6 ชาติลุ่มน้ำโขงประชุมรัฐมนตรี ณ คุนหมิง บรรลุ 21 ข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อยกระดับการกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติให้สิ้นซาก
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ได้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือในการปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและออนไลน์ ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
การประชุมนี้มีผู้แทนจาก 6 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ จีน, กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, ไทย และเวียดนาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือถึงสถานการณ์การหลอกลวงข้ามชาติและโทรคมนาคมออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางสังคม และสิทธิประโยชน์ของประชาชนในทุกประเทศ ที่ประชุมได้บรรลุฉันทามติร่วมกันในการยกระดับความร่วมมือเชิงปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม
จุดยืนและถ้อยแถลงของไทย
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ได้กล่าวถ้อยแถลงในนามฝ่ายไทย ชี้ว่าปัญหา “สแกมเซ็นเตอร์” ในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ใช่เพียงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่เป็น “เครือข่ายอาชญากรรมข้ามพรมแดน” ที่ทำร้ายประชาชนทุกประเทศ
ไทยย้ำว่า แม้จะเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ก็ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบของตนเอง และจะดำเนินการอย่างจริงจังและรวดเร็ว โดยให้ทุกประเทศสามารถติดตามตรวจสอบได้ และคาดหวังว่าทุกประเทศจะปฏิบัติต่างตอบแทนเช่นเดียวกัน
ผลการสืบสวนเชิงลึกของไทย (ACSC)
พล.ต.ท.จิรภพ ได้นำเสนอผลการสืบสวนเชิงลึกของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (Anti-Cyber Scam Center: ACSC) ซึ่งบูรณาการข้อมูลจากธนาคาร, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และหน่วยข่าวกรองทางเทคนิค พบว่า
1.เส้นทางการเงินจาก บัญชีม้า (Mule Accounts) ส่วนใหญ่ถูกโอนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
2.ที่อยู่ IP และสัญญาณเทคนิคจำนวนมาก ชี้ไปยังพื้นที่นอกประเทศไทย
3.ศูนย์สแกมจำนวนมากตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนและเขตเศรษฐกิจของบางประเทศในภูมิภาค (ไทยได้ส่งมอบข้อมูลนี้ให้ประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการแล้ว)
3 มาตรการเร่งด่วนที่ไทยเสนอ
ไทยได้เน้นย้ำถึงความต้องการความร่วมมือแบบตรงไปตรงมาและเป็นรูปธรรมจากทุกฝ่าย โดยได้เสนอ 3 มาตรการเร่งด่วนระดับภูมิภาค ดังนี้
1.ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล Real-time
- จัดทำฐานข้อมูลกลางของบัญชีม้า, หมายเลขโทรศัพท์ และ IP ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม
- ใช้ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อให้ทุกประเทศสามารถ “บล็อก–อายัด–ตรวจสอบ” ได้พร้อมกัน
2.แต่งตั้งผู้ประสานงานไซเบอร์ประจำการ (Cyber Liaison Officer)
- ให้แต่ละประเทศส่งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไปประจำการในประเทศที่เป็นฐานปฏิบัติการสำคัญ
- ทำหน้าที่เป็น “สายตรง” เพื่อให้การขอข้อมูลและการปฏิบัติการร่วมเกิดขึ้น “ภายในวันเดียว”
3.กำหนดมาตรการร่วมควบคุมโทรคมนาคม
- เข้มงวดการลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยระบบยืนยันตัวตน (รวมถึง Face Recognition)
- จำกัดจำนวนซิมต่อบุคคล และติดตามซิมต้องสงสัย
- หากพบพื้นที่มีการใช้สัญญาณเพื่อหลอกลวงในวงกว้าง ให้ร่วมกันพิจารณาการตัดสัญญาณชั่วคราวจนกว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จ
ข้อสรุปความร่วมมือ 21 ข้อ จากที่ประชุม 6 ประเทศ
ที่ประชุมรัฐมนตรีทั้ง 6 ประเทศ มีข้อสรุปความร่วมมือที่สำคัญ 21 ข้อ ดังนี้
1.ปฏิบัติการร่วมกวาดล้าง “สวนสแกม–เขตพนัน–ศูนย์หลอกลวง” อย่างครบวงจร
2.จัดปฏิบัติการร่วม (Joint Operations) ล้อมปราบเขต/นิคม ที่เป็นฐานพนันออนไลน์และศูนย์หลอกลวง
3.จับกุมผู้ต้องสงสัยร่วมกัน ประสานการสอบสวน และแลกเปลี่ยนพยานหลักฐาน
4.ส่งตัวผู้ต้องหา (repatriation/extradition) กลับประเทศที่ต้องการตัว แบบครบถ้วน
5.อายัด–ยึด–ติดตามทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อนำส่งคืนผู้เสียหาย
6.จัดตั้งกลไกประชุมอย่างเป็นทางการ 6 ฝ่าย (ระดับรัฐมนตรี และระดับกรม/สำนักงาน)
7.จัดตั้ง “กลไกระดับรัฐมนตรี 6 ฝ่าย ว่าด้วยการร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและออนไลน์”
8.จัดประชุมประจำปีโดยหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพ เพื่อรายงานความคืบหน้าและกำหนดแผนปฏิบัติการ
9.จัดประชุมระดับกรม/สำนักงาน (working-level) เป็นประจำ เพื่อแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติ
10.พัฒนาระบบประสานงานคดี–ข่าวกรองข้ามแดนร่วมกัน
11.จัดทำและปรับปรุงช่องทางแลกเปลี่ยนข่าวกรอง (แพลตฟอร์ม, Call Center, เว็บไซต์, บัญชีม้า, สกุลเงินดิจิทัล)
12.กำหนดมาตรฐานร่วมด้านการสืบสวนสอบสวนดิจิทัล
13.สนับสนุนการติดตามเส้นทางเงินและข้อมูล (fund & data flow) เพื่อเชื่อมคดีข้ามประเทศ
14.ขยายความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ, ภาคประชาสังคม และบริษัทเทคโนโลยี
15.สนับสนุนปฏิบัติการร่วมระดับภูมิภาค (regional joint operations) อย่างต่อเนื่อง
16.แลกเปลี่ยนกรณีศึกษาและแนวทางกำกับดูแล (แพลตฟอร์ม, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ระบบชำระเงิน, Crypto Exchange)
17.เชิญชวน NGO และบริษัทเทคโนโลยี ร่วมมือแชร์ข้อมูล, ปิดกั้น, วิจัย, พัฒนาเทคโนโลยี (AI, Big Data ฯลฯ) และรณรงค์ป้องกันเหยื่อ
18.ยืนยันกรอบยุทธศาสตร์ร่วมภายใต้ความร่วมมือแม่โขง–ล้านช้าง (MLC) และหลักนิติธรรม
19.ทุกประเทศจะใช้กฎหมายภายในอย่างเต็มที่ และไม่ปล่อยให้มี “Safe Haven” ของแก๊งสแกมเมอร์
20.ยึดกรอบ Global Security Initiative, Global Governance Initiative และ MLC
21.เน้นหลักความโปร่งใส, หลักนิติธรรม และผลประโยชน์ร่วมกัน
ความมุ่งมั่นเพิ่มเติมของไทยและปฏิกิริยาจากที่ประชุม
นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ (จีน) ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยในมาตรการและความชัดเจนจริงใจในการปราบปรามสแกมเมอร์
ที่ประชุมยังได้ทบทวนปฏิบัติการร่วมที่ผ่านมา เช่น
- กลไกไตรภาคี จีน–เมียนมา–ไทย (ปราบปรามพนันและสแกมชายแดนเมียนมา)
- ปฏิบัติการร่วม จีน–ลาว (เขตพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ)
- ความร่วมมือ จีน–กัมพูชา–เวียดนาม (จับกุมและส่งตัวผู้ต้องสงสัย)
คำมั่นและข้อเสนอเพิ่มเติมของไทย
พล.ต.ท.จิรภพ ยืนยันความพร้อมของไทยที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกกับประเทศที่ร่วมมือจริงจัง โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ และได้เน้นย้ำว่า:
- ไม่มีที่ยืนสำหรับสแกมเซ็นเตอร์ในไทย "ประเทศไทยจะไม่ยอมให้สแกมเซ็นเตอร์มีที่ยืนในประเทศ ทุกเบาะแสที่ได้รับจะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดโดยไม่ละเว้นผู้ใด"
- อาชญากรรมไร้พรมแดน อาชญากรรมไม่มีพรมแดน ดังนั้น การปราบปรามก็ต้องไม่มีพรมแดนเช่นกัน
- กลไกการทำงานที่โปร่งใส ไทยยืนยันว่าไม่มีฐานคอลเซ็นเตอร์ หากได้รับแจ้งเบาะแส ทีมงานจะแจ้งศูนย์ ACSC ตรวจสอบและเข้าจับกุมทันที พร้อมรายงานผลให้ประเทศต้นทางทราบทุกกรณี และ ขอให้ทุกประเทศแสดงความจริงใจ ดำเนินการให้เช่นเดียวกัน
- ตัวอย่างการดำเนินการ อ้างถึงเหตุการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ที่พบกลุ่มสแกมเมอร์ 1,598 คน (28 สัญชาติ) ทางการไทยได้คัดแยกเหยื่อและประสานส่งกลับ ขณะเดียวกัน ไทยก็ต้องการคนไทยที่ไปร่วมแก๊งในประเทศเพื่อนบ้านกลับมาเช่นกัน
- ข้อเสนอปิดท้าย (Joint Task Force) เสนอให้ปราบที่ต้นตอ (ไม่ให้ใครเป็นที่พักพิง) และจัดตั้งทีมปฏิบัติการร่วม (Joint Task Force) โดยใช้ข้อมูล Real-time จาก ACSC ตั้งเป้าตอบสนองเบาะแสสำคัญภายใน 24 ชั่วโมง
- ความรับผิดชอบร่วมกัน: เสนอให้มีกลไกความโปร่งใส (Transparency & Accountability) โดยทุกกรณีที่มีการแจ้งเบาะแสระหว่างประเทศ ต้องมีการรายงานความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
- สุดท้าย ไทยยืนยันความมุ่งมั่นในฐานะ "หุ้นส่วนที่รับผิดชอบ" พร้อมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกประเทศ และผลักดันศูนย์ ACSC ให้เป็นศูนย์กลางประสานงานระดับภูมิภาค เพื่อให้การปฏิบัติการร่วมของ 6 ประเทศเป็นรูปธรรม รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
ไทยผนึกกำลัง 5 ชาติ รวมพลังปราบสแกมเมอร์ พร้อมชู 3 มาตราการด่วน