โคตรเท่! "Catch Me If You Can" หนังที่ดูแล้วอยากเป็นนักต้มตุ๋น (แต่ในทางที่ดีนะ!)
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีๆ ที่อยากจะมาแนะนำให้ดูกันครับ เป็นหนังเก่าหน่อยนะ แต่รับรองว่าดูแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน ชื่อเรื่องว่า "Catch Me If You Can" ครับ ชื่อไทยก็ประมาณว่า "จับให้ได้ถ้านายแน่จริง" ซึ่งก็ตรงตัวกับเนื้อเรื่องเป๊ะๆ เลย
เรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของ "แฟรงค์ อาบาเนล จูเนียร์" ครับ ซึ่งเป็นนักต้มตุ๋นที่ฉลาดเป็นกรด สามารถปลอมแปลงตัวเองเป็นอาชีพต่างๆ ได้มากมาย ตั้งแต่นักบิน นักกฎหมาย หมอ แถมยังสามารถปลอมเช็คปลอมได้เก่งกาจมากๆ จนสามารถหลอกลวงเงินจำนวนมหาศาลไปได้ทั่วโลกในช่วงยุค 60s ครับ ฟังดูแล้วก็แบบ โอ้โห สุดยอดไปเลยใช่ไหมครับ
หนังเรื่องนี้กำกับโดย "สตีเว่น สปีลเบิร์ก" ครับ ซึ่งเป็นผู้กำกับระดับตำนานอยู่แล้ว รับประกันความสนุกและความยอดเยี่ยมได้เลยครับ ส่วนนักแสดงก็ขนกันมาเพียบ ทั้ง "ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ" ที่รับบทเป็นแฟรงค์ตอนหนุ่ม แล้วก็ "ทอม แฮงค์" ที่รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ FBI ที่ตามล่าแฟรงค์อยู่ครับ แค่เห็นรายชื่อนักแสดงก็ขนลุกแล้วใช่ไหมครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือ การเล่าเรื่องที่ลื่นไหลและน่าติดตามครับ สปีลเบิร์กสามารถทำให้เราอินไปกับตัวละครแฟรงค์ได้มากๆ ถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดกฎหมาย แต่เราก็อดเชียร์เขาไม่ได้จริงๆ นะครับ เพราะเขาดูมีความฉลาด ไหวพริบดี และมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต
การที่แฟรงค์สามารถปลอมตัวเป็นอาชีพต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน มันน่าทึ่งมากครับ ทั้งการพูดจา บุคลิก หรือแม้กระทั่งความรู้เฉพาะทางในแต่ละอาชีพที่เขาปลอมตัวไป มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสังเกตและเรียนรู้ของเขาที่สูงมากๆ ครับ เห็นแล้วก็แอบคิดในใจว่า ถ้าเอาความฉลาดนี้ไปทำในทางที่ถูกกฎหมาย คงจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่แน่นอน
อีกส่วนที่เด่นมากๆ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟรงค์กับพ่อของเขาครับ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาหลายๆ อย่างในชีวิตของแฟรงค์ การที่เขาต้องเจอเรื่องราวต่างๆ ในครอบครัว มันส่งผลต่อการตัดสินใจและแนวทางการใช้ชีวิตของเขาอย่างมากครับ เห็นแล้วก็สงสารตัวละครแฟรงค์ในบางมุมเหมือนกัน
ส่วนเจ้าหน้าที่ FBI ที่ตามล่าแฟรงค์ ก็เป็นตัวละครที่น่าสนใจไม่แพ้กันครับ ทอม แฮงค์ แสดงได้ดีมากๆ ทำให้เราเห็นถึงความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ และความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่ผู้นี้ครับ การไล่ล่าระหว่างแฟรงค์กับเจ้าหน้าที่ FBI ก็เป็นเหมือนเกมแมวไล่จับหนู ที่ดูสนุก ตื่นเต้น และลุ้นระทึกตลอดเวลา
ผมชอบที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอแค่การไล่ล่าหรือการต้มตุ๋นเพียงอย่างเดียวครับ แต่ยังสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว ความฝัน การดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด และการค้นหาตัวตนของแฟรงค์ ทำให้หนังมีความลึกซึ้งและมีอะไรให้คิดตามเยอะเลยครับ
ฉากต่างๆ ในหนังก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ครับ ทั้งการจำลองบรรยากาศยุค 60s ที่ดูคลาสสิก การตัดต่อที่รวดเร็วแต่ไม่ทำให้สับสน และเพลงประกอบที่เข้ากับบรรยากาศของหนังมากๆ ครับ ทำให้เราอินไปกับเรื่องราวได้เต็มที่
เวลาที่แฟรงค์ปลอมตัวเป็นนักบิน แล้วบินไปทั่วโลก มันดูเท่มากๆ เลยครับ เหมือนได้ท่องเที่ยวไปกับเขาด้วย การที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา มีเงินทองมากมาย มันก็เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันนะ แต่เบื้องหลังความสำเร็จจอมปลอมนั้น ก็มีความเหงาและความไม่แน่นอนซ่อนอยู่เช่นกัน
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ความรู้สึกผิดบาปของแฟรงค์ครับ แม้ว่าเขาจะเก่งในการหลอกลวง แต่ในใจลึกๆ เขาก็มีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง และพยายามที่จะแก้ไขหรือชดเชยในบางครั้ง มันทำให้ตัวละครแฟรงค์ดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ไม่ใช่แค่ตัวร้ายที่น่ารังเกียจ
สำหรับใครที่ชอบหนังแนวอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยไหวพริบ การวางแผน และการไล่ล่า ผมแนะนำเรื่องนี้เลยครับ "Catch Me If You Can" ดูแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนครับ มันทั้งสนุก ตื่นเต้น และให้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตด้วยครับ
ผมดูเรื่องนี้ซ้ำหลายรอบแล้วครับ แล้วก็ยังคงรู้สึกสนุกและประทับใจเหมือนเดิมทุกครั้งที่ได้ดู ยิ่งดูยิ่งเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้กำกับใส่มาได้อย่างแยบยลครับ
เป็นหนังที่ทำให้เรามองเห็นอีกมุมของสังคม และความสามารถของมนุษย์ที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดีครับ
สรุปแล้ว "Catch Me If You Can" เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชมมากๆ ครับ ครบเครื่องทั้งความสนุก ความตื่นเต้น และข้อคิดดีๆ ที่จะทำให้คุณมองโลกเปลี่ยนไปเลยครับ
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ ใครที่ยังไม่เคยดู แนะนำให้ไปหามาดูกันเลยครับ รับรองว่าจะต้องชอบเหมือนผมแน่นอนครับ!
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ ถ้ามีหนังเรื่องไหนน่าสนใจอีก จะมารีวิวให้ฟังอีกแน่นอนครับ!
โคตรเท่! "Catch Me If You Can" หนังที่ดูแล้วอยากเป็นนักต้มตุ๋น (แต่ในทางที่ดีนะ!)
โคตรเท่! "Catch Me If You Can" หนังที่ดูแล้วอยากเป็นนักต้มตุ๋น (แต่ในทางที่ดีนะ!)
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีๆ ที่อยากจะมาแนะนำให้ดูกันครับ เป็นหนังเก่าหน่อยนะ แต่รับรองว่าดูแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน ชื่อเรื่องว่า "Catch Me If You Can" ครับ ชื่อไทยก็ประมาณว่า "จับให้ได้ถ้านายแน่จริง" ซึ่งก็ตรงตัวกับเนื้อเรื่องเป๊ะๆ เลย
เรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของ "แฟรงค์ อาบาเนล จูเนียร์" ครับ ซึ่งเป็นนักต้มตุ๋นที่ฉลาดเป็นกรด สามารถปลอมแปลงตัวเองเป็นอาชีพต่างๆ ได้มากมาย ตั้งแต่นักบิน นักกฎหมาย หมอ แถมยังสามารถปลอมเช็คปลอมได้เก่งกาจมากๆ จนสามารถหลอกลวงเงินจำนวนมหาศาลไปได้ทั่วโลกในช่วงยุค 60s ครับ ฟังดูแล้วก็แบบ โอ้โห สุดยอดไปเลยใช่ไหมครับ
หนังเรื่องนี้กำกับโดย "สตีเว่น สปีลเบิร์ก" ครับ ซึ่งเป็นผู้กำกับระดับตำนานอยู่แล้ว รับประกันความสนุกและความยอดเยี่ยมได้เลยครับ ส่วนนักแสดงก็ขนกันมาเพียบ ทั้ง "ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ" ที่รับบทเป็นแฟรงค์ตอนหนุ่ม แล้วก็ "ทอม แฮงค์" ที่รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ FBI ที่ตามล่าแฟรงค์อยู่ครับ แค่เห็นรายชื่อนักแสดงก็ขนลุกแล้วใช่ไหมครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือ การเล่าเรื่องที่ลื่นไหลและน่าติดตามครับ สปีลเบิร์กสามารถทำให้เราอินไปกับตัวละครแฟรงค์ได้มากๆ ถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดกฎหมาย แต่เราก็อดเชียร์เขาไม่ได้จริงๆ นะครับ เพราะเขาดูมีความฉลาด ไหวพริบดี และมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต
การที่แฟรงค์สามารถปลอมตัวเป็นอาชีพต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน มันน่าทึ่งมากครับ ทั้งการพูดจา บุคลิก หรือแม้กระทั่งความรู้เฉพาะทางในแต่ละอาชีพที่เขาปลอมตัวไป มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสังเกตและเรียนรู้ของเขาที่สูงมากๆ ครับ เห็นแล้วก็แอบคิดในใจว่า ถ้าเอาความฉลาดนี้ไปทำในทางที่ถูกกฎหมาย คงจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่แน่นอน
อีกส่วนที่เด่นมากๆ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟรงค์กับพ่อของเขาครับ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาหลายๆ อย่างในชีวิตของแฟรงค์ การที่เขาต้องเจอเรื่องราวต่างๆ ในครอบครัว มันส่งผลต่อการตัดสินใจและแนวทางการใช้ชีวิตของเขาอย่างมากครับ เห็นแล้วก็สงสารตัวละครแฟรงค์ในบางมุมเหมือนกัน
ส่วนเจ้าหน้าที่ FBI ที่ตามล่าแฟรงค์ ก็เป็นตัวละครที่น่าสนใจไม่แพ้กันครับ ทอม แฮงค์ แสดงได้ดีมากๆ ทำให้เราเห็นถึงความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ และความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่ผู้นี้ครับ การไล่ล่าระหว่างแฟรงค์กับเจ้าหน้าที่ FBI ก็เป็นเหมือนเกมแมวไล่จับหนู ที่ดูสนุก ตื่นเต้น และลุ้นระทึกตลอดเวลา
ผมชอบที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอแค่การไล่ล่าหรือการต้มตุ๋นเพียงอย่างเดียวครับ แต่ยังสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว ความฝัน การดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด และการค้นหาตัวตนของแฟรงค์ ทำให้หนังมีความลึกซึ้งและมีอะไรให้คิดตามเยอะเลยครับ
ฉากต่างๆ ในหนังก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ครับ ทั้งการจำลองบรรยากาศยุค 60s ที่ดูคลาสสิก การตัดต่อที่รวดเร็วแต่ไม่ทำให้สับสน และเพลงประกอบที่เข้ากับบรรยากาศของหนังมากๆ ครับ ทำให้เราอินไปกับเรื่องราวได้เต็มที่
เวลาที่แฟรงค์ปลอมตัวเป็นนักบิน แล้วบินไปทั่วโลก มันดูเท่มากๆ เลยครับ เหมือนได้ท่องเที่ยวไปกับเขาด้วย การที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา มีเงินทองมากมาย มันก็เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันนะ แต่เบื้องหลังความสำเร็จจอมปลอมนั้น ก็มีความเหงาและความไม่แน่นอนซ่อนอยู่เช่นกัน
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ความรู้สึกผิดบาปของแฟรงค์ครับ แม้ว่าเขาจะเก่งในการหลอกลวง แต่ในใจลึกๆ เขาก็มีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง และพยายามที่จะแก้ไขหรือชดเชยในบางครั้ง มันทำให้ตัวละครแฟรงค์ดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ไม่ใช่แค่ตัวร้ายที่น่ารังเกียจ
สำหรับใครที่ชอบหนังแนวอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยไหวพริบ การวางแผน และการไล่ล่า ผมแนะนำเรื่องนี้เลยครับ "Catch Me If You Can" ดูแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนครับ มันทั้งสนุก ตื่นเต้น และให้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตด้วยครับ
ผมดูเรื่องนี้ซ้ำหลายรอบแล้วครับ แล้วก็ยังคงรู้สึกสนุกและประทับใจเหมือนเดิมทุกครั้งที่ได้ดู ยิ่งดูยิ่งเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้กำกับใส่มาได้อย่างแยบยลครับ
เป็นหนังที่ทำให้เรามองเห็นอีกมุมของสังคม และความสามารถของมนุษย์ที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดีครับ
สรุปแล้ว "Catch Me If You Can" เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชมมากๆ ครับ ครบเครื่องทั้งความสนุก ความตื่นเต้น และข้อคิดดีๆ ที่จะทำให้คุณมองโลกเปลี่ยนไปเลยครับ
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ ใครที่ยังไม่เคยดู แนะนำให้ไปหามาดูกันเลยครับ รับรองว่าจะต้องชอบเหมือนผมแน่นอนครับ!
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ ถ้ามีหนังเรื่องไหนน่าสนใจอีก จะมารีวิวให้ฟังอีกแน่นอนครับ!