สวัสดีค่ะ การเขียนเรื่องราวกระทู้ในครั้งนี้ หลังจากที่เขียนกระทู้ก่อนไว้ในช่วงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ครั้งนี้ต้องใช้เวลาพอสมควรหลังจากที่ห่างหายไปเกือบ 9 เดือน ซึ่งในครั้งนั้นพวกเรายังบอกกันว่าจะปรับตัวไปกับพ่อและรับมือกับมะเร็งตัวร้ายไปด้วยกัน แต่ไม่ใช่อย่างที่เราคิดกันไว้เลยค่ะ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์พอดี ช่วงเย็นพวกเราจึงอยู่กันพร้อมหน้า พ่อรับบทเป็นคนคิดเมนูอาหารให้พวกเรา ส่วนพวกเรารับบทเป็นเชฟกันอีกเช่นเคยค่ะ ทำกับข้าวเมนูที่พ่ออยากกิน และที่ทำให้พวกเราดีใจคือ พ่อกินอาหารได้เยอะมาก เราเห็นพ่อกินข้าวได้เยอะก็ดีใจค่ะ ยังพูดกันขำๆว่า กินเยอะไปแล้วเดี๋ยวต้องไปหาหมออีกหรอก พ่อเองยังคงหัวเราะและบอกพวกเราว่า อร่อย หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิม กินยา เช็ดตัวทำความสะอาดร่างกาย นอนดูทีวี ตามปกติ และเราก็ส่งพ่อเข้านอนกันด้วยความสบายใจ พร้อมกับคำพูดที่พูดกันทุกวันว่า “ นอนแล้วนะ ฝันดี พรุ่งนี้เจอกันนะพ่อ ” พร้อมกับการจุ๊บมือไปหนึ่งที (ถ้าทำแล้วต้องทำทุกวันนะคะ เดี๋ยวน้อยใจ ) สำหรับพวกเรา แค่พ่อกินได้ ไม่เจ็บไม่ปวด พวกเราขอแค่นี้จริงๆค่ะ ในช่วงเวลานี้
แต่แล้วทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่พวกเราคิดไว้ เช้าวันที่ 24 กมุภาพันธ์ ช่วงเวลา 6 โมงเช้า คือเวลาที่เราต้องเข้าไปหาพ่อ เราก็จะต้องเปิดประตู้ห้องเล็กน้อย พร้อมกับคำพูดเดิมๆ ทุกๆวันในตอนเช้า ว่า “ พ่อ ตื่นยัง เปิดไฟแล้วนะ ” และจะได้ยิงเสียงออกมาทุกครั้งว่า ตื่นแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ พ่อเงียบ เราลองพูดอีกครั้งพ่อก็เงียบ เราเลยเอื้อมมือไปเปิดไฟห้อง และรีบเดินตรงไปที่เตียงของพ่อ พร้อมหัวใจที่สั่นรัว พ่อไปถึงตรงหน้าพ่อ เอามือจับแก้มของพ่อ เรียกพ่อหลายครั้งด้วยความตกใจ น้ำตาเราเริ่มไหลออกมา พร้อมกับใจที่เหมือนจะพัง พ่อจากเราไปแล้วค่ะ พ่อนอนหลับไปเฉย มีเพียงน้ำเปล่าที่กินไปแค่ครั้งเดียวและลูกอมโปรดเพียงเม็ดเดียว พ่อเราจากไปอย่างสงบแล้วค่ะ เรารู้สึกหนักเหมือนใจกำลังแตกสลาย เรารีบโทรหาพี่ชายให้กลับมา พี่เราเองก็จะถึงที่ทำงานแล้ว ก็รีบขับรถกลับมาด้วยใจที่แตกสลายเช่นกัน พอได้สติเราโทรแจ้งทาง รพ.สต. และศูนย์ประคับประคองค่ะ พวกเราจัดงานศพของพ่อที่วัดสวดอภิธรรมเพียง 3 คืน ใช้ขนมจัดเบรกเพื่อขอบคุณแขกในงาน ทำพิธีฌาปนกิจใช้ของชำร่วยเป็นยาพารา และทำพิธีลอยอังคาร จนเสร็จสมบูรณ์ค่ะ พ่อเคยบอกพวกเราไว้ ว่าไม่อยากให้ที่บ้านต้องวุ่นวาย ซึ่งเราในตอนนั้นยังชอบบอกพ่อว่า พูดอะไรไม่รู้ เหมือนที่เราบอกเลยค่ะว่าจริงๆคนที่รับความจริงไม่ได้คือพวกเราเองต่างหากไม่ใช่พ่อ
ส่วนความจริงในตอนนี้ บ้านเงียบขึ้น ในวันที่ไม่มีพ่ออยู่อีกแล้วค่ะ ความอบอุ่นที่เคยมีได้หายไป การที่มีพ่อแม่อยู่ข้างๆ คือบุญใหญ่ที่สุดในชีวิต พอหมดบุญ… โลกของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังต้องไปต่อ คือการอยู่ให้ไหว โดยไม่มีพ่อแม่คอยประคอง พร้อมกับความภูมิใจของพวกเราทุกคนที่ดูแลพ่อให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย พวกเราส่งพ่อถึงปลายทางแล้วจริงๆค่ะ
พวกเราขอขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ส่งให้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
Ep.9 เรื่องจริงที่ลูกต้องเจอ… ระยะสุดท้ายสู่ปลายทาง