เหตุเกิดจากเราอยากบ่นยาวๆ แต่ก็ไม่รู้จะลงที่ไหนเลยมาบ่นในนี้ เนื่องจากเราเห็นข่าวเกี่ยวกับอิลฟูล TikTok ชื่อดังคนนี้อยู่บ่อยๆพอลองพิจารณาแล้วก็ได้หัวข้อที่อยากแชร์ความเห็นกับผู้อื่นในเรื่อง "น้ำหนักของคำว่าชื่อเสียง" ตามนี้
เราคิดว่าเขาคือหนึ่งในตัวอย่างของคนที่ดังเร็วมากๆ เรียกว่ามีชื่อเสียงในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 ปี(ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด) พูดง่ายๆก็คือก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงแค่นร.ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้วางแผนชีวิตจะมาทำงานในด้านอิลฟูล หรือวงการบรรเทิงด้วยซ้ำ(สังเกตุจากการที่เขาเลือกเขาคณะแพทย์) คิดว่าความตั้งใจแรกอาจจะเป็นการทำเล่นๆหรือทำเพื่อหารายได้เสริมเฉยๆ แต่กระแสตอบรับกลับดีเกินคาดมากๆจนได้รายได้ในระดับที่มีแนวโน้มจะเยอะกว่างานหลักในอนาคตด้วยซ้ำ ลองคิดดูว่าถ้าชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างคงที่ในระยะเวลากว่า 6 ปี(ตามความเข้าใจเรา) เขาน่าจะสร้างรายได้ในจำนวนที่ไม่น้อยกว่ารายได้ของสัตวแพทย์แน่ๆ(ซึ่งในความเห็นเรา เราคิดว่าน่าจะเกินไปเยอะเลยหล่ะ) พอมันมาถึงจุดนี้มันก็เลยการเป็นเหมือนรายได้อีกช่องทางนึงไปโดยบรรยาย แถมชื่อเสียงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลบกับได้ง่ายๆ หมายถึงแม้ในอนาคตเขาจะตัดสินใจทำงานหลักอย่างเดียวโดยทิ้งงานด้านนี้ไปเลยผู้คนบางกลุ่มจะยังจดจำเขาได้เสมอ และแน่นอนชื่อเสียงมาพร้อมกับน้ำหนักของมัน ชื่อเสียงที่มาเร็วเกินไปก็มาพร้อมกับน้ำหนักที่เราไม่เคยแบกรับมาก่อนอย่างกระทันหัน
จริงๆปัญหานี้มันเกิดกับคนดังเกือบทุกคนแหละ แต่เหตุผลที่เกิดกับเขาเป็นพิเศษเพราะ"ออร่าคนดัง"..... ช้าก่อนอย่าพึงบอกว่าเราเบียว(ถึงจะจริงแต่) ฟังเราอธิบายก่อน พั้น เป็นคนที่มีออร่าแบบที่คนส่วนใหญ่รู้ได้เลยว่าคนๆนี้แหละที่สามารถมีชื่อเสียงโด่งดังได้ พร้อมกับปัจจัยเสริมอื่นๆอย่างการที่เขาเป็นเหมือนตัวแทน ตัวอย่างที่ดีของเด็กรุ่นใหม่ การวางตัวที่เหมาะสม การพูดจาที่เหมาะสม การกระทำที่เหมาะสม การแสดงออกที่เหมาะสม ฟังแล้วอาจดูเหมือนคุณสมบัติทั่วๆไป แต่คนธรรมดาคนนึงการจะมีครบทุกอย่างได้แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย "เพราะคนธรรมดามีอิสระในแบบของคนธรรมดา" โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันการที่คนๆนึงจะโตมาแบบมีคุณสมบัติครบพร้อมทุกอย่างยิ่งมีความเป็นไปได้ต่ำเข้าไปอีก หากคนๆนั้นไม่ได้วางแผนชีวิตที่จะเป็นคนดังตั้งแต่แรก ทำให้คนคาดหวังกับเขาเหมือนกับที่คาดหวังกับคนดัง ทั้งๆที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้นแต่ในสายตาของคนที่มองเข้ามามันก็ปฎิเสธใจตัวเองยากจริงๆ เลยเกิดเป็นความคาดหวังแบบที่ไม่ควรมี ส่งผลต่อพฤติกรรมในแบบที่เขาไม่ควรเจอ
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การที่เขาเป็นคนหายากเนี่ยแหละ ในบรรดาอินฟูลอายุรุ่นราวคร่าวเดียวกันที่มีชื่อเสียงหรือแม้แต่กับเน็ตไอดอล(ตราบที่ไม่นับเหล่าผู้คนในวงการบรรเทิงหรือผู้ที่วางแผนชีวิตในสายนั้น) เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าเทียบกันกับคนอื่นๆเขาเป็นพวกที่ผู้บริหารจะมองว่า มีปัญหาน้อยที่สุดแล้ว เพราะคนอื่นๆถ้าไม่มีปัญหาก็จะมีสักยภาพไม่พอที่จะไดร์ฟผู้คน กลายเป็นสำหรับเขาแล้วนอกจากความคาดหวังที่มาแบบไม่มีสาเหตุก็ยังอยู่ในระดับที่สูงอย่างไม่มีสาเหตุด้วย เพราะตอนนี้"สังคม"ที่เขาไม่รู้จัก กำลังโยนสิ่งที่เขาไม่รู้สึกว่าต้องแบกรับมาให้ในแบบที่เขาไม่เข้าใจ
ในตอนนี้เขาก็คงรู้สึกถึง"น้ำหนักของคำว่าชื่อเสียง"แล้วไม่มากก็น้อย ชื่อเสียง ตามมาด้วยภาระหลายอย่างที่เราไม่ต้องการเพราะมันเองก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึงได้เหมือนกัน คนธรรมดากินน้ำมันก็แค่น้ำเปล่าขวดนึง แต่ถ้าคนดังกินน้ำมันจะกลายเป็นแบรนด์ แต่ในขณะเดียวกันมันก็แลกมากับการที่เราต้องระมัดระวังคำพูด การกระทำ ฯลฯ เพราะทุกการกระทำของเรามีราคาอยู่เสมอ จากคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตธรรมดาโดยไม่มีใครสนใจมาจับตามองอะไรมากมาย แต่ตอนนี้แม้แต่การกระทำเล็กน้อยก็ถูกจับตาจากคนนับล้าน และแน่นอนว่าเขาก็น่าจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าจากปกติเขาจะใช้จะถืออะไรก็ได้ กลายเป็นตอนนี้พอถืออะไรสักอย่างก็สามารถเพิ่มมูลค่าของมันได้ การจะจับถืออะไรกลับต้องมานั่งระวัง แม้มันอาจฟังดูไม่เท่าเทียมแต่สำหรับเรามันคือ"ราคา"ของการมีชื่อเสียง เราเชื่อว่าทุกอย่างมีราคาของมันเสมอคุณไม่สามารถได้ประโยชน์จากอะไรสักอย่างโดยไม่จ่ายอะไรเลย
อย่างที่เราบอกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดหวังเพราะเขาดูเป็นคนที่คาดหวังได้ อีกเหตุผลนึงที่เรานึกออกตอนเขียนหัวข้อนี้คือ การที่เขามีความเข้าใจพื้นฐานที่ดีเกี่ยวกับชื่อเสียง เขาไม่ได้เอาชื่อเสียงไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งนั้นก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้คนคาดหวังกับเขาเพราะมันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าคนๆนี้มีพรสวรรค์อยู่ และมันก็ทำให้การปรับตัวของเขาง่ายกว่าเดิมด้วย แม้ตอนนี้เขาจะทำพื้นฐานได้ดีแล้วแต่จากประเด็นต่างๆจะเห็นว่ามันก็ยังมีเรื่องที่เขาต้องปรับตัวอยู่
- การจัดการคนรอบตัว
- การคัดกรองคนที่เข้ามาแบบหวังผล
- การวางระยะห่างกับคนที่ทำให้เกิดเรื่อง
- ภูมิคุ้มกันต่อดราม่า
- การวิเคราะห์ผลกระทบต่อภาพลักษณ์
- ความอดทนต่อการถูกจับตามองทุกการกระทำ
- การตั้งขอบเขตส่วนตัว
เรื่องพวกนี้คือทักษะสำคัญที่เขายังต้องปรับตัวในเส้นทางนี้ สำหรับเรา เราคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือการเข้าใจถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เรื่องที่ไม่น่าเป็นประเด็นมันก็สามารถเป็นประเด็นขึ้นมาได้ง่ายๆ เรื่องที่เราคิดว่ามันปกติใครๆก็ทำได้อาจไม่เป็นแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้เพียงแต่รูปแบบการใช่ชีวิตของเขาอาจต้องเปลี่ยนแปลง อย่างประเด็นกลุ่มเพื่อน และเพื่อนผู้ชาย แม้แต่การเรื่องแฟน ซึ่งมันไม่น่าจะไปเกี่ยวกับคนอื่นได้ มันก็ไม่พ้นถูกจับตามองจากสังคมอยู่ดี แน่นอนว่าสำหรับคนทั่วไปเราสามารถพูดได้ว่า"ไม่มีใครสนใจการกระทำของเราขนาดนั้น"แต่สำหรับคนดังสัดส่วนที่ว่าจะเปลี่ยนไปกลายเป็น"ไม่ใช่ทุกคนจะสนใจการกระทำของเรา"แต่มันจะมีคนสนใจแน่ๆในปริมาณนึงเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าปัญหานี้ไม่สามารถโทษแค่ฝ่ายเดียวได้ แต่ที่เราเลือกพูดฝ่ายของเขาก่อนเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีคนพูดเยอะ ฝังแฟนๆก็ทีส่วนเหมือนกัน เรามาปรับความเข้าใจกันหน่อย สิ่งที่แฟนๆทำได้คือการคอยสนับสนุนเขาให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป และช่วยเขาให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ ส่วนเรื่องอื่นๆสามารถเป็นห่วงกันได้ แต่อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ถ้าเขาตัดสินใจอะไรไปแล้วแม้มันจะเป็นการตัดสินใจที่คุณรู้สึกว่าไม่ดี ตราบใดที่มันยังไม่ส่งผลเสียอะไรกับเขาคุณก็ทำได้แค่ยอมรับ และหากผลสุดท้ายมันจะไม่ดีจริงๆ คุณก็แค่ซัพเพอร์ตให้กำลังใจกัน แบบนั้นจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เขารู้สึกยังอยากทำสิ่งนี้อยู่ได้ไม่มากก็น้อยแน่ๆ ยังไงมันก็คงดีกว่าการไปควบคุมชีวิตเขาทั้งๆที่เราก็ไม่ได้มีสิทธิ์
ใครมีความเห็นยังไงกับเรื่องเหล่านี้ก็สามารถมาแชร์กันได้ ขอบคุณที่อ่านอย่างถี่ถ้วน
(ปล.เราคิดว่าปัญหาเรื่องคนมีชื่อเสียงคือปัญหาของสังคม อย่างน้อยก็ในสังคมกลุ่มนึงเลยติดแท็กนี้ไว้)
ประเด็นพั้นรักแมวและเพื่อน กับน้ำหนักของคำว่าชื่อเสียง
เราคิดว่าเขาคือหนึ่งในตัวอย่างของคนที่ดังเร็วมากๆ เรียกว่ามีชื่อเสียงในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 ปี(ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด) พูดง่ายๆก็คือก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงแค่นร.ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้วางแผนชีวิตจะมาทำงานในด้านอิลฟูล หรือวงการบรรเทิงด้วยซ้ำ(สังเกตุจากการที่เขาเลือกเขาคณะแพทย์) คิดว่าความตั้งใจแรกอาจจะเป็นการทำเล่นๆหรือทำเพื่อหารายได้เสริมเฉยๆ แต่กระแสตอบรับกลับดีเกินคาดมากๆจนได้รายได้ในระดับที่มีแนวโน้มจะเยอะกว่างานหลักในอนาคตด้วยซ้ำ ลองคิดดูว่าถ้าชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างคงที่ในระยะเวลากว่า 6 ปี(ตามความเข้าใจเรา) เขาน่าจะสร้างรายได้ในจำนวนที่ไม่น้อยกว่ารายได้ของสัตวแพทย์แน่ๆ(ซึ่งในความเห็นเรา เราคิดว่าน่าจะเกินไปเยอะเลยหล่ะ) พอมันมาถึงจุดนี้มันก็เลยการเป็นเหมือนรายได้อีกช่องทางนึงไปโดยบรรยาย แถมชื่อเสียงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลบกับได้ง่ายๆ หมายถึงแม้ในอนาคตเขาจะตัดสินใจทำงานหลักอย่างเดียวโดยทิ้งงานด้านนี้ไปเลยผู้คนบางกลุ่มจะยังจดจำเขาได้เสมอ และแน่นอนชื่อเสียงมาพร้อมกับน้ำหนักของมัน ชื่อเสียงที่มาเร็วเกินไปก็มาพร้อมกับน้ำหนักที่เราไม่เคยแบกรับมาก่อนอย่างกระทันหัน
จริงๆปัญหานี้มันเกิดกับคนดังเกือบทุกคนแหละ แต่เหตุผลที่เกิดกับเขาเป็นพิเศษเพราะ"ออร่าคนดัง"..... ช้าก่อนอย่าพึงบอกว่าเราเบียว(ถึงจะจริงแต่) ฟังเราอธิบายก่อน พั้น เป็นคนที่มีออร่าแบบที่คนส่วนใหญ่รู้ได้เลยว่าคนๆนี้แหละที่สามารถมีชื่อเสียงโด่งดังได้ พร้อมกับปัจจัยเสริมอื่นๆอย่างการที่เขาเป็นเหมือนตัวแทน ตัวอย่างที่ดีของเด็กรุ่นใหม่ การวางตัวที่เหมาะสม การพูดจาที่เหมาะสม การกระทำที่เหมาะสม การแสดงออกที่เหมาะสม ฟังแล้วอาจดูเหมือนคุณสมบัติทั่วๆไป แต่คนธรรมดาคนนึงการจะมีครบทุกอย่างได้แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย "เพราะคนธรรมดามีอิสระในแบบของคนธรรมดา" โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันการที่คนๆนึงจะโตมาแบบมีคุณสมบัติครบพร้อมทุกอย่างยิ่งมีความเป็นไปได้ต่ำเข้าไปอีก หากคนๆนั้นไม่ได้วางแผนชีวิตที่จะเป็นคนดังตั้งแต่แรก ทำให้คนคาดหวังกับเขาเหมือนกับที่คาดหวังกับคนดัง ทั้งๆที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้นแต่ในสายตาของคนที่มองเข้ามามันก็ปฎิเสธใจตัวเองยากจริงๆ เลยเกิดเป็นความคาดหวังแบบที่ไม่ควรมี ส่งผลต่อพฤติกรรมในแบบที่เขาไม่ควรเจอ
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การที่เขาเป็นคนหายากเนี่ยแหละ ในบรรดาอินฟูลอายุรุ่นราวคร่าวเดียวกันที่มีชื่อเสียงหรือแม้แต่กับเน็ตไอดอล(ตราบที่ไม่นับเหล่าผู้คนในวงการบรรเทิงหรือผู้ที่วางแผนชีวิตในสายนั้น) เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าเทียบกันกับคนอื่นๆเขาเป็นพวกที่ผู้บริหารจะมองว่า มีปัญหาน้อยที่สุดแล้ว เพราะคนอื่นๆถ้าไม่มีปัญหาก็จะมีสักยภาพไม่พอที่จะไดร์ฟผู้คน กลายเป็นสำหรับเขาแล้วนอกจากความคาดหวังที่มาแบบไม่มีสาเหตุก็ยังอยู่ในระดับที่สูงอย่างไม่มีสาเหตุด้วย เพราะตอนนี้"สังคม"ที่เขาไม่รู้จัก กำลังโยนสิ่งที่เขาไม่รู้สึกว่าต้องแบกรับมาให้ในแบบที่เขาไม่เข้าใจ
ในตอนนี้เขาก็คงรู้สึกถึง"น้ำหนักของคำว่าชื่อเสียง"แล้วไม่มากก็น้อย ชื่อเสียง ตามมาด้วยภาระหลายอย่างที่เราไม่ต้องการเพราะมันเองก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึงได้เหมือนกัน คนธรรมดากินน้ำมันก็แค่น้ำเปล่าขวดนึง แต่ถ้าคนดังกินน้ำมันจะกลายเป็นแบรนด์ แต่ในขณะเดียวกันมันก็แลกมากับการที่เราต้องระมัดระวังคำพูด การกระทำ ฯลฯ เพราะทุกการกระทำของเรามีราคาอยู่เสมอ จากคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตธรรมดาโดยไม่มีใครสนใจมาจับตามองอะไรมากมาย แต่ตอนนี้แม้แต่การกระทำเล็กน้อยก็ถูกจับตาจากคนนับล้าน และแน่นอนว่าเขาก็น่าจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าจากปกติเขาจะใช้จะถืออะไรก็ได้ กลายเป็นตอนนี้พอถืออะไรสักอย่างก็สามารถเพิ่มมูลค่าของมันได้ การจะจับถืออะไรกลับต้องมานั่งระวัง แม้มันอาจฟังดูไม่เท่าเทียมแต่สำหรับเรามันคือ"ราคา"ของการมีชื่อเสียง เราเชื่อว่าทุกอย่างมีราคาของมันเสมอคุณไม่สามารถได้ประโยชน์จากอะไรสักอย่างโดยไม่จ่ายอะไรเลย
อย่างที่เราบอกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดหวังเพราะเขาดูเป็นคนที่คาดหวังได้ อีกเหตุผลนึงที่เรานึกออกตอนเขียนหัวข้อนี้คือ การที่เขามีความเข้าใจพื้นฐานที่ดีเกี่ยวกับชื่อเสียง เขาไม่ได้เอาชื่อเสียงไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งนั้นก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้คนคาดหวังกับเขาเพราะมันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าคนๆนี้มีพรสวรรค์อยู่ และมันก็ทำให้การปรับตัวของเขาง่ายกว่าเดิมด้วย แม้ตอนนี้เขาจะทำพื้นฐานได้ดีแล้วแต่จากประเด็นต่างๆจะเห็นว่ามันก็ยังมีเรื่องที่เขาต้องปรับตัวอยู่
- การจัดการคนรอบตัว
- การคัดกรองคนที่เข้ามาแบบหวังผล
- การวางระยะห่างกับคนที่ทำให้เกิดเรื่อง
- ภูมิคุ้มกันต่อดราม่า
- การวิเคราะห์ผลกระทบต่อภาพลักษณ์
- ความอดทนต่อการถูกจับตามองทุกการกระทำ
- การตั้งขอบเขตส่วนตัว
เรื่องพวกนี้คือทักษะสำคัญที่เขายังต้องปรับตัวในเส้นทางนี้ สำหรับเรา เราคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือการเข้าใจถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เรื่องที่ไม่น่าเป็นประเด็นมันก็สามารถเป็นประเด็นขึ้นมาได้ง่ายๆ เรื่องที่เราคิดว่ามันปกติใครๆก็ทำได้อาจไม่เป็นแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้เพียงแต่รูปแบบการใช่ชีวิตของเขาอาจต้องเปลี่ยนแปลง อย่างประเด็นกลุ่มเพื่อน และเพื่อนผู้ชาย แม้แต่การเรื่องแฟน ซึ่งมันไม่น่าจะไปเกี่ยวกับคนอื่นได้ มันก็ไม่พ้นถูกจับตามองจากสังคมอยู่ดี แน่นอนว่าสำหรับคนทั่วไปเราสามารถพูดได้ว่า"ไม่มีใครสนใจการกระทำของเราขนาดนั้น"แต่สำหรับคนดังสัดส่วนที่ว่าจะเปลี่ยนไปกลายเป็น"ไม่ใช่ทุกคนจะสนใจการกระทำของเรา"แต่มันจะมีคนสนใจแน่ๆในปริมาณนึงเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าปัญหานี้ไม่สามารถโทษแค่ฝ่ายเดียวได้ แต่ที่เราเลือกพูดฝ่ายของเขาก่อนเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีคนพูดเยอะ ฝังแฟนๆก็ทีส่วนเหมือนกัน เรามาปรับความเข้าใจกันหน่อย สิ่งที่แฟนๆทำได้คือการคอยสนับสนุนเขาให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป และช่วยเขาให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ ส่วนเรื่องอื่นๆสามารถเป็นห่วงกันได้ แต่อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ถ้าเขาตัดสินใจอะไรไปแล้วแม้มันจะเป็นการตัดสินใจที่คุณรู้สึกว่าไม่ดี ตราบใดที่มันยังไม่ส่งผลเสียอะไรกับเขาคุณก็ทำได้แค่ยอมรับ และหากผลสุดท้ายมันจะไม่ดีจริงๆ คุณก็แค่ซัพเพอร์ตให้กำลังใจกัน แบบนั้นจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เขารู้สึกยังอยากทำสิ่งนี้อยู่ได้ไม่มากก็น้อยแน่ๆ ยังไงมันก็คงดีกว่าการไปควบคุมชีวิตเขาทั้งๆที่เราก็ไม่ได้มีสิทธิ์
ใครมีความเห็นยังไงกับเรื่องเหล่านี้ก็สามารถมาแชร์กันได้ ขอบคุณที่อ่านอย่างถี่ถ้วน
(ปล.เราคิดว่าปัญหาเรื่องคนมีชื่อเสียงคือปัญหาของสังคม อย่างน้อยก็ในสังคมกลุ่มนึงเลยติดแท็กนี้ไว้)