แม่จีนไม่ชื้อบ้านแพงแต่ให้ลุกนอนรร5*ไกล้รร

กระทู้คำถาม


แม่จีน ‘ไม่ซื้อบ้านแพง’ แต่พาลูกนอนโรงแรม 5 ดาวใกล้โรงเรียน
.
ลองจินตนาการถึงการพาลูกสาวไปโรงเรียน... ด้วยการ "เช็กอิน" เข้าโรงแรม 5 ดาวหรูหราทุกเช้าวันจันทร์ และ "เช็กเอาต์" กลับบ้านในบ่ายวันศุกร์ นี่ไม่ใช่นิยาย แต่คือวิถีชีวิตจริงตลอด 3 ปีที่ผ่านมาในปักกิ่ง การไปโรงเรียนของเด็กหญิงตัวน้อยกลายเป็นการพักผ่อนตากอากาศ ส่วนชีวิตของผู้เป็นแม่ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินทางไปทำงานต่างถิ่นที่แสนสะดวกสบายและมีบริการครบครัน
.
นี่คือเรื่องราวของ Sherry คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวชาวจีน ผู้ค้นพบทางออกสุดสร้างสรรค์ให้กับปัญหาน่าปวดหัวของพ่อแม่ชาวจีน นั่นคือการซื้อ "บ้านย่านโรงเรียน" ที่มีราคาสูงเสียดฟ้า
.
ในขณะที่พ่อแม่คนอื่นยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อ "บ้านเก่าโทรมๆ" ในย่านโรงเรียนดีๆ (เพื่อเอาชื่อเข้าทะเบียนบ้าน) หรือยอมทนเช่าบ้านใกล้โรงแรมที่ทั้งแพงและไม่สะดวกสบาย Sherry กลับคำนวณแล้วว่า "มันไม่คุ้ม"
.
◼️เช่าโรงแรม 5 ดาว "ถูกกว่า" ซื้อบ้าน
.
หลายคนอาจคิดว่าการนอนโรงแรม 5 ดาวทุกคืนคือความฟุ่มเฟือยขั้นสุด แต่ Sherry ผู้มีหัวคิดด้านธุรกิจ (เธอทำธุรกิจ E-commerce และลงทุนมาตั้งแต่สมัยเรียน) ได้คำนวณต้นทุนอย่างละเอียด และผลลัพธ์ก็น่าทึ่ง
.
👉🏼ถ้าซื้อบ้าน: เธอต้องใช้เงินถึง 20 ล้านหยวน (ราว 90 ล้านบาท) เพื่อซื้อบ้าน 3 ห้องนอน (เพื่อคุณภาพชีวิตแบบเดิม) ในย่านโรงเรียนดีๆ เธอคำนวณ "ค่าเสียโอกาส" ว่าถ้าเอาเงิน 20 ล้านไปลงทุน ได้ผลตอบแทนปีละ 5% นั่นคือเธอ "ขาดทุน" ปีละ 1 ล้านหยวน ยังไม่นับความเสี่ยงที่ราคาบ้านย่านโรงเรียนกำลังดิ่งลง
.
👉🏼ถ้าเช่าบ้าน: ค่าเช่าอะพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอนในย่านนั้น ตกปีละประมาณ 160,000 หยวน (ราว 720,000 บาท) รวมค่านายหน้าและค่าตกแต่ง แถมเธอยังมีประสบการณ์แย่ๆ กับการเช่าบ้านในอดีต
.
ทางเลือกของเธอคือรงแรม: เธอเจรจาต่อรองกับโรงแรมจนได้ราคาระยะยาว และที่สำคัญคือ พวกเขาพักแค่ "วันธรรมดา" (จันทร์-ศุกร์) และ "ไม่รวมปิดเทอม" ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โรงแรมมีราคาแพงที่สุด
.
สรุปแล้ว ปีที่ผ่านมาเธอจ่ายค่าโรงแรมไปเพียง 80,000 - 90,000 หยวน (ประมาณ 4 แสนบาท) ผลลัพธ์คือ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เธอประหยัดเงินไปหลายล้านหยวน
.
◼️ชีวิตที่สะดวกสบาย แลกกับ "กลิ่นอายของบ้าน"
.
ชีวิตในโรงแรม 5 ดาว มอบความสะดวกสบายที่การเช่าบ้านหรือซื้อบ้านเก่าๆ ให้ไม่ได้
☑️ไม่ต้องทำงานบ้าน: ไม่ต้องทำความสะอาด, ลูกทำของหกก็แค่เดินเลี่ยง พนักงานมาจัดการให้
☑️บริการครบวงจร: พนักงานช่วยพิมพ์เอกสารการเรียนให้ลูก, มีฟิตเนส, สระว่ายน้ำ (ลูกสาวว่ายทุกวัน), อาหารเช้าฟรี, กาแฟฟรี, ค่าน้ำไฟเน็ตฟรี
☑️ความปลอดภัย: ซึ่งสำคัญมากสำหรับครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว
.
แต่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบนี้ก็มีข้อเสีย เมื่อความแปลกใหม่จางหายไป สิ่งที่ขาดหายไปคือ "กลิ่นอายของบ้าน" ลูกสาวของเธอเริ่มโตและอยากมีพื้นที่ส่วนตัว บางครั้งเธอต้องแอบไปเล่นเกมในอ่างอาบน้ำ พวกเขาไม่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ นอกจากนี้ตัว Sherry เองต้องใช้ชีวิตแบบ "มินิมัลลิสต์" พกเสื้อผ้ามาสัปดาห์ละ 2 ชุด และต้องวางแผนชีวิตเป็น "รายสัปดาห์" เพราะจะไม่สามารถรับมือกับเรื่องกะทันหันได้
.
◼️ปรัชญาการเลี้ยงลูก "ตัวเองต้องมาก่อน"
.
Sherry เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ผ่านความสัมพันธ์อันซับซ้อนและเจ็บปวดกับครอบครัวของอดีตแฟน เธอเลือกที่จะเก็บลูกไว้และสู้ชีวิตด้วยตัวเองจนมีอิสรภาพทางการเงิน
.
เธอไม่ได้ต่อต้านการซื้อบ้าน เพราะล่าสุดเธอก็เพิ่งซื้อบ้านหรูหลังใหม่ในย่านอื่น เพื่อตอบสนอง "คุณค่าทางอารมณ์" ของตัวเอง แต่เธอต่อต้าน "การเสียสละ" อย่างไร้เหตุผล เธอย้ำชัดว่า "มีคนคิดว่าฉันยอมสละชีวิตเพื่อลูก แต่จริงๆ แล้ว ชีวิตของฉันต้องมาก่อนชีวิตของลูก"
.
สำหรับเธอ "คนที่ยอมเสียสละ" ที่แท้จริง คือหลายคนที่ยอมขายบ้านดีๆ ของตัวเองเพื่อไปเช่าบ้านเก่าๆ โทรมๆ และต้องดึงพ่อแม่ของตัวเองเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเพียงเพื่อให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนดัง แต่วิถีชีวิตแบบ "โรงแรม 5 ดาว" ที่เธอเลือกในปัจจุบัน คือ "ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเธอเอง"
.
#เลี้ยงลูกตามแบบเราเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่