The Northman: หนังโหด ดิบ เถื่อน สมจริง จนต้องยกนิ้วให้!
สวัสดีครับทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านรีวิวหนังของผมใน Pantip นะครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึงหนังที่ผมเพิ่งดูจบไปสดๆ ร้อนๆ เลยครับ นั่นก็คือ "The Northman" ครับ บอกเลยว่าไม่ใช่หนังดูสบายๆ นะครับ ใครที่ชอบแนวแอ็คชั่น ดราม่า สงคราม ความแค้น หรืออะไรที่มันดิบๆ เถื่อนๆ แบบถึงพริกถึงขิง นี่คือหนังที่คุณต้องดูครับ
ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมต้องบอกว่าผมเป็นแฟนตัวยงของหนังที่สร้างจากตำนานหรือเรื่องราวในประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ยิ่งเป็นแนวไวกิ้งด้วยแล้ว ยิ่งต้องรีบพุ่งตัวไปดูเลยครับ พอเห็นตัวอย่าง "The Northman" ปุ๊บ ก็รู้เลยว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ แล้วพอได้ดูจริงๆ ก็ไม่ผิดหวังเลยครับ
หนังเล่าเรื่องราวของ "อามัธ" เจ้าชายแห่งอาณาจักรไวกิ้งที่ต้องสูญเสียทุกอย่างไปตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมโดย "เฟรเบิร์ก" ผู้เป็นอาแท้ๆ และแม่ของเขาก็ถูกจับตัวไป อามัธหนีรอดมาได้และเติบโตขึ้นมาเป็นนักรบที่โหดเหี้ยม เด็ดเดี่ยว และกระหายการแก้แค้น ความแค้นนี้มันฝังลึกอยู่ในใจของเขามาตลอดชีวิต จนกระทั่งเขาได้รู้ว่าแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ และอยู่ที่ประเทศไอซ์แลนด์ เขาจึงตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังไอซ์แลนด์ เพื่อตามหาแม่และล้างแค้นให้กับพ่อ
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือ "ความสมจริง" ครับ ผู้กำกับอย่าง โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส เขาพิถีพิถันมากในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ฉาก การแต่งกาย อาวุธ ภาษา หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรม ความเชื่อต่างๆ ของชาวไวกิ้ง มันทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคนั้นจริงๆ ครับ การต่อสู้ในเรื่องก็ไม่ใช่การฟันดาบแบบเท่ๆ อย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ นะครับ แต่มันคือการต่อสู้ที่โหดร้าย ดิบเถื่อน เต็มไปด้วยเลือดเนื้อและเสียงกรีดร้อง มันสะท้อนให้เห็นถึงความป่าเถื่อนของยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี
นักแสดงนำอย่าง อเล็กซานเดอร์ สคาร์สการ์ด ที่รับบทเป็นอามัธ คือสุดยอดครับ เขาถ่ายทอดอารมณ์ความแค้น ความโกรธ ความเจ็บปวด และความมุ่งมั่นออกมาได้ถึงแก่นจริงๆ ครับ การแสดงของเขาทำให้เรารู้สึกอินไปกับตัวละครได้ไม่ยากเลย ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้าครับ ทั้ง นิโคล คิดแมน ที่รับบทเป็นแม่ของอามัธ, เอลล่า พรูเนลล์ ที่รับบทเป็นคนรัก, และ วิลเลม เดโฟ ที่รับบทเป็นตัวละครลึกลับ แต่ละคนก็แสดงได้ดีมากๆ ครับ
ภาพในหนังคือสวยงามมากครับ ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะค่อนข้างหนักหน่วง แต่ฉากต่างๆ ที่ถ่ายทำในไอซ์แลนด์นั้นสวยงามจนน่าทึ่ง ทั้งทุ่งหญ้าเขียวขจี ภูเขาหิน รอยแยกของเปลือกโลก หรือแม้กระทั่งน้ำตกที่อลังการ มันตัดกับความโหดร้ายของเรื่องราวได้อย่างลงตัว
ผมชอบที่หนังไม่ได้เน้นแค่การแก้แค้นอย่างเดียว แต่ยังสอดแทรกเรื่องของโชคชะตา ความเชื่อในเทพเจ้า และพิธีกรรมต่างๆ ของชาวไวกิ้งเข้ามาด้วย มันทำให้เรื่องราวมีความลึกซึ้งและน่าติดตามมากขึ้นครับ บางฉากอาจจะดูแปลกๆ หรือเหนือธรรมชาติไปหน่อย แต่มันก็คือส่วนหนึ่งของความเชื่อในยุคนั้นครับ
สิ่งหนึ่งที่อาจจะต้องเตือนก่อนดูก็คือ หนังเรื่องนี้มีความรุนแรงค่อนข้างสูงนะครับ มีฉากต่อสู้ที่โหดร้าย เลือดสาด และการสังหารหมู่ที่สมจริงมากๆ ใครที่ใจไม่แข็ง หรือไม่ชอบฉากที่รุนแรง อาจจะต้องพิจารณาดูครับ แต่ถ้าคุณทนได้และชอบหนังแนวนี้ ผมรับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์การดูหนังที่เข้มข้นและน่าจดจำแน่นอน
ผมขอสรุปเลยนะครับ "The Northman" เป็นหนังที่ผมยกให้เป็น "หนังดี" ในปีนี้เลยครับ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่หนังที่ดูง่าย หรือเหมาะสำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบหนังที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความสมจริง แอ็คชั่นที่ดุเดือด และการแสดงที่ทรงพลัง ผมแนะนำให้ไปหามาดูครับ มันเป็นหนังที่ทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ และความโหดร้ายของมนุษย์ที่ต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาของตัวเอง
ใครที่ดูเรื่องนี้ไปแล้ว มาคุยกันได้นะครับ ผมอยากรู้ว่ามีความเห็นอย่างไรบ้าง หรือมีฉากไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษบ้างครับ ผมพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นครับผม
The Northman: หนังโหด ดิบ เถื่อน สมจริง จนต้องยกนิ้วให้!
The Northman: หนังโหด ดิบ เถื่อน สมจริง จนต้องยกนิ้วให้!
สวัสดีครับทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านรีวิวหนังของผมใน Pantip นะครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึงหนังที่ผมเพิ่งดูจบไปสดๆ ร้อนๆ เลยครับ นั่นก็คือ "The Northman" ครับ บอกเลยว่าไม่ใช่หนังดูสบายๆ นะครับ ใครที่ชอบแนวแอ็คชั่น ดราม่า สงคราม ความแค้น หรืออะไรที่มันดิบๆ เถื่อนๆ แบบถึงพริกถึงขิง นี่คือหนังที่คุณต้องดูครับ
ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมต้องบอกว่าผมเป็นแฟนตัวยงของหนังที่สร้างจากตำนานหรือเรื่องราวในประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ยิ่งเป็นแนวไวกิ้งด้วยแล้ว ยิ่งต้องรีบพุ่งตัวไปดูเลยครับ พอเห็นตัวอย่าง "The Northman" ปุ๊บ ก็รู้เลยว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ แล้วพอได้ดูจริงๆ ก็ไม่ผิดหวังเลยครับ
หนังเล่าเรื่องราวของ "อามัธ" เจ้าชายแห่งอาณาจักรไวกิ้งที่ต้องสูญเสียทุกอย่างไปตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมโดย "เฟรเบิร์ก" ผู้เป็นอาแท้ๆ และแม่ของเขาก็ถูกจับตัวไป อามัธหนีรอดมาได้และเติบโตขึ้นมาเป็นนักรบที่โหดเหี้ยม เด็ดเดี่ยว และกระหายการแก้แค้น ความแค้นนี้มันฝังลึกอยู่ในใจของเขามาตลอดชีวิต จนกระทั่งเขาได้รู้ว่าแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ และอยู่ที่ประเทศไอซ์แลนด์ เขาจึงตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังไอซ์แลนด์ เพื่อตามหาแม่และล้างแค้นให้กับพ่อ
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือ "ความสมจริง" ครับ ผู้กำกับอย่าง โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส เขาพิถีพิถันมากในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ฉาก การแต่งกาย อาวุธ ภาษา หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรม ความเชื่อต่างๆ ของชาวไวกิ้ง มันทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคนั้นจริงๆ ครับ การต่อสู้ในเรื่องก็ไม่ใช่การฟันดาบแบบเท่ๆ อย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ นะครับ แต่มันคือการต่อสู้ที่โหดร้าย ดิบเถื่อน เต็มไปด้วยเลือดเนื้อและเสียงกรีดร้อง มันสะท้อนให้เห็นถึงความป่าเถื่อนของยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี
นักแสดงนำอย่าง อเล็กซานเดอร์ สคาร์สการ์ด ที่รับบทเป็นอามัธ คือสุดยอดครับ เขาถ่ายทอดอารมณ์ความแค้น ความโกรธ ความเจ็บปวด และความมุ่งมั่นออกมาได้ถึงแก่นจริงๆ ครับ การแสดงของเขาทำให้เรารู้สึกอินไปกับตัวละครได้ไม่ยากเลย ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้าครับ ทั้ง นิโคล คิดแมน ที่รับบทเป็นแม่ของอามัธ, เอลล่า พรูเนลล์ ที่รับบทเป็นคนรัก, และ วิลเลม เดโฟ ที่รับบทเป็นตัวละครลึกลับ แต่ละคนก็แสดงได้ดีมากๆ ครับ
ภาพในหนังคือสวยงามมากครับ ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะค่อนข้างหนักหน่วง แต่ฉากต่างๆ ที่ถ่ายทำในไอซ์แลนด์นั้นสวยงามจนน่าทึ่ง ทั้งทุ่งหญ้าเขียวขจี ภูเขาหิน รอยแยกของเปลือกโลก หรือแม้กระทั่งน้ำตกที่อลังการ มันตัดกับความโหดร้ายของเรื่องราวได้อย่างลงตัว
ผมชอบที่หนังไม่ได้เน้นแค่การแก้แค้นอย่างเดียว แต่ยังสอดแทรกเรื่องของโชคชะตา ความเชื่อในเทพเจ้า และพิธีกรรมต่างๆ ของชาวไวกิ้งเข้ามาด้วย มันทำให้เรื่องราวมีความลึกซึ้งและน่าติดตามมากขึ้นครับ บางฉากอาจจะดูแปลกๆ หรือเหนือธรรมชาติไปหน่อย แต่มันก็คือส่วนหนึ่งของความเชื่อในยุคนั้นครับ
สิ่งหนึ่งที่อาจจะต้องเตือนก่อนดูก็คือ หนังเรื่องนี้มีความรุนแรงค่อนข้างสูงนะครับ มีฉากต่อสู้ที่โหดร้าย เลือดสาด และการสังหารหมู่ที่สมจริงมากๆ ใครที่ใจไม่แข็ง หรือไม่ชอบฉากที่รุนแรง อาจจะต้องพิจารณาดูครับ แต่ถ้าคุณทนได้และชอบหนังแนวนี้ ผมรับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์การดูหนังที่เข้มข้นและน่าจดจำแน่นอน
ผมขอสรุปเลยนะครับ "The Northman" เป็นหนังที่ผมยกให้เป็น "หนังดี" ในปีนี้เลยครับ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่หนังที่ดูง่าย หรือเหมาะสำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบหนังที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความสมจริง แอ็คชั่นที่ดุเดือด และการแสดงที่ทรงพลัง ผมแนะนำให้ไปหามาดูครับ มันเป็นหนังที่ทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ และความโหดร้ายของมนุษย์ที่ต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาของตัวเอง
ใครที่ดูเรื่องนี้ไปแล้ว มาคุยกันได้นะครับ ผมอยากรู้ว่ามีความเห็นอย่างไรบ้าง หรือมีฉากไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษบ้างครับ ผมพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นครับผม