เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 68 ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐได้มีคำตัดสินว่า บริษัท Meta (เจ้าของ Facebook)
ไม่ได้เป็นผู้ผูกขาดในตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์ก ส่งผลให้คำร้องของคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหรัฐ (FTC)
คดีนี้เริ่มจากเอฟทีซียื่นฟ้องเมตาในปี 2563 โดยกล่าวว่าบริษัทละเมิดกฎหมายแข่งขันทางการค้า
ด้วยการซื้อกิจการ Instagram (ปี 2555 ราคา 1 พันล้านดอลลาร์) และ WhatsApp (ปี 2557 ราคา 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์)
ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กำลังเติบโตในขณะนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันโดยตรง
การพิจารณาคดีต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมตา ที่ให้การว่าแพลตฟอร์มของบริษัทยังแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง YouTube และ TikTok
เจมส์ โบสเบิร์ก (James Boasberg) ผู้พิพากษา ระบุในคำวินิจฉัยว่า ตลาดโซเชียลมีเดียเปลี่ยนไปมากตั้งแต่เอฟทีซียื่นฟ้อง
โดยเฉพาะการเติบโตเร็วของ TikTok และบทบาทของ YouTube ที่มีส่วนจำกัดอำนาจของเมตา ทำให้บริษัทไม่เข้าข่ายผูกขาด
นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของคอนเทนต์ที่สร้างด้วยปัญญาประดิษฐ์ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เหตุผลของเอฟทีซีอ่อนลง
คำวินิจฉัยระบุว่า แอปในเครือเมตาครองนั้นมีสัดส่วนเวลาใช้งานเพียงระดับปานกลาง
เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มทั้งหมด ทั้ง Facebook, Instagram, Snapchat, MeWe, TikTok และ YouTube
และแนวโน้มสัดส่วนดังกล่าวลดลงต่อเนื่อง โดยตัวเลขสัดส่วนถูกปิดไว้ในเอกสาร
โบสเบิร์ก เขียนว่า TikTok ซึ่งเมตามองว่าเป็นคู่แข่งหลัก เข้าสู่ตลาดเพียงเจ็ดปีก่อน
แต่ขยายตัวเร็วมากจนมีอิทธิพลสูง และแม้ไม่นับ YouTube การมีอยู่ของ TikTok เพียงรายเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เอฟทีซีไม่สามารถพิสูจน์การผูกขาดได้
ด้านเอฟทีซีแสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสิน โจ ไซมอนสัน (Joe Simonson) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารสาธารณะของหน่วยงาน
ระบุว่า เอฟทีซีผิดหวังอย่างยิ่ง และกำลังทบทวนทางเลือกต่อไป โดยกล่าวถึงกระบวนการพิจารณาว่าไม่เป็นคุณต่อเอฟทีซีตั้งแต่ต้น
หากศาลตัดสินให้แยกกิจการจะเกิดผลกระทบขนาดใหญ่ เนื่องจาก Instagram เป็นแหล่งรายได้โฆษณาหลักของเมตา
ขณะที่ WhatsApp มีบทบาทสำคัญในตลาดต่างประเทศ ทั้งในบริการสื่อสารและระบบสมัครใช้งานเชิงธุรกิจ
แม้เมตาจะมีรายงานผู้ใช้งานต่อวันกว่า 3.3 พันล้านคน แต่ซักเคอร์เบิร์กให้การว่าความนิยมของ Facebook ลดลงต่อเนื่อง
เจนนิเฟอร์ นิวสเตด (Jennifer Newstead) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของเมตา ระบุผ่านแถลงการณ์ของโฆษก นเคชี เอ็นเนจิ (Nkechi Nneji) ว่า “คำตัดสินวันนี้สะท้อนให้เห็นว่าเมตาต้องแข่งขันอย่างเข้มข้น บริษัทจะเดินหน้าทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐต่อไป”
อย่างไรก็ตาม คำตัดสินนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการดำเนินคดีต่อต้านการผูกขาดต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐหลายราย
โดย Google ถูกตัดสินว่าผูกขาดทั้งในตลาดค้นหาและโฆษณาออนไลน์ ขณะที่ Apple และ Amazon ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีลักษณะเดียวกัน
ฝ่ายเอฟทีซีระบุว่า เมตาเคยกังวลต่อการแข่งขันจาก Instagram และ WhatsApp
ก่อนตัดสินใจซื้อกิจการ โดยอ้างอิงจากอีเมลและเอกสารภายในบริษัท
แต่เมตายืนยันว่าการซื้อกิจการทั้งสองครั้งผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเมื่อหลายปีก่อน
และการแยกกิจการในตอนนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของเทคโนโลยีสหรัฐในตลาดโลก
ทั้งนี้ ศาลสรุปว่า เอฟทีซีไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเมตายังมีอำนาจเหนือตลาดในปัจจุบัน
แม้จะมีคำถามว่าอดีตเมตาเคยมีอำนาจเหนือคู่แข่งหรือไม่ก็ตาม จึงมีคำตัดสินไม่รับคำร้องให้บังคับแยก Instagram และ WhatsApp
ศาลสหรัฐตัดสิน Meta ไม่ได้ผูกขาดตลาดโซเชียล ยังถือ Instagram - WhatsApp ได้ต่อ
อย่างไรก็ตาม คำตัดสินนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการดำเนินคดีต่อต้านการผูกขาดต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐหลายราย
โดย Google ถูกตัดสินว่าผูกขาดทั้งในตลาดค้นหาและโฆษณาออนไลน์ ขณะที่ Apple และ Amazon ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีลักษณะเดียวกัน