แม้…อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะห่างหายจากถนนการเมืองกว่า 10 ปี
แต่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็ยังคงผูกพันอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์
พรรคที่เขารับผิดชอบในฐานะหัวหน้าพรรคนานถึง 14 ปี
ผ่านทั้งวันที่พรรคเข้มแข็ง และวันที่พรรคเผชิญภาวะตกต่ำรอบด้าน
แต่…หลังวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ฟ้าใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง
เมื่อพรรคมีมติเลือก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค
พร้อมสมาชิกพรรคอีกหลายรุ่นที่รวมพลังกัน “กอบกู้ศรัทธา”
ของพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ
ภายใต้ผู้นำที่ถือว่าเป็น “เลือดแท้ประชาธิปัตย์” อย่างแท้จริง
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก้าวสู่สภาฯ ครั้งแรกในฐานะ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์
เมื่ออายุเพียง 27 ปี และยังเคยเป็น “ส.ส.หนึ่งเดียวของกรุงเทพฯ”
ในวันที่คะแนนนิยมของพรรคย่ำแย่ที่สุด
แต่เขาก็ไม่เคยย้ายพรรค ไม่เคยทิ้งอุดมการณ์
นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ที่เดินผ่านทั้งแพ้–ชนะ ฝ่ายค้าน–รัฐบาล
นี่คือเส้นทางของนักการเมืองที่ยืนหยัดในระบบรัฐสภา
ลิ้มรสทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ ทั้งบทบาทฝ่ายค้านและรัฐบาล
แต่ไม่เคยละทิ้งความสุภาพ อ่อนโยน และแน่วแน่ของตัวเอง
เมื่อพ่ายแพ้เลือกตั้ง เขาก็ยอมรับและทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสง่างาม
แตกต่างจากบางพรรคที่เลือกลงถนน จนนำไปสู่ความวุ่นวาย ความรุนแรง
และสร้างความเสียหายให้ประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและภาพลักษณ์
ย้อนกลับไปในวันที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
เขาคือเป้าหมายการโจมตีจากกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ชนิดที่ “เล่นถึงตัว” และเกิดแรงกดดันเกือบทุกวันตลอดกว่า 2 ปีในตำแหน่ง
ปีแรก…รัฐบาลต้องเผชิญพิษเศรษฐกิจโลก วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
ซ้ำร้ายยังถูกม็อบบุกล้มประชุมอาเซียนที่พัทยา
แต่…ท่ามกลางวิกฤติ อภิสิทธิ์ยังคงยิ้มแย้ม อ่อนโยน สุขุม ไม่หวั่นไหว
และค่อย ๆ แก้ปัญหาทีละเปลาะ
หนึ่งปีต่อมา เศรษฐกิจ–ท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว
แต่รัฐบาลกลับต้องเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
จากการชุมนุมใหญ่ ปิดกั้นกรุงเทพฯ จนลุกลามเป็นเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง
แล้วต่อด้วยมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของชาติ
แต่ไม่ว่าวิกฤติจะหนักเพียงใด
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังคงทำงานด้วยสติ ความสงบนิ่ง และความรับผิดชอบ
ไม่สติแตก ไม่โทษคนอื่น
และเป็นนักการเมืองที่พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา
ห่านป่า...เพียงหวัง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มาช่วยเปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา
นำพาประเทศไทย สดใสกว่าเดิมคับ
๛...หวัง…"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา นำพาประเทศไทย สดใสกว่าเดิม -'๏'-
แม้…อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะห่างหายจากถนนการเมืองกว่า 10 ปี
แต่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็ยังคงผูกพันอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์
พรรคที่เขารับผิดชอบในฐานะหัวหน้าพรรคนานถึง 14 ปี
ผ่านทั้งวันที่พรรคเข้มแข็ง และวันที่พรรคเผชิญภาวะตกต่ำรอบด้าน
แต่…หลังวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ฟ้าใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง
เมื่อพรรคมีมติเลือก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค
พร้อมสมาชิกพรรคอีกหลายรุ่นที่รวมพลังกัน “กอบกู้ศรัทธา”
ของพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ
ภายใต้ผู้นำที่ถือว่าเป็น “เลือดแท้ประชาธิปัตย์” อย่างแท้จริง
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก้าวสู่สภาฯ ครั้งแรกในฐานะ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์
เมื่ออายุเพียง 27 ปี และยังเคยเป็น “ส.ส.หนึ่งเดียวของกรุงเทพฯ”
ในวันที่คะแนนนิยมของพรรคย่ำแย่ที่สุด
แต่เขาก็ไม่เคยย้ายพรรค ไม่เคยทิ้งอุดมการณ์
นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ที่เดินผ่านทั้งแพ้–ชนะ ฝ่ายค้าน–รัฐบาล
นี่คือเส้นทางของนักการเมืองที่ยืนหยัดในระบบรัฐสภา
ลิ้มรสทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ ทั้งบทบาทฝ่ายค้านและรัฐบาล
แต่ไม่เคยละทิ้งความสุภาพ อ่อนโยน และแน่วแน่ของตัวเอง
เมื่อพ่ายแพ้เลือกตั้ง เขาก็ยอมรับและทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสง่างาม
แตกต่างจากบางพรรคที่เลือกลงถนน จนนำไปสู่ความวุ่นวาย ความรุนแรง
และสร้างความเสียหายให้ประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและภาพลักษณ์
ย้อนกลับไปในวันที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
เขาคือเป้าหมายการโจมตีจากกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ชนิดที่ “เล่นถึงตัว” และเกิดแรงกดดันเกือบทุกวันตลอดกว่า 2 ปีในตำแหน่ง
ปีแรก…รัฐบาลต้องเผชิญพิษเศรษฐกิจโลก วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
ซ้ำร้ายยังถูกม็อบบุกล้มประชุมอาเซียนที่พัทยา
แต่…ท่ามกลางวิกฤติ อภิสิทธิ์ยังคงยิ้มแย้ม อ่อนโยน สุขุม ไม่หวั่นไหว
และค่อย ๆ แก้ปัญหาทีละเปลาะ
หนึ่งปีต่อมา เศรษฐกิจ–ท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว
แต่รัฐบาลกลับต้องเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
จากการชุมนุมใหญ่ ปิดกั้นกรุงเทพฯ จนลุกลามเป็นเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง
แล้วต่อด้วยมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของชาติ
แต่ไม่ว่าวิกฤติจะหนักเพียงใด
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังคงทำงานด้วยสติ ความสงบนิ่ง และความรับผิดชอบ
ไม่สติแตก ไม่โทษคนอื่น
และเป็นนักการเมืองที่พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา
ห่านป่า...เพียงหวัง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มาช่วยเปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา
นำพาประเทศไทย สดใสกว่าเดิมคับ