ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า คู่เงิน NZD/USD ยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากนักเทรดทั่วโลก เนื่องจากสภาพคล่องสูงและผลกระทบโดยตรงจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสองฝั่ง ได้แก่ Reserve Bank of New Zealand (RBNZ) และ Federal Reserve (Fed) การเคลื่อนไหวของคู่เงิน NZD/USD จึงสะท้อนความไม่แน่นอนและความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและทิศทางเศรษฐกิจโลก
ปัจจุบัน คู่เงิน NZD/USD เคลื่อนไหวราว 0.565 อยู่กลางช่วงราคาหนึ่งปีที่ 0.55–0.61 สถานะกลางช่วงนี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของตลาด นักลงทุนกำลังประเมินการผ่อนคลายทางการเงินของ RBNZ เทียบกับการลดดอกเบี้ยของ Fed หากธนาคารกลางทั้งสองฝ่ายผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง NZD อาจเผชิญแรงกดดันระยะสั้น แต่ระดับราคากลางช่วงยังเป็นแนวรับสำคัญสำหรับนักเทรด
1. มุมมองจาก RBNZ:
RBNZ ได้ตัดดอกเบี้ยนโยบาย (OCR) ลงเหลือ 2.5% ในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ การปรับลดนี้สะท้อนถึงความพยายามสร้าง soft-landing ให้เศรษฐกิจโดยไม่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูง การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เช่น เหลือ 2.25% คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปลายเดือนพฤศจิกายน 2025 ส่งผลให้ คู่เงิน NZD/USD เผชิญแรงกดดันจากผลตอบแทนที่ลดลงของ Kiwi แต่หาก RBNZ สัญญาณจบรอบการผ่อนคลายในไตรมาส 1 ปี 2026 นักลงทุนจะเริ่มมอง Kiwi เป็นโอกาสซื้อ ทำให้ NZDUSD ได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการสินค้าส่งออกและความเสี่ยงโลก
2. มุมมองจาก Fed:
Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 3.75–4.00% แต่ยังคงเหนือ Kiwi ประมาณ 1–1.5% การเคลื่อนไหวของ คู่เงิน NZD/USD ขึ้นอยู่กับว่าการลดดอกเบี้ยของ Fed จะเร็วกว่าหรือช้ากว่า RBNZ หาก Fed ลดดอกเบี้ยเร็วกว่า USD จะสูญเสียความได้เปรียบในการถือครองเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ คู่เงิน NZD/USD ปรับตัวขึ้น แต่หาก Fed หยุดชะลอการลดดอกเบี้ยและส่งสัญญาณเข้มงวด NZDUSD จะถูกจำกัดให้อยู่ต่ำกว่า 0.60
3. ปัจจัยสนับสนุนพื้นฐาน:
ภาคส่งออกของนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นม เป็นแรงสนับสนุนสำคัญสำหรับ คู่เงิน NZD/USD รายได้จากการส่งออกนมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 16% Y/Y การเติบโตนี้ช่วยสร้างแนวรับในระดับ 0.55 และลดความเสี่ยงที่ NZDUSD จะดิ่งต่ำอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ความเชื่อมโยงกับจีนยังคงเป็นปัจจัยหลัก หากการนำเข้าสินค้านมจากจีนฟื้นตัว จะช่วยสนับสนุน Kiwi ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวหรือเกิดคลื่นความเสี่ยงโลก (risk-off) NZDUSD จะเผชิญแรงกดดันสู่ช่วงล่าง
4. แนวรับแนวต้านสำคัญทางเทคนิค:
สำหรับ 6 เดือนข้างหน้า คู่เงิน NZD/USD อยู่ในกรอบ 0.55–0.61
-แนวรับหลัก: 0.55–0.5520 เป็นแนวรับสุดสำคัญ หากหลุดอาจเปิดทางสู่ 0.54–0.52
-Pivot Zone: 0.5650–0.57 เป็นแนวกลางตลาด ราคามักผันผวนบริเวณนี้
-แนวต้านระยะสั้น: 0.5760–0.58 เป็นระดับที่ควรจับตา การปิดเหนือบริเวณนี้รายสัปดาห์อาจสื่อถึงแรงซื้อระยะกลาง
-แนวต้านสำคัญ: 0.6050–0.61 เป็นระดับสูงสุดของช่วงหนึ่งปี หากทะลุขึ้นได้อาจมีแรงขับเคลื่อนต่อไป 0.62–0.64
5. กลยุทธ์เทรดสำหรับ 6 เดือน:
-Base Case: คาด NZDUSD เคลื่อนไหวแบบ sideway ระหว่าง 0.55–0.61 และมีแนวโน้มเล็กน้อยขึ้น ซื้อเมื่อราคาลงใกล้ 0.55–0.56 และขายใกล้ 0.60–0.61
-Bullish Extension: หาก Fed ลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดและ RBNZ จบรอบการลดดอกเบี้ย สัญญาณ bullish จะชัดเจน และ NZDUSD อาจทะลุ 0.61 และไป 0.62–0.64
-Bearish Risk: เหตุการณ์ risk-off รุนแรง เช่น หุ้นโลกปรับฐานแรง หรือเศรษฐกิจจีนชะลอตัวมาก NZDUSD อาจหลุด 0.55 และลงต่อ 0.54–0.52
6. การจัดการความเสี่ยง:
นักเทรดควรใช้ เลเวอเรจต่ำ และตั้ง stop-loss ชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เช่น FOMC, RBNZ OCR, และ CPI/ PCE ของสหรัฐ การแบ่ง position size และติดตามระดับ Daily/Weekly เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนรุนแรง
สรุปแล้ว
คู่เงิน NZD/USD ใน 6 เดือนข้างหน้าเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง แต่ต้องจับตาทั้งปัจจัยธนาคารกลาง การส่งออกของนิวซีแลนด์ และสถานการณ์เศรษฐกิจจีน นักลงทุนระยะกลางควรมองเป็นโอกาสซื้อขายตามกรอบราคา ขณะที่นักเก็งกำไรระยะสั้นสามารถใช้ swing trading บริเวณแนวรับ-แนวต้าน แต่ต้องมีวินัยด้านการจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
มุมองคู่เงิน NZD/USD ใน 6 เดือนข้างหน้า
ปัจจุบัน คู่เงิน NZD/USD เคลื่อนไหวราว 0.565 อยู่กลางช่วงราคาหนึ่งปีที่ 0.55–0.61 สถานะกลางช่วงนี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของตลาด นักลงทุนกำลังประเมินการผ่อนคลายทางการเงินของ RBNZ เทียบกับการลดดอกเบี้ยของ Fed หากธนาคารกลางทั้งสองฝ่ายผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง NZD อาจเผชิญแรงกดดันระยะสั้น แต่ระดับราคากลางช่วงยังเป็นแนวรับสำคัญสำหรับนักเทรด
1. มุมมองจาก RBNZ:
RBNZ ได้ตัดดอกเบี้ยนโยบาย (OCR) ลงเหลือ 2.5% ในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ การปรับลดนี้สะท้อนถึงความพยายามสร้าง soft-landing ให้เศรษฐกิจโดยไม่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูง การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เช่น เหลือ 2.25% คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปลายเดือนพฤศจิกายน 2025 ส่งผลให้ คู่เงิน NZD/USD เผชิญแรงกดดันจากผลตอบแทนที่ลดลงของ Kiwi แต่หาก RBNZ สัญญาณจบรอบการผ่อนคลายในไตรมาส 1 ปี 2026 นักลงทุนจะเริ่มมอง Kiwi เป็นโอกาสซื้อ ทำให้ NZDUSD ได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการสินค้าส่งออกและความเสี่ยงโลก
2. มุมมองจาก Fed:
Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 3.75–4.00% แต่ยังคงเหนือ Kiwi ประมาณ 1–1.5% การเคลื่อนไหวของ คู่เงิน NZD/USD ขึ้นอยู่กับว่าการลดดอกเบี้ยของ Fed จะเร็วกว่าหรือช้ากว่า RBNZ หาก Fed ลดดอกเบี้ยเร็วกว่า USD จะสูญเสียความได้เปรียบในการถือครองเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ คู่เงิน NZD/USD ปรับตัวขึ้น แต่หาก Fed หยุดชะลอการลดดอกเบี้ยและส่งสัญญาณเข้มงวด NZDUSD จะถูกจำกัดให้อยู่ต่ำกว่า 0.60
3. ปัจจัยสนับสนุนพื้นฐาน:
ภาคส่งออกของนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นม เป็นแรงสนับสนุนสำคัญสำหรับ คู่เงิน NZD/USD รายได้จากการส่งออกนมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 16% Y/Y การเติบโตนี้ช่วยสร้างแนวรับในระดับ 0.55 และลดความเสี่ยงที่ NZDUSD จะดิ่งต่ำอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ความเชื่อมโยงกับจีนยังคงเป็นปัจจัยหลัก หากการนำเข้าสินค้านมจากจีนฟื้นตัว จะช่วยสนับสนุน Kiwi ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวหรือเกิดคลื่นความเสี่ยงโลก (risk-off) NZDUSD จะเผชิญแรงกดดันสู่ช่วงล่าง
4. แนวรับแนวต้านสำคัญทางเทคนิค:
สำหรับ 6 เดือนข้างหน้า คู่เงิน NZD/USD อยู่ในกรอบ 0.55–0.61
-แนวรับหลัก: 0.55–0.5520 เป็นแนวรับสุดสำคัญ หากหลุดอาจเปิดทางสู่ 0.54–0.52
-Pivot Zone: 0.5650–0.57 เป็นแนวกลางตลาด ราคามักผันผวนบริเวณนี้
-แนวต้านระยะสั้น: 0.5760–0.58 เป็นระดับที่ควรจับตา การปิดเหนือบริเวณนี้รายสัปดาห์อาจสื่อถึงแรงซื้อระยะกลาง
-แนวต้านสำคัญ: 0.6050–0.61 เป็นระดับสูงสุดของช่วงหนึ่งปี หากทะลุขึ้นได้อาจมีแรงขับเคลื่อนต่อไป 0.62–0.64
5. กลยุทธ์เทรดสำหรับ 6 เดือน:
-Base Case: คาด NZDUSD เคลื่อนไหวแบบ sideway ระหว่าง 0.55–0.61 และมีแนวโน้มเล็กน้อยขึ้น ซื้อเมื่อราคาลงใกล้ 0.55–0.56 และขายใกล้ 0.60–0.61
-Bullish Extension: หาก Fed ลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดและ RBNZ จบรอบการลดดอกเบี้ย สัญญาณ bullish จะชัดเจน และ NZDUSD อาจทะลุ 0.61 และไป 0.62–0.64
-Bearish Risk: เหตุการณ์ risk-off รุนแรง เช่น หุ้นโลกปรับฐานแรง หรือเศรษฐกิจจีนชะลอตัวมาก NZDUSD อาจหลุด 0.55 และลงต่อ 0.54–0.52
6. การจัดการความเสี่ยง:
นักเทรดควรใช้ เลเวอเรจต่ำ และตั้ง stop-loss ชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เช่น FOMC, RBNZ OCR, และ CPI/ PCE ของสหรัฐ การแบ่ง position size และติดตามระดับ Daily/Weekly เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนรุนแรง
สรุปแล้ว คู่เงิน NZD/USD ใน 6 เดือนข้างหน้าเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง แต่ต้องจับตาทั้งปัจจัยธนาคารกลาง การส่งออกของนิวซีแลนด์ และสถานการณ์เศรษฐกิจจีน นักลงทุนระยะกลางควรมองเป็นโอกาสซื้อขายตามกรอบราคา ขณะที่นักเก็งกำไรระยะสั้นสามารถใช้ swing trading บริเวณแนวรับ-แนวต้าน แต่ต้องมีวินัยด้านการจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด