โลกป่วน! Cloudflare เครือข่ายล่ม บริการดิจิทัลหยุดชะงัก

KEY POINTS
เครือข่ายทั่วโลกของ Cloudflare ประสบปัญหาล่ม ส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาด 500 อย่างแพร่หลาย และทำให้ Dashboard กับ API ใช้งานไม่ได้

การล่มครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบริการดิจิทัลและเว็บไซต์จำนวนมากทั่วโลก โดยเฉพาะในหลายเมืองของทวีปยุโรป

Cloudflare รับทราบปัญหาและดำเนินการแก้ไข ซึ่งต่อมาบริการต่างๆ เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวกลับมาใช้งานได้ แต่ยังอาจพบข้อผิดพลาด

Cloudflare คืออะไร
Cloudflare คือหนึ่งในผู้ให้บริการระบบป้องกันความปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์รายใหญ่ที่สุดในโลก หรือที่รู้จักกันในฐานะ Web Application Firewall (WAF) ควบคู่กับบริการ Content Delivery Network (CDN) ที่ช่วยเร่งความเร็วการเข้าถึงเว็บไซต์จากทุกมุมโลก

หน้าที่หลักของ Cloudflare คือทำตัวเป็น “ตัวกลาง” ระหว่างผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกับเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง ช่วยกรองภัยคุกคาม เพิ่มความปลอดภัย และเร่งประสิทธิภาพการโหลดหน้าเว็บให้รวดเร็วขึ้น

ทำไมโลกถึงสั่นสะเทือนเมื่อ Cloudflare ล่ม?

ปัจจุบันเว็บไซต์และบริการออนไลน์จำนวนมากพึ่งพา Cloudflare ในการป้องกันการโจมตีและลดภาระของเซิร์ฟเวอร์ หากระบบ Cloudflare ขัดข้อง การรับส่งข้อมูลจะสะดุดทันที ส่งผลให้เว็บไซต์อาจโหลดช้า หรือเข้าใช้งานไม่ได้ในวงกว้าง ซึ่งจุดนี้เองทำให้เกิดปรากฏการณ์ “เว็บล่มเป็นโดมิโน” ทั่วโลกในครั้งนี้

Cloudflare CDN คืออะไร และสำคัญอย่างไร
CDN คือระบบที่ช่วยกระจายข้อมูล เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์ต่างๆ ไปเก็บไว้ตามศูนย์ข้อมูลทั่วโลก เมื่อผู้ใช้เปิดเว็บไซต์ ข้อมูลจะถูกส่งจากจุดที่ “ใกล้ที่สุด” ทำให้โหลดเร็ว ไม่ต้องวิ่งกลับไปที่เซิร์ฟเวอร์หลักทุกครั้ง ลดภาระ และลดโอกาสเว็บล่ม

ประโยชน์หลักของ Cloudflare
-ช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นจากทุกประเทศ

-ลดความเสี่ยงเว็บไซต์ล่มเมื่อมีผู้ใช้งานจำนวนมาก

-ประหยัดแบนด์วิดท์ของเซิร์ฟเวอร์

-ป้องกันการโจมตีทุกรูปแบบ ตั้งแต่ Layer 3, 4, 7 รวมถึง DDoS

-กันสแปมบอทและพฤติกรรมไม่พึงประสงค์

-เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลอย่างครบวงจร

-ได้รับความนิยมจากองค์กรทั่วโลก ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง

ใครคือผู้ใช้งานหลักของ Cloudflare
-ธุรกิจที่ดำเนินงานผ่านเว็บไซต์ เช่น E-commerce และบริการออนไลน์

-หน่วยงานภาครัฐที่ต้องให้บริการประชาชนอย่างปลอดภัย

-องค์กรที่ต้องการปกป้อง Web Application ทั้งในระบบ on-premise และบน cloud

เหตุการณ์ Cloudflare ล่มครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ปัญหาเฉพาะเว็บใดเว็บหนึ่ง แต่สะเทือนถึงโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลก ทำให้เราเห็นชัดว่าเบื้องหลังการเปิดหน้าเว็บเพียงไม่กี่วินาที มีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและสำคัญกำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/ict/news-1922752

เครือข่ายทั่วโลกของ Cloudflare ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายของเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในกว่า 330 เมืองในกว่า 120 ประเทศ ให้บริการด้านการส่งมอบเนื้อหา (content delivery) ความปลอดภัย และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

บริษัทมีขีดความสามารถ Edge Network ทั่วโลกที่ 449 Tbps และเชื่อมต่อ Cloudflare กับเครือข่ายกว่า 13,000 เครือข่าย รวมถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ทุกราย ผู้ให้บริการคลาวด์ และองค์กรธุรกิจทั่วโลก

บริษัทโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตรายนี้ได้รับทราบถึงปัญหาที่กำลังดำเนินอยู่เป็นครั้งแรกเมื่อกว่า 40 นาทีที่ผ่านมา โดยรายงานถึงปัญหาการใช้งานที่ส่งผลกระทบต่อพอร์ทัลสนับสนุน (support portal) ของตนเอง

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา เวลา 11:48 น. UTC หรือเวลาประมาณ 18:48 น. ตามเวลาประเทศไทย บริษัทได้เพิ่มรายงานเหตุการณ์ใหม่เตือนลูกค้าว่า Cloudflare Global Network กำลังประสบปัญหาเช่นกัน

"Cloudflare ทราบและกำลังตรวจสอบปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าหลายราย: ข้อผิดพลาด 500 อย่างแพร่หลาย, Cloudflare Dashboard และ API ใช้งานไม่ได้" บริษัทระบุ


"เรากำลังดำเนินการเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบทั้งหมดและบรรเทาปัญหานี้ จะมีข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติมตามมาในไม่ช้านี้"
แม้ว่า Cloudflare ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอบเขตของเหตุการณ์นี้ แต่จากการทดสอบของ BleepingComputer พบว่า Cloudflare Nodes ทั่วยุโรปกำลังใช้งานไม่ได้ ซึ่งรวมถึงเมืองต่างๆ เช่น บูคาเรสต์ ซูริก วอร์ซอ ออสโล อัมสเตอร์ดัม เบอร์ลิน แฟรงก์เฟิร์ต เวียนนา สตอกโฮล์ม และฮัมบูร์ก
Downdetector ซึ่งเป็นบริการตรวจสอบการหยุดชะงักของระบบ ได้รับรายงานหลายหมื่นรายการตั้งแต่เริ่มมีการหยุดชะงัก โดยผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ เว็บไซต์ และโฮสติ้ง
แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการหยุดชะงักที่กำลังดำเนินอยู่นี้ แต่ผู้ใช้ Downdetector อีกหลายแสนรายก็ได้รายงานปัญหาเมื่อพยายามใช้งานและเชื่อมต่อกับบริการออนไลน์ต่างๆ รวมถึง Spotify, Twitter, OpenAI, League of Legends, Valorant, AWS และ Google
บริษัทยังเคยบรรเทาเหตุการณ์ระบบล่มครั้งใหญ่ในเดือนมิถุนายนที่ทำให้เกิดปัญหาการเชื่อมต่อ Zero Trust WARP และการยืนยันตัวตน Access ล้มเหลวในหลายภูมิภาค และยังทำให้โครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud หยุดชะงักด้วย

ในเดือนตุลาคม Cloudflare ก็เคยแก้ไขปัญหาระบบล่มที่เกิดจากความล้มเหลวของ DNS ครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์คลาวด์ Amazon Web Services (AWS) ทำให้การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์หลายล้านแห่งหยุดชะงัก

อัปเดต 18 พฤศจิกายน 07:29 น. EST หรือ ประมาณ 19:29 น.(ตามเวลาประเทศไทย) : Cloudflare เริ่มแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวแล้ว  โดยบริษัทระบุว่า "เราเห็นบริการต่างๆ กลับมาทำงาน แต่ลูกค้าอาจยังคงสังเกตเห็นอัตราข้อผิดพลาดที่สูงกว่าปกติในขณะที่เราดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง"

ที่มา Bleepingcomputer
 


แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่