ภาพที่น่าชื่นใจนี้ เมื่อในหลวงและสมเด็จพระราชินีทรงพระราชทานพระราชวโรกาสให้คนไทยและนักเรียนไทยที่อยู่ที่ปักกิ่งเข้าเฝ้านั้น บอกอะไรกับเราบ้างครับ?
.
สำหรับผม บอกหลายอย่าง
.
๑) การเสด็จฯ เยือนจีน ไม่เพียงช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีนแน่นแฟ้นขึ้น แต่ยังช่วยให้คนไทยทุก gen ทุกหมู่เหล่า มีความรู้สึกร่วมกัน คือปลาบปลื้มปิติ มีความสามัคคีระหว่างกันแน่นแฟ้นขึ้น ดูจากสีหน้าคนไทยทุก gen ในภาพนี้สิครับ
๒) การเสด็จฯ เยือนจีน ทำให้ประชาคมโลก (ไม่เฉพาะจีน) รู้จักความมีอารยธรรม ความแข็งแกร่งทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนความสง่างามของการมีพระมหากษัตริย์และพระราชินีที่เสด็จฯมาทรงงานเพื่อประชาชนในระดับที่ลึกซึ้งมากกว่าการมา “ดูงาน”
การเสด็จฯ แต่ละครั้งสื่อของทุกประเทศก็ต้องเอ่ยถึงพระประวัติ เช่น ในหลวงและพระราชินีเราขับเครื่องบินได้ มีความสามารถทางการทหารและการกีฬา และทรงอุปถัมภ์สนับสนุนการศึกษาและพัฒนาในทุกรูปแบบเพื่อความอยู่ดีกินดีของพสกนิกรอย่างลงลึกผ่านมูลนิธิและองค์กรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมานานแสนนานหลายรัชกาล
แม้กระทั่งฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินี ก็เป็นการประกาศความมี class มีรสนิยมอันประณีตแบบผู้ดีไทยที่สง่างามแบบสำรวม ซึ่งถ่ายทอดผ่านฝีมือสารพัดช่างชั้นครูไม่ว่าจะฉลองพระองค์หรือเครื่องประดับ
ทุกอย่างดูโดดเด่นเป็นสง่าเปล่งประกายยิ่งขึ้นไปอีกด้วยพระบารมีและพระอัธยาศัยอันแสนนุ่มนวลอ่อนโยนเป็นมิตร รอยพระสรวลที่งามจับใจ พระฉวีที่มีออร่างามเด่นเป็นสง่ากว่าใคร ถ้าใครเคยได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์จริงก็จะทำหน้าเหมือนคนไทยในปักกิ่ง ที่เห็นในภาพนี้นั่นแหละครับ และทุกคนก็จะพูดเหมือนกันว่า พระองค์จริงยิ่งทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งกว่าในรูปอีกมาก พระฉวีสว่างกระจ่างจ้า มองเห็นมาแต่ไกล
ตรงนี่ผมนึกถึงสมเด็จพระพันปีหลวงด้วยครับ ผมเคยได้เข้าเฝ้าฯ บ้าง พระองค์ท่านเสด็จฯ เข้ามาในห้องปุ๊บ เหมือนมีคนเปิดไฟ ห้องสว่างไสวขึ้นด้วยพระออร่าจริง ๆ เห็นชัดด้วยตาเปล่า ทุกคนในคณะที่เข้าเฝ้าฯ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐานก็เห็นแบบเดียวกัน ห้องก็ไม่ใช่เล็ก ๆ การที่จะสว่างขึ้นทั่งห้องได้นี้ต้องมีพระบารมีจากภายในแค่ไหนลองคิดดูเองก็แล้วกัน
๓) การเสด็จฯ เยือนจีนเป็นการประกาศให้โลกเห็นถึงความสัมพันธ์แบบครอบครัวอันพิเศษ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยถือเป็น “หน้าที่” และ “ความรับผิดชอบ” ที่ต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพสกนิกรทุกเชื้อชาติทุกศาสนา สืบกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยพร้อม ๆ กับความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาแล้ว
๔) การเสด็จฯ เยือนจีนทำให้โลกได้มองเห็นความหมายของ “พระบารมี” ในบริบทของพระพุทธศาสนา ซึ่งแปลว่า “คุณงามความดี” ด้วย จีนรับเสด็จฯ ด้วยการถวายพระเกียรติสูงสุด เช่น อันเชิญพระกลด(ร่ม)มังกร ๕ เล็บซึ่งเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของโอรสแห่งสวรรค์ที่ใช้กางถวายองค์จักรพรรดิออกมากางถวายในหลวง แน่นอนว่าเป็นการสื่อสารให้โลกรับรู้กลาย ๆ ด้วยว่า จีนก็เป็นประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่เช่นกัน
หรือจุดที่ทางการจีนจัดถวายให้ฉายพระรูปที่ระลึกในพระราชวังต้องห้ามก็เช่นกัน เป็นจุดที่ถวายพระเกียรติสูงสุดตามหลักฮวงจุ้ยของจีนและตามประวัติศาสตร์จีนด้วย รายละเอียดเรื่องพระกลดและพระราชวังต้องห้าม อ่านเพิ่มเติมได้ในเพจ All Around China นะครับ
ผู้ที่เคยปฏิบัติธรรมและศึกษาพระพุทธศาสนามาบ้างจะเข้าใจได้ทันทีว่า ทุกอย่างมีเหตุ ผู้ที่สร้างบารมีทั้ง ๑๐ มาครบทุกด้านอย่างนี้เท่านั้นจึงได้รับผลของเหตุนั้น เช่น เหตุแห่งการเกิดในตระกูลสูงที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ คือความอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในทศพิธราชธรรมด้วย คือ ข้อ ๕ มัททวะ
๕) การเสด็จฯ เยือนจีนครั้งนี้ของในหลวงและสมเด็จพระราชินี ทำให้ผมนึกถึงสมัยในหลวงร.๙ และสมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จฯ ไปเยือนต่างประเทศหลายประเทศเพื่อทำหน้าที่แบบเดียวกันนี้ในทศวรรษที่ 1960 ด้วยครับ มีกลิ่นอายหลายอย่างที่เหมือนกันเปี๊ยบ คือ
๕.๑) สื่อทั่วโลกให้ความสนใจ ไม่เฉพาะสื่อในประเทศนั้น ๆ
๕.๒) สื่อต่าง ๆ และประชาชนในทุกประเทศชื่นชมในพระจริยวัตรอันงดงามของล้นเกล้าฯ ทั้ง ๒ พระองค์ โดยสมเด็จพระพันปีหลวงก็ทรงสง่างามสุด ๆ ในทุกลุคแบบเดียวกัน จนนิตยสารของฝรั่งเศสเล่มหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่า Paris Match หรือว่า Le Monde ยกให้พระองค์ท่านเป็นควีนที่งามที่สุดในโลกเหนือควีนใด ๆ ในยุคนั้น งามคลาสสิค งามผู้ดี งามแบบมีสไตล์ของแฟชั่น งามในทุกอิริยาบถตั้งแต่ทรงพระดำเนิน ทรงเต้นรำกับประมุขของประเทศนั้น ๆ ท่าทรงปรบพระหัตถ์อันมีเอกลักษณ์ และที่สำคัญที่สุดคือรอยแย้มพระสรวลแบบกุลสตรีไทยที่อ่อนหวานนุ่มนวลจับใจ สว่างไสวไปหมด
๕.๓) ไม่เพียงแต่ภาครัฐ แต่ภาคประชาชนก็ถวายการต้อนรับอย่างดียิ่ง ลองไปหารูปตอนในหลวงร.๙ ทรงประทับยืนโบกพระหัตถ์บนรถเปิดประทุนที่นิวยอร์คมาดูสิครับ จะเห็นการถวายการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่มากราวกับ Thanksgiving Parade อันเลื่องชื่อประจำปีของกรุงนิวยอร์ค มีการโปรยริบบิ้นถวายการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ประชาชนมาโบกมือยิ้มแย้มกล่าวถวายการต้อนรับกึกก้อง ยิ่งไปบอสตันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชาวบอสตันต่างภาคภูมิใจที่ได้ต้อนรับพระองค์ท่าน ”กลับบ้าน“ ด้วยทรงประสูติที่นั่น เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรก(และอาจจะพระองค์เดียว?)ของโลกที่ประสูติที่อเมริกานะครับ
ทั้งหมดนี้คือ ”พระบารมี“ ที่ผู้เคยเข้าเฝ้าฯ ทุกคนจะเข้าใจ เพราะรู้สึกเหมือนกันหมดแบบไม่ได้นัดหมาย ดูจากสีหน้าทุกท่านในรูปนี้ก็ได้
สำหรับน้อง ๆ เด็ก ๆ ลูกหลานรุ่นหลังที่นั่งรอส่งเสด็จฯกลับอยู่ในภาพ ผมอยากจะถามอย่างนุ่มนวลพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นว่า ”เข้าใจแล้วใช่ไหม?” ก็เพราะผมได้เกิดทันและเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในรัชกาลที่แล้ว และคนรุ่นผมเห็นอยู่ทุกวันด้วย รอยยิ้มที่ทุกท่านมีในภาพนี้ ผมก็เคยยิ้มมาแล้วทุกวันครับ ทุกครั้งที่ดูข่าวในพระราชสำนัก และทุกครั้งที่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ
ท้ายที่สุด ผมอยากเสริมทุก ๆ เพจที่เขียนชื่นชมสมเด็จพระราชินีด้วยว่า “อย่าลืมนึกถึงพระปรีชาและพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงด้วย” ^__^
สมเด็จพระราชินีเราเป็นขวัญใจของชาวโลกไปแล้วก็จริง มิได้เพียงเป็นที่รักยิ่งของชาวไทย แต่อย่าลืมว่าในหลวงทรงมีพระวิสัยทัศน์ ทรงพิจารณาแล้วว่าสมเด็จพระราชินีทรงมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะทำหน้าที่นี้เพื่อประเทศชาติและเพื่อคนไทยทุกคน และที่แน่ ๆ ทั้งสองพระองค์สร้างพระบารมีมาคู่กัน มาทรงส่งเสริม สนับสนุนงานของกันและกันอย่างเห็นได้ชัดในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นเวลาเห็นภาพเสด็จฯ ออกทรงงานเพื่อพวกเราคู่กันท้ั้งสองพระองค์อย่างนี้จึงนำรอยยิ้มมาสู่พวกเราทุกคน เหมือนรอยยิ้มของพี่น้องชาวไทยในภาพนี้แหละครับ
ทำให้นึกถึงโคลงที่อาจารย์ผมที่มูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ คือ อาจารย์ศิริพร กรรณกุลสุนทร ได้แต่งเอาไว้ถึงคนที่เป็นคู่บุญบารมีกันมาว่า
“สิทธัตถะพี่ไซร้ เคียงคู่ พิมพา
สร้างบ่มกุศลา บ่เว้น
กี่ภพ กี่เพลา น้องพี่ คู่กัน
สองคนร่วมเพียรสร้าง กอบกู้ กุศล”
(ถ้าผมจำผิดก็ขออภัยนะครับอาจารย์ ผมท่องจำมาจากที่อาจารย์ชอบอ่านกลอนนี้ในวันสุดท้ายของคอร์สปฏิบัติธรรม ไม่เคยได้จดไว้ครับ ที่พยายามท่องเพราะจับใจเหลือเกิน งดงามอย่างยิ่ง และดีใจที่ได้เห็น คู่บุญบารมี ในชีวิตจริง อีกคู่หนึ่ง ต่อมาจากคู่ในหลวงร.๙ และสมเด็จพระพันปีหลวงครับ)
ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
#การเสด็จเยือนจีน
#ในหลวงและพระราชินี
#ซีรี่ส์เรื่องดีดีจากดรณัชร #เรื่องที่242
CR FB page ดร.ณัชร
ภาพที่น่าชื่นใจนี้ เมื่อในหลวงและสมเด็จพระราชินีทรงพระราชทานพระราชวโรกาสให้คนไทยและนักเรียนไทยที่อยู่ที่ปักกิ่งเข้าเฝ้า
.
สำหรับผม บอกหลายอย่าง
.
๑) การเสด็จฯ เยือนจีน ไม่เพียงช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีนแน่นแฟ้นขึ้น แต่ยังช่วยให้คนไทยทุก gen ทุกหมู่เหล่า มีความรู้สึกร่วมกัน คือปลาบปลื้มปิติ มีความสามัคคีระหว่างกันแน่นแฟ้นขึ้น ดูจากสีหน้าคนไทยทุก gen ในภาพนี้สิครับ
๒) การเสด็จฯ เยือนจีน ทำให้ประชาคมโลก (ไม่เฉพาะจีน) รู้จักความมีอารยธรรม ความแข็งแกร่งทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนความสง่างามของการมีพระมหากษัตริย์และพระราชินีที่เสด็จฯมาทรงงานเพื่อประชาชนในระดับที่ลึกซึ้งมากกว่าการมา “ดูงาน”
การเสด็จฯ แต่ละครั้งสื่อของทุกประเทศก็ต้องเอ่ยถึงพระประวัติ เช่น ในหลวงและพระราชินีเราขับเครื่องบินได้ มีความสามารถทางการทหารและการกีฬา และทรงอุปถัมภ์สนับสนุนการศึกษาและพัฒนาในทุกรูปแบบเพื่อความอยู่ดีกินดีของพสกนิกรอย่างลงลึกผ่านมูลนิธิและองค์กรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมานานแสนนานหลายรัชกาล
แม้กระทั่งฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินี ก็เป็นการประกาศความมี class มีรสนิยมอันประณีตแบบผู้ดีไทยที่สง่างามแบบสำรวม ซึ่งถ่ายทอดผ่านฝีมือสารพัดช่างชั้นครูไม่ว่าจะฉลองพระองค์หรือเครื่องประดับ
ทุกอย่างดูโดดเด่นเป็นสง่าเปล่งประกายยิ่งขึ้นไปอีกด้วยพระบารมีและพระอัธยาศัยอันแสนนุ่มนวลอ่อนโยนเป็นมิตร รอยพระสรวลที่งามจับใจ พระฉวีที่มีออร่างามเด่นเป็นสง่ากว่าใคร ถ้าใครเคยได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์จริงก็จะทำหน้าเหมือนคนไทยในปักกิ่ง ที่เห็นในภาพนี้นั่นแหละครับ และทุกคนก็จะพูดเหมือนกันว่า พระองค์จริงยิ่งทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งกว่าในรูปอีกมาก พระฉวีสว่างกระจ่างจ้า มองเห็นมาแต่ไกล
ตรงนี่ผมนึกถึงสมเด็จพระพันปีหลวงด้วยครับ ผมเคยได้เข้าเฝ้าฯ บ้าง พระองค์ท่านเสด็จฯ เข้ามาในห้องปุ๊บ เหมือนมีคนเปิดไฟ ห้องสว่างไสวขึ้นด้วยพระออร่าจริง ๆ เห็นชัดด้วยตาเปล่า ทุกคนในคณะที่เข้าเฝ้าฯ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐานก็เห็นแบบเดียวกัน ห้องก็ไม่ใช่เล็ก ๆ การที่จะสว่างขึ้นทั่งห้องได้นี้ต้องมีพระบารมีจากภายในแค่ไหนลองคิดดูเองก็แล้วกัน
๓) การเสด็จฯ เยือนจีนเป็นการประกาศให้โลกเห็นถึงความสัมพันธ์แบบครอบครัวอันพิเศษ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยถือเป็น “หน้าที่” และ “ความรับผิดชอบ” ที่ต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพสกนิกรทุกเชื้อชาติทุกศาสนา สืบกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยพร้อม ๆ กับความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาแล้ว
๔) การเสด็จฯ เยือนจีนทำให้โลกได้มองเห็นความหมายของ “พระบารมี” ในบริบทของพระพุทธศาสนา ซึ่งแปลว่า “คุณงามความดี” ด้วย จีนรับเสด็จฯ ด้วยการถวายพระเกียรติสูงสุด เช่น อันเชิญพระกลด(ร่ม)มังกร ๕ เล็บซึ่งเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของโอรสแห่งสวรรค์ที่ใช้กางถวายองค์จักรพรรดิออกมากางถวายในหลวง แน่นอนว่าเป็นการสื่อสารให้โลกรับรู้กลาย ๆ ด้วยว่า จีนก็เป็นประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่เช่นกัน
หรือจุดที่ทางการจีนจัดถวายให้ฉายพระรูปที่ระลึกในพระราชวังต้องห้ามก็เช่นกัน เป็นจุดที่ถวายพระเกียรติสูงสุดตามหลักฮวงจุ้ยของจีนและตามประวัติศาสตร์จีนด้วย รายละเอียดเรื่องพระกลดและพระราชวังต้องห้าม อ่านเพิ่มเติมได้ในเพจ All Around China นะครับ
ผู้ที่เคยปฏิบัติธรรมและศึกษาพระพุทธศาสนามาบ้างจะเข้าใจได้ทันทีว่า ทุกอย่างมีเหตุ ผู้ที่สร้างบารมีทั้ง ๑๐ มาครบทุกด้านอย่างนี้เท่านั้นจึงได้รับผลของเหตุนั้น เช่น เหตุแห่งการเกิดในตระกูลสูงที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ คือความอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในทศพิธราชธรรมด้วย คือ ข้อ ๕ มัททวะ
๕) การเสด็จฯ เยือนจีนครั้งนี้ของในหลวงและสมเด็จพระราชินี ทำให้ผมนึกถึงสมัยในหลวงร.๙ และสมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จฯ ไปเยือนต่างประเทศหลายประเทศเพื่อทำหน้าที่แบบเดียวกันนี้ในทศวรรษที่ 1960 ด้วยครับ มีกลิ่นอายหลายอย่างที่เหมือนกันเปี๊ยบ คือ
๕.๑) สื่อทั่วโลกให้ความสนใจ ไม่เฉพาะสื่อในประเทศนั้น ๆ
๕.๒) สื่อต่าง ๆ และประชาชนในทุกประเทศชื่นชมในพระจริยวัตรอันงดงามของล้นเกล้าฯ ทั้ง ๒ พระองค์ โดยสมเด็จพระพันปีหลวงก็ทรงสง่างามสุด ๆ ในทุกลุคแบบเดียวกัน จนนิตยสารของฝรั่งเศสเล่มหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่า Paris Match หรือว่า Le Monde ยกให้พระองค์ท่านเป็นควีนที่งามที่สุดในโลกเหนือควีนใด ๆ ในยุคนั้น งามคลาสสิค งามผู้ดี งามแบบมีสไตล์ของแฟชั่น งามในทุกอิริยาบถตั้งแต่ทรงพระดำเนิน ทรงเต้นรำกับประมุขของประเทศนั้น ๆ ท่าทรงปรบพระหัตถ์อันมีเอกลักษณ์ และที่สำคัญที่สุดคือรอยแย้มพระสรวลแบบกุลสตรีไทยที่อ่อนหวานนุ่มนวลจับใจ สว่างไสวไปหมด
๕.๓) ไม่เพียงแต่ภาครัฐ แต่ภาคประชาชนก็ถวายการต้อนรับอย่างดียิ่ง ลองไปหารูปตอนในหลวงร.๙ ทรงประทับยืนโบกพระหัตถ์บนรถเปิดประทุนที่นิวยอร์คมาดูสิครับ จะเห็นการถวายการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่มากราวกับ Thanksgiving Parade อันเลื่องชื่อประจำปีของกรุงนิวยอร์ค มีการโปรยริบบิ้นถวายการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ประชาชนมาโบกมือยิ้มแย้มกล่าวถวายการต้อนรับกึกก้อง ยิ่งไปบอสตันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชาวบอสตันต่างภาคภูมิใจที่ได้ต้อนรับพระองค์ท่าน ”กลับบ้าน“ ด้วยทรงประสูติที่นั่น เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรก(และอาจจะพระองค์เดียว?)ของโลกที่ประสูติที่อเมริกานะครับ
ทั้งหมดนี้คือ ”พระบารมี“ ที่ผู้เคยเข้าเฝ้าฯ ทุกคนจะเข้าใจ เพราะรู้สึกเหมือนกันหมดแบบไม่ได้นัดหมาย ดูจากสีหน้าทุกท่านในรูปนี้ก็ได้
สำหรับน้อง ๆ เด็ก ๆ ลูกหลานรุ่นหลังที่นั่งรอส่งเสด็จฯกลับอยู่ในภาพ ผมอยากจะถามอย่างนุ่มนวลพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นว่า ”เข้าใจแล้วใช่ไหม?” ก็เพราะผมได้เกิดทันและเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในรัชกาลที่แล้ว และคนรุ่นผมเห็นอยู่ทุกวันด้วย รอยยิ้มที่ทุกท่านมีในภาพนี้ ผมก็เคยยิ้มมาแล้วทุกวันครับ ทุกครั้งที่ดูข่าวในพระราชสำนัก และทุกครั้งที่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ
ท้ายที่สุด ผมอยากเสริมทุก ๆ เพจที่เขียนชื่นชมสมเด็จพระราชินีด้วยว่า “อย่าลืมนึกถึงพระปรีชาและพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงด้วย” ^__^
สมเด็จพระราชินีเราเป็นขวัญใจของชาวโลกไปแล้วก็จริง มิได้เพียงเป็นที่รักยิ่งของชาวไทย แต่อย่าลืมว่าในหลวงทรงมีพระวิสัยทัศน์ ทรงพิจารณาแล้วว่าสมเด็จพระราชินีทรงมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะทำหน้าที่นี้เพื่อประเทศชาติและเพื่อคนไทยทุกคน และที่แน่ ๆ ทั้งสองพระองค์สร้างพระบารมีมาคู่กัน มาทรงส่งเสริม สนับสนุนงานของกันและกันอย่างเห็นได้ชัดในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นเวลาเห็นภาพเสด็จฯ ออกทรงงานเพื่อพวกเราคู่กันท้ั้งสองพระองค์อย่างนี้จึงนำรอยยิ้มมาสู่พวกเราทุกคน เหมือนรอยยิ้มของพี่น้องชาวไทยในภาพนี้แหละครับ
ทำให้นึกถึงโคลงที่อาจารย์ผมที่มูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ คือ อาจารย์ศิริพร กรรณกุลสุนทร ได้แต่งเอาไว้ถึงคนที่เป็นคู่บุญบารมีกันมาว่า
“สิทธัตถะพี่ไซร้ เคียงคู่ พิมพา
สร้างบ่มกุศลา บ่เว้น
กี่ภพ กี่เพลา น้องพี่ คู่กัน
สองคนร่วมเพียรสร้าง กอบกู้ กุศล”
(ถ้าผมจำผิดก็ขออภัยนะครับอาจารย์ ผมท่องจำมาจากที่อาจารย์ชอบอ่านกลอนนี้ในวันสุดท้ายของคอร์สปฏิบัติธรรม ไม่เคยได้จดไว้ครับ ที่พยายามท่องเพราะจับใจเหลือเกิน งดงามอย่างยิ่ง และดีใจที่ได้เห็น คู่บุญบารมี ในชีวิตจริง อีกคู่หนึ่ง ต่อมาจากคู่ในหลวงร.๙ และสมเด็จพระพันปีหลวงครับ)
ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
#การเสด็จเยือนจีน
#ในหลวงและพระราชินี
#ซีรี่ส์เรื่องดีดีจากดรณัชร #เรื่องที่242
CR FB page ดร.ณัชร