เมื่อเวลา 16.40 น.วันที่ 16 พ.ย.68 ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต นำกำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เข้าตรวจสอบโกดังต้องสงสัย ว่าอาจมีสิ่งผิดกฎหมาย ในพื้นที่ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต
หลังสืบทราบว่าผู้ต้องสงสัย มาเช่าอาคารดังกล่าว ไว้เพื่อทำเป็นโกดังส่งสินค้าที่ไม่ถูกต้อง โดยที่ลูกค้าไม่ได้สมัครใจในการสั่งซื้อ และยังพบว่าผู้ต้องสงสัยมีเงินหมุนเวียนในแต่ละวันเกือบแสนบาท
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 5 เมตร ลึกราว 20 เมตร 1 คูหา ด้านหน้าเป็นกระจกใส เมื่อมองไปด้านในจะเห็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาดต่างๆ วางกองอยู่เป็นจำนวนมาก
ด้านนอกห้องเช่ายังมีถุงกระสอบขนาดใหญ่ ภายในมีกล่องกระดาษบรรจุอยู่วางเรียงรายเป็นจำนวนมาก
โดยมีผู้ต้องสงสัยที่เป็นหญิงสาว และคนงานจำนวนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาแพ็กสิ่งของใส่กล่องกระดาษอยู่
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเพื่อขอเข้าตรวจค้น ทำให้หญิงสาวผู้ต้องสงสัย ซึ่งมีรูปพรรณตรงตามที่สายแจ้งเบาะแสมายังชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ถึงกับตกใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้
ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ น.ส.ขนภา หรือ มุข เม่งซ่าน อายุ 31 ปี ชาวบ้าน จ.ตรัง ชุดสืบสวนจึงควบคุมตัวนำชี้ของกลางภายในห้องเช่าดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ในลังและกล่องกระดาษขนาดต่างๆ พบเป็นสินค้าหลากหลายชนิด เช่น สบู่ ครีมทาตัว ยาสระผม ครีมบำรุงผิว เป็นต้น นับหมื่นชิ้น
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ขนภา หรือ มุข เม่งซ่าน อดีตเป็นแม่ค้าออนไลน์ ขายสินค้าทั่วไปผ่านโซเชียลมีเดีย จากนั้นได้ผันตัวมาซื้อสินค้าจากกรุงเทพฯ มาบรรจุลงกล่องที่ จ.ภูเก็ต ส่งไปตามบ้านเรือนของประชาชนทั่วประเทศ
โดยมีการเก็บเงินปลายทางทั้งสิ้น ทั้งๆที่ประชาชนตามชื่อที่ติดสติ๊กเกอร์อยู่หน้ากล่อง ไม่ได้มีการสั่งซื้อจริง
โดยได้ซื้อรายชื่อลูกค้ามาจากบริษัทขนส่งเอกชน รายชื่อละ 1 บาท
จากนั้นได้ปริ้นต์ชื่อลูกค้าแล้วติดหน้ากล่องกระดาษ ที่ภายในมีสินค้าชนิดต่างๆ โดยผ่านบริษัทขนส่งเอกชนอีกทอด เพื่อนำส่งไปยังบ้านเรือนประชาชนทั่วประเทศ
ซึ่งเมื่อถึงหน้าบ้านลูกค้า บางรายรับสินค้าและจ่ายเงิน
บางรายไม่รับสินค้า เนื่องจากไม่ได้สั่ง สินค้าก็จะตีกลับมายังบริษัทขนส่งเอกชนรายดังกล่าว จากนั้นขนส่งจะนำกลับมาส่งที่โกดังที่ผู้ต้องหาเช่าไว้ และก็จะนำสินค้าในกล่องกลับมาแพ็กใหม่ จ่าหน้าซองใหม่ รายชื่อใหม่ เพื่อจัดส่งไปอีก
ทำเช่นนี้จนมีรายได้ต่อวันเกือบแสนบาท ซึ่งทำมาตั้งแต่เดือน ส.ค.67 จนถึงปัจจุบัน

แจ้งข้อหาเบื้องต้น
📍ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง มีความผิดตามมาตรา 32(1) โทษตามมาตรา 78 วรรค 1
- ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
📍ขายเครื่องสำอางที่ฉลากไม่แสดงข้อความภาษาไทย มีความผิดตามมาตรา 22 วรรค 2(2) และ มาตรา 32(4) โทษตามมาตรา 68 วรรค 2
- จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ซึ่งถ้าพบความผิดจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกครั้ง
ทั้งนี้แบ่งของกลางเป็น
1.) สินค้าผิดกฎหมายจำนวน 7,492 ชิ้น
2.) อุปกรณ์พัสดุจำนวน 5,223 ชิ้น
3.) พัสดุที่แพ็กแล้วจำนวน 3,890 ชิ้น
4.) พัสดุพร้อมส่งจำนวน 1,099 ชิ้น
5.) พัสดุตีกลับจำนวน 3,125 ชิ้น
รวมทั้งสิ้นจำนวน 20,829 ชิ้น
และเมื่อมีการจัดส่งสินค้าทั้งหมดโดยมีการเก็บเงินปลายทางไปยังบ้านลูกค้า ประมาณการเฉลี่ยกล่องละ 150 บาท จะเป็นเงินกว่า 3.1 ล้านบาท ซึ่งสินค้าที่แพ็กลงกล่องส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอางนำเข้ามาจากต่างประเทศราคาถูก
ที่มา : ไทยรัฐ
ทลายโกดังพัสดุเก็บปลายทางมิจฉาชีพ ซื้อรายชื่อลูกค้า มาจากบริษัทขนส่งเอกชน
เมื่อเวลา 16.40 น.วันที่ 16 พ.ย.68 ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต นำกำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เข้าตรวจสอบโกดังต้องสงสัย ว่าอาจมีสิ่งผิดกฎหมาย ในพื้นที่ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต
หลังสืบทราบว่าผู้ต้องสงสัย มาเช่าอาคารดังกล่าว ไว้เพื่อทำเป็นโกดังส่งสินค้าที่ไม่ถูกต้อง โดยที่ลูกค้าไม่ได้สมัครใจในการสั่งซื้อ และยังพบว่าผู้ต้องสงสัยมีเงินหมุนเวียนในแต่ละวันเกือบแสนบาท ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 5 เมตร ลึกราว 20 เมตร 1 คูหา ด้านหน้าเป็นกระจกใส เมื่อมองไปด้านในจะเห็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาดต่างๆ วางกองอยู่เป็นจำนวนมาก
ด้านนอกห้องเช่ายังมีถุงกระสอบขนาดใหญ่ ภายในมีกล่องกระดาษบรรจุอยู่วางเรียงรายเป็นจำนวนมาก
โดยมีผู้ต้องสงสัยที่เป็นหญิงสาว และคนงานจำนวนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาแพ็กสิ่งของใส่กล่องกระดาษอยู่
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเพื่อขอเข้าตรวจค้น ทำให้หญิงสาวผู้ต้องสงสัย ซึ่งมีรูปพรรณตรงตามที่สายแจ้งเบาะแสมายังชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ถึงกับตกใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้
ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ น.ส.ขนภา หรือ มุข เม่งซ่าน อายุ 31 ปี ชาวบ้าน จ.ตรัง ชุดสืบสวนจึงควบคุมตัวนำชี้ของกลางภายในห้องเช่าดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ในลังและกล่องกระดาษขนาดต่างๆ พบเป็นสินค้าหลากหลายชนิด เช่น สบู่ ครีมทาตัว ยาสระผม ครีมบำรุงผิว เป็นต้น นับหมื่นชิ้น
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ขนภา หรือ มุข เม่งซ่าน อดีตเป็นแม่ค้าออนไลน์ ขายสินค้าทั่วไปผ่านโซเชียลมีเดีย จากนั้นได้ผันตัวมาซื้อสินค้าจากกรุงเทพฯ มาบรรจุลงกล่องที่ จ.ภูเก็ต ส่งไปตามบ้านเรือนของประชาชนทั่วประเทศ
โดยมีการเก็บเงินปลายทางทั้งสิ้น ทั้งๆที่ประชาชนตามชื่อที่ติดสติ๊กเกอร์อยู่หน้ากล่อง ไม่ได้มีการสั่งซื้อจริง
โดยได้ซื้อรายชื่อลูกค้ามาจากบริษัทขนส่งเอกชน รายชื่อละ 1 บาท
จากนั้นได้ปริ้นต์ชื่อลูกค้าแล้วติดหน้ากล่องกระดาษ ที่ภายในมีสินค้าชนิดต่างๆ โดยผ่านบริษัทขนส่งเอกชนอีกทอด เพื่อนำส่งไปยังบ้านเรือนประชาชนทั่วประเทศ
ซึ่งเมื่อถึงหน้าบ้านลูกค้า บางรายรับสินค้าและจ่ายเงิน
บางรายไม่รับสินค้า เนื่องจากไม่ได้สั่ง สินค้าก็จะตีกลับมายังบริษัทขนส่งเอกชนรายดังกล่าว จากนั้นขนส่งจะนำกลับมาส่งที่โกดังที่ผู้ต้องหาเช่าไว้ และก็จะนำสินค้าในกล่องกลับมาแพ็กใหม่ จ่าหน้าซองใหม่ รายชื่อใหม่ เพื่อจัดส่งไปอีก
ทำเช่นนี้จนมีรายได้ต่อวันเกือบแสนบาท ซึ่งทำมาตั้งแต่เดือน ส.ค.67 จนถึงปัจจุบัน
📍ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง มีความผิดตามมาตรา 32(1) โทษตามมาตรา 78 วรรค 1
- ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
📍ขายเครื่องสำอางที่ฉลากไม่แสดงข้อความภาษาไทย มีความผิดตามมาตรา 22 วรรค 2(2) และ มาตรา 32(4) โทษตามมาตรา 68 วรรค 2
- จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ซึ่งถ้าพบความผิดจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกครั้ง ทั้งนี้แบ่งของกลางเป็น
1.) สินค้าผิดกฎหมายจำนวน 7,492 ชิ้น
2.) อุปกรณ์พัสดุจำนวน 5,223 ชิ้น
3.) พัสดุที่แพ็กแล้วจำนวน 3,890 ชิ้น
4.) พัสดุพร้อมส่งจำนวน 1,099 ชิ้น
5.) พัสดุตีกลับจำนวน 3,125 ชิ้น
รวมทั้งสิ้นจำนวน 20,829 ชิ้น และเมื่อมีการจัดส่งสินค้าทั้งหมดโดยมีการเก็บเงินปลายทางไปยังบ้านลูกค้า ประมาณการเฉลี่ยกล่องละ 150 บาท จะเป็นเงินกว่า 3.1 ล้านบาท ซึ่งสินค้าที่แพ็กลงกล่องส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอางนำเข้ามาจากต่างประเทศราคาถูก
ที่มา : ไทยรัฐ