดเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะทั่วโลกกำลังเติบโตแรง มูลค่าปี 2024 อยู่ที่ราว 1.8-1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มเกือบเท่าตัวในปี 2025-2033 ส่วน IoT ภาคเกษตรจะขยายปีละ 7-10% จนมีมูลค่าเกิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนปี 2030 ขณะที่ AI เติบโตเฉลี่ยมากกว่า 20% ต่อปี และจะฝังอยู่ในทุกระบบตั้งแต่วางแผนการผลิตจนถึงจัดการฟาร์ม
“หากไทยไม่ก้าวทันจะเสียทั้งผลผลิต รายได้ และความสามารถแข่งขัน แต่การเร่งลงทุนโดยไม่ประเมินความเสี่ยงก็อาจนำไปสู่การลงทุนเกินตัวได้เช่นกัน”
สำหรับปี 2569-2570 กรมส่งเสริมการเกษตรจะปรับบทบาท 4 ด้าน ได้แก่ 1) จากผู้ให้คำแนะนำทั่วไปสู่โค้ชเทคโนโลยีและการเงินฟาร์ม ช่วยวิเคราะห์ความคุ้มค่าของเทคโนโลยี 2) สร้างมาตรฐานและระบบรับรองผู้ให้บริการเทคโนโลยีร่วมกับเอกชนและสถาบันการเงิน 3) พัฒนาทักษะเจ้าหน้าที่และเกษตรกรให้ใช้ดิจิทัล-AI ได้จริง และ 4) เชื่อมเกษตรอัจฉริยะกับการทำเกษตรอิงสภาพภูมิอากาศและเกษตรมูลค่าสูง เพื่อยกระดับผลผลิต ลดการใช้ทรัพยากร และเพิ่มโอกาสเข้าตลาดพรีเมียม
10 เทรนด์การตลาดมาแรง
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) ระบุว่า ปี 2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกการตลาด เพราะเทคโนโลยีเดินหน้าเร็ว ขณะที่เศรษฐกิจ สังคมและพฤติกรรมผู้บริโภคกลับเผชิญภาวะ “ไร้สมดุล” มากขึ้น
สำหรับ 10 เทรนด์การตลาดปี 2026 เมื่อโลกฉลาดขึ้นแต่เปราะบางขึ้น ได้แก่ 1.โลกกำลังหลุดจากสมดุลเดิม องค์กรจึงต้อง “เร็วและยืดหยุ่น” มากกว่า “ใหญ่และมั่นคง” 2.ตลาดใหญ่แตกเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Fragmentation) 3.Soft Power ของเอเชียและจีนโดดเด่นชัดขึ้นจากวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์ เทคโนโลยีไปจนถึงรูปแบบการใช้ชีวิต เอเชียกำลังเป็นผู้นำทางความคิดใหม่แทนตะวันตก 4. AI เป็นพื้นฐานแต่ความคิดสร้างสรรค์ “แต้มต่อ” 5.Multiverse-Agentic AI-Humanoidเริ่มใช้งานจริงและถูกนำมาใช้สร้างโลกเสมือน เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้า และการสื่อสารกับแบรนด์ในรูปแบบใหม่
6.ผู้บริโภคใส่ใจประเด็นสังคมมากขึ้น 7.Influencer ต้องเป็นทั้งผู้นำความคิดและKey Opinion Customer (KOC) 8.วัฒนธรรมคือทุนของแบรนด์ที่เชื่อมอัตลักษณ์ท้องถิ่นหรือความเป็นตัวตนลูกค้าจะได้เปรียบ 9.การตลาดสำคัญกว่าการผลิต ในภาวะตลาดอิ่มตัว สิ่งที่ยากกว่าไม่ใช่การผลิต แต่คือการขายและการสร้างเงินสด และบริหารกระแสเงินสดให้แข็งแรง และ 10. แบรนด์กลางๆ จะถูกกลืนหาย หากไม่มีจุดยืนชัดเจน ซึ่งทั้งหมดสะท้อนว่าแม้เทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพให้แบรนด์ แต่ความซับซ้อนของผู้บริโภคและการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งทำให้กลยุทธ์ต้องเฉียบคมและชัดเจนกว่าเดิม
6 เทรนด์ Health รับมือโลกเปลี่ยน
ขณะที่
นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort บริษัท
กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาด Wellness ยังเติบโตในอัตราสูง จากสังคมผู้สูงอายุ โรค NCDs (โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) ผลกระทบหลังโควิด และภาระค่ารักษาที่สูงขึ้น ทำให้การลงทุนด้าน Health & Wellness เป็นเทรนด์สำคัญในปี 2026 โดยเทรนด์ในอุตสาหกรรม Health & Wellness ในปีหน้า มี 6 เทรนด์เด่นประกอบด้วย
1.Mental Wellness ผู้คนเผชิญความเครียดจากสงคราม เศรษฐกิจ และชีวิตเร่งรีบ จึงมองหาพื้นที่สงบเพื่อเยียวยาจิตใจ 2.Longevity & Biological Age การชะลอวัยและดูอายุชีวภาพผ่านวิทยาศาสตร์เชิงลึก 3.AI for Wellness ใช้ AI วิเคราะห์และแนะนำสุขภาพเฉพาะบุคคล 4.Wellness Real Estate รีสอร์ตและคอนโดที่ออกแบบแนว Regenerative Design เพื่อฟื้นฟูสุขภาวะ
5.Wellness Retreats การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนยาว เพื่อตรวจร่างกาย ออกกำลังกาย กินดี อยู่ดีและ 6.Spiritual Health ที่กระแสเติบโตสูงจากความต้องการเติมพลังใจและการทำสมาธิ ซึ่งทั้งหมดสะท้อนว่าคนทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุขภาพแบบรอบด้านมากขึ้น ท่ามกลางโลกที่กดดันและซับซ้อนกว่าเดิม
6 เทรนด์นักช้อป-นักชิม
ด้าน
นายไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์ที่ผู้บริโภคจะยังคงให้ความนิยมและคำนึงถึงในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ได้แก่ 1. Health & Wellness เช่น Plant-Based, Immunity-Boosting Foods เป็นต้น 2. Sustainability & Ethics เช่น Local Sourcing Support, Eco-Packaging ฯลฯ
3. Digital Convenience เช่น Easy Mobile Ordering, Cashless Payments ฯลฯ 4. Value & Quality เช่น Friendly Ingredients, Fair Pricing ฯลฯ 5. Exper iential Dining เช่น New Concept, Chef-led Experiences ฯลฯ และ 6. Authenticity Innovation เช่น Creative Fusion Dishes, Craft Beverages ฯลฯ
5 เทรนด์ใหม่ชี้อนาคตท่องเที่ยว
ขณะที่ Trip.com Group ร่วมกับ Google จัดทำรายงานระดับโลก “Why Travel?” วิเคราะห์ข้อมูลการจองของ Trip.com ร่วมกับข้อมูลการค้นหาและงานวิจัยของ Google เพื่อสะท้อนว่า นักท่องเที่ยวยุคใหม่มองหาประสบการณ์ที่มีความหมาย เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม ชุมชน และใช้เทคโนโลยีช่วยวางแผนทริปได้อย่างแม่นยำในปี 2026
รายงานชี้ 5 เทรนด์ท่องเที่ยวหลักที่กำลังกำหนดอนาคต ได้แก่ 1.การเดินทางเพื่อแสดงออกถึงตัวตน(Travel as Expression) โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลสูง นักท่องเที่ยวกว่า 75% ดูไลฟ์ท่องเที่ยว และในบางตลาดสูงถึง 76% พร้อมจองทริปผ่านลิงก์ในไลฟ์สตรีม 2.การเดินทางเพื่อจุดหมายที่มีความหมาย (Travel with Purpose) ความสนใจวัฒนธรรมดั้งเดิมเพิ่มขึ้น เช่น การค้นหา “พิธีชงชาญี่ปุ่น” เพิ่ม 53% สะท้อนความต้องการประสบการณ์เชิงลึก
3.การเดินทางเพื่อสุขภาพและการฟื้นฟู (Travel to Heal) เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและฟื้นฟูเติบโตแรง การค้นหา “กอล์ฟและรีสอร์ตสปา” เพิ่ม 300% และ “สกีและสปา” เพิ่ม 250% เมื่อเทียบรายปี 4.การเดินทางเพื่อเชื่อมโยงผู้คน (Travel to Connect) การเดินทางเพื่อแบ่งปันประสบการณ์กับคนสำคัญเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยว 2 ใน 3 พร้อมเดินทางต่างประเทศเพื่อชมคอนเสิร์ต ขณะที่ “Endurance Tourism” เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน และ Hyrox โต 5 เท่า
และ 5.การเดินทางแห่งอนาคตด้วยพลังของ AI (Travel of Tomorrow) AI กลายเป็นตัวช่วยวางแผนทริปสำคัญ โดยการค้นหา “ช่วยวางแผนการเดินทาง” เพิ่มขึ้น 190% รายงานสะท้อนว่าการท่องเที่ยวยุคใหม่เน้นความหมาย ความเชื่อมโยง และเทคโนโลยีมากกว่าที่เคย
เปิด 45 เทรนด์ฟื้นเศรษฐกิจไทยปี 2569 ดิจิทัล–อิเล็กฯ–ยานยนต์ลงทุนพุ่ง เกษตรอัจฉริยะ–ตลาดสูงวัยมาแรง