สารคดีประวัติศาสตร์ A-12 Avenger 5 พันล้านดอลลาร์ที่ไม่ได้โบยบิน

โครงการ A-12 Avenger II ซึ่งเป็นอากาศยานโจมตีล่องหน (Stealth) สำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ถูกยกเลิกไปหลังใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ โดยไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจนสำเร็จเลยแม้แต่ลำเดียว
🎯 ความทะเยอทะยานและจุดกำเนิด
ความจำเป็นทางยุทธศาสตร์: โครงการ A-12 เกิดขึ้นในช่วงปลายสงครามเย็นเพื่อทดแทนเครื่องบินโจมตี A-6 Intruder ที่เริ่มล้าสมัย โดยมีเป้าหมายคือการสร้างเครื่องบินล่องหนที่สามารถเจาะทะลวงเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศของสหภาพโซเวียตที่หนาแน่นได้
แรงขับจากความริษยา: ความต้องการเทคโนโลยี "สเตลธ์" ของกองทัพเรือมาจากการแข่งขันกับกองทัพอากาศที่กำลังพัฒนา F-117 และ B-2 เพื่อรักษาบทบาทและงบประมาณของตน
📉 ปัญหาทางเทคนิคและการออกแบบ
ปัญหาการออกแบบปีกบิน ("โดริโทสบินได้"): รูปทรงปีกบินที่เป็นเลิศด้านการล่องหนกลับสร้างปัญหาใหญ่ในการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีพื้นที่จำกัด และทำให้เกิดปัญหาในการซ่อมบำรุงในสภาพแวดล้อมทางทะเลที่กัดกร่อน
น้ำหนักเกินและความไม่แข็งแกร่ง: ทีมออกแบบไม่สามารถสร้างโครงสร้างให้แข็งแกร่งพอที่จะทนต่อแรงกระแทกจากการลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินได้ โดยน้ำหนักของเครื่องบินพุ่งสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
ข้อบกพร่องในการล่องหน: มีการจำลองว่า A-12 อาจไม่ได้ "ล่องหน" อย่างที่คาดหวังไว้ แต่กลับสะท้อนคลื่นเรดาร์มากเกินไป (ถูกเรียกว่า "Bright Star") เนื่องจากการออกแบบขอบท้ายที่ผิดพลาด
💰 ความผิดพลาดทางการเงินและการบริหารจัดการ
สัญญาราคาคงที่ที่ผิดพลาด: กองทัพเรือมอบสัญญามูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ในรูปแบบ "สัญญาราคาคงที่" (Fixed-Price Contract) สำหรับโครงการ R&D ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลทางเศรษฐศาสตร์และทำให้ต้นทุนบานปลาย
การแข่งขันจอมปลอม: กระบวนการแข่งขันเพื่อชิงสัญญาเป็นเพียงการจัดฉาก เพื่อหลอกผู้รับเหมาให้เชื่อว่ามีการแข่งขันจริง
🛡️ กำแพงแห่งความลับและการยกเลิก
การแบ่งแยกข้อมูลและการหักหลัง: โครงการถูกจัดชั้นความลับสูงมากจนเกิดการแบ่งแยกข้อมูล (Compartmentalization) ทำให้วิศวกรไม่สามารถสื่อสารกันได้ นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลเทคโนโลยีสเตลธ์ให้กับทีม A-12
คำเตือนที่ไม่ได้รับการใส่ใจ: รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม Dick Cheney ได้รับคำเตือนหลายครั้งเกี่ยวกับต้นทุนที่บานปลายและความล่าช้า แต่ยังคงให้การต่อสภาว่าโครงการได้รับการจัดการเป็นอย่างดี
การยกเลิกอย่างเด็ดขาด: ในเดือนมกราคม 1991 Dick Cheney ตัดสินใจยกเลิกสัญญาในรูปแบบ "เหตุผิดสัญญา" (Termination for Default) เพื่อโยกย้ายงบประมาณไปใช้ในปฏิบัติการพายุทะเลทราย ทำให้บริษัทผู้รับจ้างไม่ได้รับค่าชดเชยใด ๆ
⚖️ ผลพวงและมรดก
สงครามกฎหมาย 20 ปี: การยกเลิกสัญญาที่เร่งรีบและมีข้อผิดพลาดได้จุดชนวนสงครามทางกฎหมายที่ยาวนานกว่าสองทศวรรษระหว่างรัฐบาลกับบริษัทผู้รับจ้าง โดยมีการอ้าง "กฎหมายความลับแห่งรัฐ" ในการสู้คดี
ทางเลือกที่ตามมา: หลังยกเลิก A-12 กองทัพเรือต้องหันไปพัฒนา F/A-18E/F Super Hornet มาใช้แทน แม้จะเคยประเมินว่าเครื่องบินนี้ไม่สามารถทำภารกิจของ A-12 ได้
บทเรียน: โครงการ A-12 เป็นบทเรียนราคาแพงที่ชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการแข่งขันระหว่างเหล่าทัพ การใช้สัญญาราคาคงที่กับโครงการ R&D และวงจรของ "Military-Industrial Complex" ที่ผลักดันโครงการที่ซับซ้อนเกินจำเป็น
บทสรุปของบทความคือ A-12 Avenger II เป็น "เรื่องเล่าเตือนใจ" (Cautionary Tale) ที่สมบูรณ์แบบที่สุดเกี่ยวกับความทะเยอทะยานทางเทคโนโลยีที่สวนทางกับความเป็นจริงทางการบริหารจัดการและความผิดพลาดของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
สารคดีประวัติศาสตร์ A-12 Avenger 5 พันล้านดอลลาร์ที่ไม่ได้โบยบิน
โครงการ A-12 Avenger II ซึ่งเป็นอากาศยานโจมตีล่องหน (Stealth) สำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ถูกยกเลิกไปหลังใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ โดยไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจนสำเร็จเลยแม้แต่ลำเดียว
🎯 ความทะเยอทะยานและจุดกำเนิด
ความจำเป็นทางยุทธศาสตร์: โครงการ A-12 เกิดขึ้นในช่วงปลายสงครามเย็นเพื่อทดแทนเครื่องบินโจมตี A-6 Intruder ที่เริ่มล้าสมัย โดยมีเป้าหมายคือการสร้างเครื่องบินล่องหนที่สามารถเจาะทะลวงเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศของสหภาพโซเวียตที่หนาแน่นได้
แรงขับจากความริษยา: ความต้องการเทคโนโลยี "สเตลธ์" ของกองทัพเรือมาจากการแข่งขันกับกองทัพอากาศที่กำลังพัฒนา F-117 และ B-2 เพื่อรักษาบทบาทและงบประมาณของตน
📉 ปัญหาทางเทคนิคและการออกแบบ
ปัญหาการออกแบบปีกบิน ("โดริโทสบินได้"): รูปทรงปีกบินที่เป็นเลิศด้านการล่องหนกลับสร้างปัญหาใหญ่ในการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีพื้นที่จำกัด และทำให้เกิดปัญหาในการซ่อมบำรุงในสภาพแวดล้อมทางทะเลที่กัดกร่อน
น้ำหนักเกินและความไม่แข็งแกร่ง: ทีมออกแบบไม่สามารถสร้างโครงสร้างให้แข็งแกร่งพอที่จะทนต่อแรงกระแทกจากการลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินได้ โดยน้ำหนักของเครื่องบินพุ่งสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
ข้อบกพร่องในการล่องหน: มีการจำลองว่า A-12 อาจไม่ได้ "ล่องหน" อย่างที่คาดหวังไว้ แต่กลับสะท้อนคลื่นเรดาร์มากเกินไป (ถูกเรียกว่า "Bright Star") เนื่องจากการออกแบบขอบท้ายที่ผิดพลาด
💰 ความผิดพลาดทางการเงินและการบริหารจัดการ
สัญญาราคาคงที่ที่ผิดพลาด: กองทัพเรือมอบสัญญามูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ในรูปแบบ "สัญญาราคาคงที่" (Fixed-Price Contract) สำหรับโครงการ R&D ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลทางเศรษฐศาสตร์และทำให้ต้นทุนบานปลาย
การแข่งขันจอมปลอม: กระบวนการแข่งขันเพื่อชิงสัญญาเป็นเพียงการจัดฉาก เพื่อหลอกผู้รับเหมาให้เชื่อว่ามีการแข่งขันจริง
🛡️ กำแพงแห่งความลับและการยกเลิก
การแบ่งแยกข้อมูลและการหักหลัง: โครงการถูกจัดชั้นความลับสูงมากจนเกิดการแบ่งแยกข้อมูล (Compartmentalization) ทำให้วิศวกรไม่สามารถสื่อสารกันได้ นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลเทคโนโลยีสเตลธ์ให้กับทีม A-12
คำเตือนที่ไม่ได้รับการใส่ใจ: รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม Dick Cheney ได้รับคำเตือนหลายครั้งเกี่ยวกับต้นทุนที่บานปลายและความล่าช้า แต่ยังคงให้การต่อสภาว่าโครงการได้รับการจัดการเป็นอย่างดี
การยกเลิกอย่างเด็ดขาด: ในเดือนมกราคม 1991 Dick Cheney ตัดสินใจยกเลิกสัญญาในรูปแบบ "เหตุผิดสัญญา" (Termination for Default) เพื่อโยกย้ายงบประมาณไปใช้ในปฏิบัติการพายุทะเลทราย ทำให้บริษัทผู้รับจ้างไม่ได้รับค่าชดเชยใด ๆ
⚖️ ผลพวงและมรดก
สงครามกฎหมาย 20 ปี: การยกเลิกสัญญาที่เร่งรีบและมีข้อผิดพลาดได้จุดชนวนสงครามทางกฎหมายที่ยาวนานกว่าสองทศวรรษระหว่างรัฐบาลกับบริษัทผู้รับจ้าง โดยมีการอ้าง "กฎหมายความลับแห่งรัฐ" ในการสู้คดี
ทางเลือกที่ตามมา: หลังยกเลิก A-12 กองทัพเรือต้องหันไปพัฒนา F/A-18E/F Super Hornet มาใช้แทน แม้จะเคยประเมินว่าเครื่องบินนี้ไม่สามารถทำภารกิจของ A-12 ได้
บทเรียน: โครงการ A-12 เป็นบทเรียนราคาแพงที่ชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการแข่งขันระหว่างเหล่าทัพ การใช้สัญญาราคาคงที่กับโครงการ R&D และวงจรของ "Military-Industrial Complex" ที่ผลักดันโครงการที่ซับซ้อนเกินจำเป็น
บทสรุปของบทความคือ A-12 Avenger II เป็น "เรื่องเล่าเตือนใจ" (Cautionary Tale) ที่สมบูรณ์แบบที่สุดเกี่ยวกับความทะเยอทะยานทางเทคโนโลยีที่สวนทางกับความเป็นจริงทางการบริหารจัดการและความผิดพลาดของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง