วิแคะ ความตึงเครียด จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ เมื่อ นายกญี่ปุ่นบอกว่า "ไต้หวันมีเรื่อง ญี่ปุ่นก็มีเรื่อง"

นางทาไกชิ นายกญี่ปุ่นบอกว่า "ไต้หวันมีเรื่อง ญี่ปุ่นก็มีเรื่อง"

ก่อให้เกิดความตึงเครียดครั้งใหม่   

ก่อให้เกิดคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังฉาก

ผมตามภาษาคนสนใจการเมืองระหว่างประเทศ  วิแคะดังนี้

สังเกตว่า ทรัมป์ที่รู้ทุกเรื่อง  มีความเห็นทุกเรื่อง  ครั้งนี้เงียบผิดปกติ  ไม่พยายามเป็นตัวกลางผสานสัมพันธ์เหมือนกรณีไทยกัมพูชา

ผมเชื่อดังนี้

ความต้องการของญี่ปุ่น: ต้องการกลับมาพัฒนาให้กำลังทหารเข็มแข็ง  ยิ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ยิ่งดี  และในที่สุด ก็กลับมาเป็นประเทศปกติที่ไม่มีฐานทัพทหารสหรัฐ

ความต้องการสหรัฐ: กักจีนไม่ให้โต  ถ้าทำให้กลับไปจน ล้าหลัง อ่อนแอ(ทางทหาร)ได้ก็ยิ่งดี  

ความต้องการของจีน: ต้องการโตขึ้นๆ  จนในที่สุดก็ใหญ่กว่าสหรัฐทั้งเศรษฐกิจและการทหาร

การที่นายกญี่ปุ่นพูดเรื่อง  "ไต้หวันมีเรื่อง ญี่ปุ่นก็มีเรื่อง" ซึ่งหมายความว่าจะใช้กำลังทหารกรณีจีนรุกรานไต้หวันนั้น  ผิดรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นที่ห้ามว่าห้ามส่งทหารออกนอกประเทศ (ไม่รู้แก้รึยังนะครับ)  ผิดกฏบัตรสหประชาชาติข้อ 2(4) ห้ามใช้กำลังหรือขู่จะใช้กำลังรุกรานประเทศอื่น  นั้นยังผิดประกาศปอตสดัม ซึ่งสหรัฐเป็นผู้คุมให้ญี่ปุ่นปฎิบัติตามมาตลอด แต่การที่สหรัฐนิ่งเงียบ แสดงว่า  ไม่ได้ไม่เห็นด้วย  เรื่องนี้ทำให้มีข้อสรุปว่า  สหรัฐพอใจที่เกิดการพูดเรื่องนี้โดยนายกญี่ปุ่นขึ้นมา

ณ ปัจจุบัน  การพุดเรื่องสงครามยังคงเร็วเกินไป  เพราะเป็นแค่คำพูดปากปล่าวตอบในสภา ยังไม่ใช่จุดยืนอย่างเป็นทางการที่ถูกกฏหมายของญี่ปุ่น  คาดว่าการตอบโต้ของจีนยังคงไม่เกิน  ด่า  ข่มขู่กลับแบบมีเงื่อนไข(ว่าถ้าญี่ปุ่นลงสงครามจริง)  หรือทดสอบอาวุธโชว์  แต่ถ้าเราสมมุติว่าเรื่องนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งคำพูดของนายกหญิงกลายเป็นจุดยืนอย่างเป็นทางการที่ถูกกฏหมายของญี่ปุ่น

กลับมาที่"ข้อสรุปที่ว่า  สหรัฐพอใจที่เกิดการพูดเรื่องนี้โดยนายกญี่ปุ่นขึ้นมา" นั่นหมายความว่า  ถ้าจีนทำสงครามกับญี่ปุ่นย่อมเป็นแผนของสหรัฐแน่นอน  แล้วสหรัฐได้ประโยชน์อย่างไร  ก็ดูยูเครนสิ  สุดท้ายทุกอย่างที่ยูเครนได้ มันไม่ฟรี  ต้องจ่ายคืนสหรัฐ  คือหนี้  ไม่ใช่ความช่วยเหลือ   ได้ขายอาวุธ แล้วยังได้ทำให้จีนกลับไป จน ล้าหลัง อ่อนแอ ได้อีก   ยิ่งสงครามลากยาวเหมือนยูเครน  จีนยิ่งหมดพลังจะไปโตแข่งสหรัฐ    และเมื่อกองทัพจีนรบ  สหรัฐก็ได้โอกาสจารกรรมข้อมูลสัญญาณสารพัด  ได้รับรู้ขีดความสามารถที่ชัดเจนของกองทัพจีน ได้รับรู้ตำแหน่งที่ตั้ง  ชื่อนายพล นายพัน วิธีการจัดการรบ  เหมือนตอนที่หลี่หงจางแพ้ญี่ปุ่นเพราะแม่ทัพญี่ปุ่นแอบไปดูหลี่หงจางรบกับฝรั่งเศษ  เลยรู้แนวทาง  นิสัยการรบ

ซึ่งก็กลับมาว่า ใครชนะ  ถ้าญี่ปุ่นชนะ  จีนจบเลย  กลับไปจน ล้าหลัง  อ่อนแอ หรือกระทั่งอาจจะสิ้นชาติถ้าสหรัฐเห็นโอกาสว่าจีนอ่อนแอแล้วโจมตีซ้ำด้วยเหตุผลว่าต้องช่วยญี่ปุ่นอะไรก็ได้   ถ้าจีนชนะญี่ปุ่น  ก็ต้องมาดูว่าชนะลากเลือด หรือชนะขาดลอย  ถ้าชนะลากเลือด  สหรัฐก็ซ้ำเหมือนข้อแรกได้อีก  แต่ถ้าชนะขาดลอย  จีนไม่เจ็บมาก  อันนี้แหละ ที่จะยากเลยสำหรับสหรัฐๆก็จะ โบ้ยให้ญี่ปุ่นรับความซวยจากการแพ้สงครามคนเดียว  ตัวเองลอยตัวเพราะตอนนี้ จุดยืนอย่างเป็นทางการของสหรัฐกล่าวโดยมาร์โก รูบิโอ  เลขาแห่งรัฐคนปัจจุบันคือ "สหรัฐถือนโยบายจีนเดียว  ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน  และไม่สนับสนุนการแยกตัวของไต้หวัน"    แต่เนื่องจากปัจจุบันกองทัพจีนยังมีศักยภาพสู้สหรัฐไม่ได้ ดังนั้นโอกาสสูงสุดที่จะเกิดคือ แพ้ หรือ ชนะแบบลากเลือด  เพราะสหรัฐจะสนับสนุนญี่ปุ่นแบบเดียวกับที่สนับสนุนยูเครน  ส่วนญี่ปุ่น  ไม่ต้องพุดถึง  เละแน่นอนน  ยิ่งกว่ายูเครนอีก  และมีความเสี่ยงสูงมากที่จีนจะบ้าเลือดงัดอาวุธนิวเคลียร์มาล้างญึ่ปุ่นเพราะความแค้นในอดีต

สรุป  การทำสงครามกับญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่อันตรายมากสำหรับจีน  เชื่อว่าจีนคงจะตอบโต้โดยการ ด่า  ยั่วยุ  งดซื้อของญี่ปุ่น  แต่ไม่กล้าทำสงคราม  ต่อให้ญี่ปุ่นจะนำเรื่องนี้มาเป็นจุดยืนอย่างเป็นทางการที่ถูกกฏหมายของญี่ปุ่น

แต่ในขณะเดียวกันไม่ใช่ว่าจีนจะทำอะไรไม่ได้เสียเลย  ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นจุดยืนอย่างเป็นทางการที่ถูกกฏหมายของญี่ปุ่น  เพราะนั่นผิดกฏบัตรสหประชาชาติข้อ 2(4) ห้ามใช้กำลังหรือขู่จะใช้กำลังรุกรานประเทศอื่นแบบเต็มๆ  จีนสามารถนำเรื่องเข้า UNSC เพื่อประณามญี่ปุ่น ซึ่งก็คงโดนวีโต้ แต่ยังมีเวที UNGA (UN general assembly) ซึ่งไม่มีผลบังคับใช้ แต่ก็ไม่มีการวีโต้เช่นกัน  แต่อย่างน้อยสามารถทำให้โลกได้เห็น แล้วถ้าผลการโหวดของ UNGA ประณามญี่ปุ่น  ก็จะทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นผู้ร้าย หรือ ฝ่ายอธรรม ฝ่ายผิด  ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนญี่ปุ่นเปลี่ยนนายกเพื่อแก้ไขนโยบายตรงนี้  ซึ่งเราทุกคนรู้ดีว่านิสัยคนญี่ปุ่นรักภาพพจน์แค่ไหน  วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ถูกต้องใช้การฑูตหลีกเลี่ยงการใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศ  แต่เรื่องนี้ก็ไม่แน่  เพราะคนญึ่ปุ่นก็เช่นกัน  ที่ต้องการ " ต้องการกลับมาพัฒนาให้กำลังทหารเข็มแข็ง  ยิ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ยิ่งดี  และในที่สุด ก็กลับมาเป็นประเทศปกติที่ไม่มีฐานทัพทหารสหรัฐ " ซี่งถ้าคนญี่ปุ่นเดินหน้ากับการกลับมายิ่งใหญ่ของกองทัพญี่ปุ่นแล้วสหรัฐผงกหัว  จีนก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่าประณาม

แต่สหรัฐก็ยังคงได้ประโยชน์อยู่ดี  เพราะต่อให้ได้แค่นี้  ระหว่างนี้  จีนกับรัสเซียต้องคอยพูดว่า "ญี่ปุ่นเป็นประเทศแพ้สงครามโลก"  ซึ่งมันจะกินใจประชาชนญี่ปุ่น (แล้วกระทบเทียบไปกินใจอิตาลี่กับเยอรมันด้วย)  หากจีนกับรัสเซียจะขอให้สหรัฐใช้ประกาศพอตสดัม  ย่อมสร้างสหรัฐให้อยู่ในฐานะผู้ตัดสินระหว่างจีนญี่ปุ่น  ซึ่งก็จะมีอำนาจมากนำไปต่อรองเรื่องอื่นได้ด้วย  เช่นสั่งให้จีนเลิกซื้อน้ำมันรัสเซีย

หมากตานี้ ถ้าเป็นของสหรัฐจริง  ผมขอชมว่าเด็ดมาก  และผมไม่เห็นทางแก้หมากนี้สำหรับจีนเลย   ถ้าคนญี่ปุ่น ต้องการกลับมาพัฒนาให้กำลังทหารเข็มแข็ง  ยิ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ยิ่งดี  

แต่ถ้าจีนแก้หมากตานี้ได้   มันก็จะเป็นคำตอบที่ว่า  "โลกที่ไม่มีสหรัฐการันตีความปลอดภัยให้  จีนจะอยู่ได้ไหม  อยู่ยังไง"  ถ้าแก้ได้  คำตอบก็คือ "อยู่ได้อย่างวิธีที่แก้นี่แหละ"

จบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่