คือต้องเล่าตั้งแต่เราเข้าม.4เลยค่ะ เรามีเพื่อนเก่าที่เคยเรียนอยู่รร.เดียวกัน เลยสนิทกับเพื่อนคนนั้นต่อมาก็ได้สนิทกับเพื่อนกลุ่มที่1 ซึ่งตัวละครหลักชื่อAนะคะในกลุ่มนั้นที่เรากับเพื่อนสนิทอยู่ มีหัวหน้าคือB และมีCซึ่งปัจจุบันเป็นเหรัญญิกห้อง เพื่อนในกลุ่มมีคนอื่นอีกนะคะ แต่คนหลักๆของเรื่องมีประมาณนี้จะพยายามเล่าให้เข้าใจง่ายๆเลยนะคะเพราะเรื่องต้องเล่ายาวหน่อยถึงจะมาเรื่องสุดท้ายได้
ม.4เทอม1
1.เพื่อนAตอนอยู่กลุ่มเดียวกันเคยสนิทกับเรากับเพื่อนสนิทเรามาก Aมันแอบชอบเพื่อนห้อง1ท็อปห้องเลย แต่มันก็ไม่มั่นใจ เรากับเพื่อนเลยให้กำลังใจ พูดให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าเค้ามาตลอด จนAได้คบกับคนนั้น พอหบังๆมามันเหมือนเริ่มละเลยเราทีละเล็กทีละน้อย แล้วเริ่มมีความมั่นใจขึ้นจนเราแอบรู้สึกว่ามันอาจจะมากเกินไปหน่อย เรากับเพื่อนเลยถอยห่างออกมาเพราะความรู้สึกที่อึดอัด ไม่สบายใจ (เคยเคลียร์แล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยเฟดตัวออกไปดีกว่า)
ม.4เทอม2-ม.5เทอม2
2.เรากับเพื่อนเริ่มต้นใหม่ เราสนิทกับเพื่อนกลุ่มใหม่ เรียกว่ากลุ่ม2ละกัน กลุ่มนี้ก็มีเพื่อนที่ไม่ค่อยจะชอบนิสัยของเพื่อนAมากเท่าไหร่ เราเลยไม่ยุ่งกับกลุ่ม1 ตอนเป็นเพื่อนกับเรากับเพื่อนก็คือจะเป็นคนที่ทุ่มเทให้เพื่อนมากอ่ะ ช่วยโครงงานบ้าง ทำงานศิลปะบ้าง งานกลุ่มบางครั้งก็เป็นเราที่ทำเองบ้าง ก็อยู่กับกลุ่มนี้มาค่อนข้างนานเลยแหล่ะ แต่ช่วงใกล้จบม.5เรารู้สึกว่าเค้าดูออกห่างจากเรา สร้างกลุ่มคุยใหม่บ้างงี้ ทำให้เรามีกัน2คนแล้วก็ได้เพื่อนสนิทมาอีก1คน รวมเป็น3คน เรากับเพื่อนก็ไม่เข้าใจว่าสาเหตุจริงๆที่เค้าแยกตัวจากเราคืออะไรแต่ที่คิดไว้น่าจะมี2เรื่องด้วยกัน
2.1 ตอนม.5ไปทำกิจกรรมกับรร.ที่มหาลัย ก่อนกลับเค้าจะพาแวะเซนทรัล มีกำหนดไม่เกินเวลานี้ๆ เราก็ไปรถเดียวกัน ซึ่งตอนม.4เราเคยไปมาแล้ว พอถึงเวลาที่ครบกำหนด เราไม่รู้ว่ารถจอดอยู่ที่ไหน เลยหลงหาไม่เจอ ทำให้เสียเวลาไปมาก พอถึงตอนม.5เรากับเพื่อนสนิทอีก2คนด้วยความที่ว่าตอนม.4เคยโดนมาแล้ว ม.5เราก็ไม่อยากโดนว่าอีก เลยมาทันเวลา แล้วมันเกิดเหตุการณ์ที่ว่ารถตู้ที่กลุ่มเรามามันเสีย ทำมห้เราต้องนั่งแยกกันไปตามรถตู้คันอื่นคันละ2-3คน แล้วเพื่อนกลุ่ม2เดิมชีก็หลงอีกเช่นเคย เราก็เลยโทรหา เพื่อนกลุ่ม2เลยบอกว่าให้เค้ามารับไม่ได้หรอ เราเลยบอกให้รีบมา เพราะด้วยความที่รถคันเราเสีย ต้องจัดการแบ่งคันอื่นด้วย เจ้าตัวไม่มาก็จะทำให้คันอื่นเพื่อนคนอื่นลำบากไปด้วย เพื่อนสนิทเราจะเป็นคนแรงๆหน่อยเลยอาจจะพูดเสียงดัง พูดตะคอก ทำให้กลายเป็นว่าเกิดการเข้าใจผิด
2.2 ตอนทำโครงงาน เราอยู่กลุ่มโครงงานกับเพื่อนสนิทคนที่2กับเพื่อนกลุ่มอื่นอีกคน ส่วนเพื่อนสนิทคนแรกเราอยู่กับเพื่อนกลุ่ม2อีก2คน เพราะเพื่อนเราเป็นห่วงว่าเพื่อน2คนนั้นจะทำอะไรไม่ได้ ทีนี้ตอนที่ใกล้จะส่งโครงงานแล้ว เพื่อนสนิทเราก็นั่งทำคนเดียวในห้องคอม ส่วนเพื่อนอีก2คนนั่งเล่นนอนเล่นในห้องเรียน เราเลยบอกไปว่าไปช่วยเพื่อนสนิทมันทำหน่อย จะได้เสร็จไวๆ (คือเราเองเข้าใจนะว่าแบบทั้ง2คนก็ช่วยฝนเรื่องการทดลองแหล่ะ แต่วันไฟนอลแล้ว เพื่อน1คนนั่งปั่นพิมพ์งานส่งในขณะที่อีก2คนนั่งเล่นนนอนเล่นทศ. เราเลยไม่ค่อยโอเคร)
ก็นั่นแหล่ะค่ะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราวิเคราะห์เฉยๆว่าอาจจะเกิดจากเหตุการ์ณนี้ก็ได้ เราก็คิดเหมือนกันนะคะว่าหรือเราเองนี้แหล่ะที่เป็นตัวปัญหา เพราะอยู่กะกลุ่มไหนมันก็ขัดแย้งไปหมด
ม.6เทอม1-2
3.เปิดเทอมมาเราก็มีกันแค่3คน ในห้องมันนั่งแบ่งเป็น2ฝั่ง ฝั่งขวาจะเป็นเรากับเพื่อน3คน กับเพื่อนอีกกลุ่มในห้อง ฝั่งซ้ายจะเป็นที่นั่งของกลุ่ม1กับกลุ่ม2
อยู่ไปๆมาๆเรารู้เลยค่ะว่ากลุ่ม2เริ่มตีสนิทกับกลุ่ม1 (ด้วยความที่ว่ากลุ่ม1จะมีความเก่ง) เริ่มไปนู่นไปนี้ด้วยกัน เอาเป็นว่ามัรเห็นชัดเลยว่าเข้าไปตีสนิทเค้า จนกลุ่ม1,2ก็เป็นกลุ่มเดียวกันไปละ
เข้าสู้เรื่องจริงสั๊กที555
4.เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนี้กลุ่ม1มีคนหลักคือทั้งหัวหน้า(B) เหรัญญิก (C) แล้วคนหลักในกลุ่มนั้นเลยคือ A ที่คุมทุกอย่างทั้งB,C และมีเพื่อนใหม่อีกกลุ่มคือกลุ่ม2ด้วย
ตอนแรกครูก็ตั้งกฏไว้ว่าวันไหนนัดใส่ชุดอะไรแล้วใครใส่ผิดให้ไปขัดห้องน้ำ แต่มันมีเพื่อนในห้องที่ใส่ชุดผิดอยู่แบบตั้งใจ ใส่ชุดพละบ้าง เสื้อสตาฟกีฬาสีบ้าง ซึ่งก็มาจากกลุ่ม1-2นั่นเอง แถมขนาดหัวหน้าห้องยังใส่เลย แต่ก็ไม่เห็นมีใครโดนให้ไปขัดห้องน้ำ จนAกับBเปลี่ยนกฏกันเองว่าใครใส่ชุดผิดจ่าย100บาทเข้าตังค์ห้อง(ออกกฏเดือน7) บางคนก็ไม่พอใจแหล่ะ บอกว่ากฏร่วมห้องแบบใด ไม่มีการถามเพื่อนในห้องสั๊กคำ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร แต่มันก็ยังมีคนใส่ผิดอยู่ดี ซึ่งหนึ่งในนั้น หัวหน้าก็ยังใส่อยู่
5.ต่อมาเดือน8 อาทิตย์นั้นเป็นสัปดาห์แนวแนวสำหรับม.6เลย เรากับเพื่อนเลยนัดกันใส่เสื้อกีฬาสี ใส่เสื้อกันหนาวทับไว้มา ครูเห็นครูเลยบ่น ในจุดนี้รารู้ตัวเองอยู่ว่าเราผิดจริง แต่หลังจากวันนั้นมีนก็ไม่ได้มีแค่เรา เพื่อนก็ยังมีอีกหลายคนที่ใส่ผิด พอมาม.6เทอม2 วันนี้ B พูดในห้องว่าใครรู้ตัวใส่ชุดผิดจ่ายด้วย 100 ตอนแรกว่าจะไม่เก็บ แต่เทอมที่แล้วมีคนจ่ายแล้ว มันจะไม่แฟร์กับเพื่อนคนนั้นเพราะงั้นให้จ่ายภายในวัรจันทร์หน้า ถ้าไม่จ่ายก็จะเอาเงินคืนเพื่อน พอถามว่าใครบ้างกลับบอกว่ามีแค่4คนคือเราและเพื่อน2คน+เพื่อนอีกคนในห้อง เราก็งง+ไม่แฟร์สิ เพราะคนใส่ผิดจริงๆมีหลายคนมาก ถ้าให้เทียบแล้วเราใส่ตอนแนะแนวครั้งเดียว บางคนใส่บ่อยกว่ามาก แต่ไม่มีชื่อ เลยโดนจี้เลยว่าไหนมีใครบ้างบอกชื่อมาเลย คือในความรู้สึกเรา เหมือนเค้าพยายามให้เราเป็นตัวปัญหาของห้องอ่ะ ถ้าจะให้เรียกชื่อว่าใครอีกบ้าง มันก็ไม่ยอมรับตัวเองกันหรอกถูกมั้ยคะ ขนาดหัวหน้ายังเงียบเลย คนอื่นไม่รู้มีใครบ้าง แต่มั่นใจิยู่4คน ทั้งที่คนอื่นใส่ผิดบ่อยกว่าเรามาก แล้วทำไมคนอื่นที่ผิดบ่อยไม่เห็นจำได้เลย เป็นเพื่อนกลุ่มตัวเองด้วยซ้ำ
6.เพื่อนเราทักไปถามส่วนตัวว่าเพื่อนคนไหนที่จ่ายแล้ว Bตอบว่า เพื่อนFเป็นคนจ่าย ซึ่งBบอกว่าเค้าเข้าไปหยอกๆเพื่อนFเล่นว่าแบบ แต่งชุดผิดนะ จ่ายตังด้วยแต่ไม่คิดว่าจะจ่ายจริง ซึ่งก็รู้ๆกันอยู่ว่าเพื่อนFจะเป็นเด็กพิเศษๆนิดๆ ถ้ามาบอกอย่างงี้เค้าก็ต้องทำตามอยู่แล้ว แต่เอามาอ้างกับเราว่าเพื่อนจ่ายแล้ว ถ้าเราไม่จ่ายก็ไม่แฟร์ อ่าวแล้วแทนที่คืนเงินเพื่อนไปก็จบ เค้าก็บอกว่าถ้าจ่ายคืนก็เหมือนกับว่ากฏไม่สำคัญอะไรเลย แล้วเพื่อนคนที่ทำตามกฏก็ต้องมีสะอึกบ้าง อ่าวรู้หรือไม่ว่าเค้าบ่นกันตั้งแต่ตั้งกฏกันเองแล้วเค้าแต่ไม่พูด
ก็ตามนั้นแหล่ะค่ะเรื่องราวนี้ เราเองก็ไม่รู้ว่าเค้ามีอัคติส่วนตัวเปล่าถึงได้เค้นพยายามจะให้เราจ่ายให้ได้ เราบอกก่อนเลยนะคะ ว่าเราจ่ายได้ค่ะ แต่ความรู้สึกเราเราคิดว่ามันไม่แฟร์กับเราที่มีคนอื่นอีกตั้งเยอะที่ไม่โดนเรียกชื่อแต่แต่งบ่อยกว่าเรา เราเลยขอปฏิเสธการจ่ายค่ะ อยากรู้ว่าคนอื่นมีมุมมองกับเรื่องนี้ยังไง พูดคุยกันได้นะคะ หรือว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวเราจริงๆ
ปรึกษาเรื่องในห้องเรียนค่ะ
ม.4เทอม1
1.เพื่อนAตอนอยู่กลุ่มเดียวกันเคยสนิทกับเรากับเพื่อนสนิทเรามาก Aมันแอบชอบเพื่อนห้อง1ท็อปห้องเลย แต่มันก็ไม่มั่นใจ เรากับเพื่อนเลยให้กำลังใจ พูดให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าเค้ามาตลอด จนAได้คบกับคนนั้น พอหบังๆมามันเหมือนเริ่มละเลยเราทีละเล็กทีละน้อย แล้วเริ่มมีความมั่นใจขึ้นจนเราแอบรู้สึกว่ามันอาจจะมากเกินไปหน่อย เรากับเพื่อนเลยถอยห่างออกมาเพราะความรู้สึกที่อึดอัด ไม่สบายใจ (เคยเคลียร์แล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยเฟดตัวออกไปดีกว่า)
ม.4เทอม2-ม.5เทอม2
2.เรากับเพื่อนเริ่มต้นใหม่ เราสนิทกับเพื่อนกลุ่มใหม่ เรียกว่ากลุ่ม2ละกัน กลุ่มนี้ก็มีเพื่อนที่ไม่ค่อยจะชอบนิสัยของเพื่อนAมากเท่าไหร่ เราเลยไม่ยุ่งกับกลุ่ม1 ตอนเป็นเพื่อนกับเรากับเพื่อนก็คือจะเป็นคนที่ทุ่มเทให้เพื่อนมากอ่ะ ช่วยโครงงานบ้าง ทำงานศิลปะบ้าง งานกลุ่มบางครั้งก็เป็นเราที่ทำเองบ้าง ก็อยู่กับกลุ่มนี้มาค่อนข้างนานเลยแหล่ะ แต่ช่วงใกล้จบม.5เรารู้สึกว่าเค้าดูออกห่างจากเรา สร้างกลุ่มคุยใหม่บ้างงี้ ทำให้เรามีกัน2คนแล้วก็ได้เพื่อนสนิทมาอีก1คน รวมเป็น3คน เรากับเพื่อนก็ไม่เข้าใจว่าสาเหตุจริงๆที่เค้าแยกตัวจากเราคืออะไรแต่ที่คิดไว้น่าจะมี2เรื่องด้วยกัน
2.1 ตอนม.5ไปทำกิจกรรมกับรร.ที่มหาลัย ก่อนกลับเค้าจะพาแวะเซนทรัล มีกำหนดไม่เกินเวลานี้ๆ เราก็ไปรถเดียวกัน ซึ่งตอนม.4เราเคยไปมาแล้ว พอถึงเวลาที่ครบกำหนด เราไม่รู้ว่ารถจอดอยู่ที่ไหน เลยหลงหาไม่เจอ ทำให้เสียเวลาไปมาก พอถึงตอนม.5เรากับเพื่อนสนิทอีก2คนด้วยความที่ว่าตอนม.4เคยโดนมาแล้ว ม.5เราก็ไม่อยากโดนว่าอีก เลยมาทันเวลา แล้วมันเกิดเหตุการณ์ที่ว่ารถตู้ที่กลุ่มเรามามันเสีย ทำมห้เราต้องนั่งแยกกันไปตามรถตู้คันอื่นคันละ2-3คน แล้วเพื่อนกลุ่ม2เดิมชีก็หลงอีกเช่นเคย เราก็เลยโทรหา เพื่อนกลุ่ม2เลยบอกว่าให้เค้ามารับไม่ได้หรอ เราเลยบอกให้รีบมา เพราะด้วยความที่รถคันเราเสีย ต้องจัดการแบ่งคันอื่นด้วย เจ้าตัวไม่มาก็จะทำให้คันอื่นเพื่อนคนอื่นลำบากไปด้วย เพื่อนสนิทเราจะเป็นคนแรงๆหน่อยเลยอาจจะพูดเสียงดัง พูดตะคอก ทำให้กลายเป็นว่าเกิดการเข้าใจผิด
2.2 ตอนทำโครงงาน เราอยู่กลุ่มโครงงานกับเพื่อนสนิทคนที่2กับเพื่อนกลุ่มอื่นอีกคน ส่วนเพื่อนสนิทคนแรกเราอยู่กับเพื่อนกลุ่ม2อีก2คน เพราะเพื่อนเราเป็นห่วงว่าเพื่อน2คนนั้นจะทำอะไรไม่ได้ ทีนี้ตอนที่ใกล้จะส่งโครงงานแล้ว เพื่อนสนิทเราก็นั่งทำคนเดียวในห้องคอม ส่วนเพื่อนอีก2คนนั่งเล่นนอนเล่นในห้องเรียน เราเลยบอกไปว่าไปช่วยเพื่อนสนิทมันทำหน่อย จะได้เสร็จไวๆ (คือเราเองเข้าใจนะว่าแบบทั้ง2คนก็ช่วยฝนเรื่องการทดลองแหล่ะ แต่วันไฟนอลแล้ว เพื่อน1คนนั่งปั่นพิมพ์งานส่งในขณะที่อีก2คนนั่งเล่นนนอนเล่นทศ. เราเลยไม่ค่อยโอเคร)
ก็นั่นแหล่ะค่ะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราวิเคราะห์เฉยๆว่าอาจจะเกิดจากเหตุการ์ณนี้ก็ได้ เราก็คิดเหมือนกันนะคะว่าหรือเราเองนี้แหล่ะที่เป็นตัวปัญหา เพราะอยู่กะกลุ่มไหนมันก็ขัดแย้งไปหมด
ม.6เทอม1-2
3.เปิดเทอมมาเราก็มีกันแค่3คน ในห้องมันนั่งแบ่งเป็น2ฝั่ง ฝั่งขวาจะเป็นเรากับเพื่อน3คน กับเพื่อนอีกกลุ่มในห้อง ฝั่งซ้ายจะเป็นที่นั่งของกลุ่ม1กับกลุ่ม2
อยู่ไปๆมาๆเรารู้เลยค่ะว่ากลุ่ม2เริ่มตีสนิทกับกลุ่ม1 (ด้วยความที่ว่ากลุ่ม1จะมีความเก่ง) เริ่มไปนู่นไปนี้ด้วยกัน เอาเป็นว่ามัรเห็นชัดเลยว่าเข้าไปตีสนิทเค้า จนกลุ่ม1,2ก็เป็นกลุ่มเดียวกันไปละ
เข้าสู้เรื่องจริงสั๊กที555
4.เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนี้กลุ่ม1มีคนหลักคือทั้งหัวหน้า(B) เหรัญญิก (C) แล้วคนหลักในกลุ่มนั้นเลยคือ A ที่คุมทุกอย่างทั้งB,C และมีเพื่อนใหม่อีกกลุ่มคือกลุ่ม2ด้วย
ตอนแรกครูก็ตั้งกฏไว้ว่าวันไหนนัดใส่ชุดอะไรแล้วใครใส่ผิดให้ไปขัดห้องน้ำ แต่มันมีเพื่อนในห้องที่ใส่ชุดผิดอยู่แบบตั้งใจ ใส่ชุดพละบ้าง เสื้อสตาฟกีฬาสีบ้าง ซึ่งก็มาจากกลุ่ม1-2นั่นเอง แถมขนาดหัวหน้าห้องยังใส่เลย แต่ก็ไม่เห็นมีใครโดนให้ไปขัดห้องน้ำ จนAกับBเปลี่ยนกฏกันเองว่าใครใส่ชุดผิดจ่าย100บาทเข้าตังค์ห้อง(ออกกฏเดือน7) บางคนก็ไม่พอใจแหล่ะ บอกว่ากฏร่วมห้องแบบใด ไม่มีการถามเพื่อนในห้องสั๊กคำ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร แต่มันก็ยังมีคนใส่ผิดอยู่ดี ซึ่งหนึ่งในนั้น หัวหน้าก็ยังใส่อยู่
5.ต่อมาเดือน8 อาทิตย์นั้นเป็นสัปดาห์แนวแนวสำหรับม.6เลย เรากับเพื่อนเลยนัดกันใส่เสื้อกีฬาสี ใส่เสื้อกันหนาวทับไว้มา ครูเห็นครูเลยบ่น ในจุดนี้รารู้ตัวเองอยู่ว่าเราผิดจริง แต่หลังจากวันนั้นมีนก็ไม่ได้มีแค่เรา เพื่อนก็ยังมีอีกหลายคนที่ใส่ผิด พอมาม.6เทอม2 วันนี้ B พูดในห้องว่าใครรู้ตัวใส่ชุดผิดจ่ายด้วย 100 ตอนแรกว่าจะไม่เก็บ แต่เทอมที่แล้วมีคนจ่ายแล้ว มันจะไม่แฟร์กับเพื่อนคนนั้นเพราะงั้นให้จ่ายภายในวัรจันทร์หน้า ถ้าไม่จ่ายก็จะเอาเงินคืนเพื่อน พอถามว่าใครบ้างกลับบอกว่ามีแค่4คนคือเราและเพื่อน2คน+เพื่อนอีกคนในห้อง เราก็งง+ไม่แฟร์สิ เพราะคนใส่ผิดจริงๆมีหลายคนมาก ถ้าให้เทียบแล้วเราใส่ตอนแนะแนวครั้งเดียว บางคนใส่บ่อยกว่ามาก แต่ไม่มีชื่อ เลยโดนจี้เลยว่าไหนมีใครบ้างบอกชื่อมาเลย คือในความรู้สึกเรา เหมือนเค้าพยายามให้เราเป็นตัวปัญหาของห้องอ่ะ ถ้าจะให้เรียกชื่อว่าใครอีกบ้าง มันก็ไม่ยอมรับตัวเองกันหรอกถูกมั้ยคะ ขนาดหัวหน้ายังเงียบเลย คนอื่นไม่รู้มีใครบ้าง แต่มั่นใจิยู่4คน ทั้งที่คนอื่นใส่ผิดบ่อยกว่าเรามาก แล้วทำไมคนอื่นที่ผิดบ่อยไม่เห็นจำได้เลย เป็นเพื่อนกลุ่มตัวเองด้วยซ้ำ
6.เพื่อนเราทักไปถามส่วนตัวว่าเพื่อนคนไหนที่จ่ายแล้ว Bตอบว่า เพื่อนFเป็นคนจ่าย ซึ่งBบอกว่าเค้าเข้าไปหยอกๆเพื่อนFเล่นว่าแบบ แต่งชุดผิดนะ จ่ายตังด้วยแต่ไม่คิดว่าจะจ่ายจริง ซึ่งก็รู้ๆกันอยู่ว่าเพื่อนFจะเป็นเด็กพิเศษๆนิดๆ ถ้ามาบอกอย่างงี้เค้าก็ต้องทำตามอยู่แล้ว แต่เอามาอ้างกับเราว่าเพื่อนจ่ายแล้ว ถ้าเราไม่จ่ายก็ไม่แฟร์ อ่าวแล้วแทนที่คืนเงินเพื่อนไปก็จบ เค้าก็บอกว่าถ้าจ่ายคืนก็เหมือนกับว่ากฏไม่สำคัญอะไรเลย แล้วเพื่อนคนที่ทำตามกฏก็ต้องมีสะอึกบ้าง อ่าวรู้หรือไม่ว่าเค้าบ่นกันตั้งแต่ตั้งกฏกันเองแล้วเค้าแต่ไม่พูด
ก็ตามนั้นแหล่ะค่ะเรื่องราวนี้ เราเองก็ไม่รู้ว่าเค้ามีอัคติส่วนตัวเปล่าถึงได้เค้นพยายามจะให้เราจ่ายให้ได้ เราบอกก่อนเลยนะคะ ว่าเราจ่ายได้ค่ะ แต่ความรู้สึกเราเราคิดว่ามันไม่แฟร์กับเราที่มีคนอื่นอีกตั้งเยอะที่ไม่โดนเรียกชื่อแต่แต่งบ่อยกว่าเรา เราเลยขอปฏิเสธการจ่ายค่ะ อยากรู้ว่าคนอื่นมีมุมมองกับเรื่องนี้ยังไง พูดคุยกันได้นะคะ หรือว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวเราจริงๆ