[CR] Pranburi Prachuap Khiri Khan | Backpack Trip | GEN441

จุดเริ่มต้นของการเดินทางในรายวิชา GEN411: Culture and Excursion คือการออกไปเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนจริง ๆ พวกเราต้องการสัมผัสความเรียบง่าย ความอบอุ่น และรอยยิ้มที่จริงใจของผู้คนในพื้นที่ จึงเลือก อำเภอปราณบุรี เป็นจุดหมายของการเรียนรู้ในครั้งนี้ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีชีวิตที่สงบ อากาศบริสุทธิ์ และผู้คนที่เป็นมิตร การเดินทางครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ทัศนศึกษา แต่เป็นโอกาสที่จะได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ต่อความหมายของคำว่า “วัฒนธรรม” ผ่านประสบการณ์จริงที่ทั้งอบอุ่น สนุก และน่าจดจำ
 
สวัสดีจ้าาา วันนี้เราจะไปเมืองลับแลที่ไม่ลับเลย นั่นก็คือปราณบุรีนั่นเองงงงง ทริปนี้เรามีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงในวัย 20 ทั้งหมดดดด  จะวุ่นวายและปั่นป่วนแค่ไหน ไปติดตามกันได้เลยจ้าาา อิอิ
DAY 1 : กรุงเทพ - ปราณบุรี
ณ สถานีรถไฟธนบุรี
เรามาถึงสถานีรถไฟธนบุรีกันตั้งแต่เช้าในเวลา 6:30 เราเลือกขึ้นรถไฟในรอบเวลา 7:20 ขบวน255 ธนบุรี-หลังสวน และใช้เวลาเดินทางไปถึงสถานีปราณบุรีประมาณ 4 ชั่วโมง นี่เป็นครั้งแรกของพวกเรา 3 ที่ได้นั่งรถไฟ แต่มีเพื่อนคนหนึ่งเคยมีประสบการณ์ขึ้นรถไฟมาก่อนอยู่แล้ว ซึ่งการนั่งรถไฟครั้งแรกของเรา 3 คน ได้เปิดประสบการณ์มากมายเพราะได้เห็นวิวข้างทางและบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากการนั่งรถปกติเป็นอย่างมาก ร้อนหน่อยแต่ทนได้ แต่ที่ทนไม่ได้คือปวดก้นนนนนสุดๆๆๆๆๆ 555555555 พอนั่งไปเรื่อย ๆ ก็จะมีของขึ้นมาขายหลากหลายมาก เช่น ขนมจีบ ขนมหม้อแกง ปอเปี๊ยะ และที่ตกใจที่สุดคือ ก๋วยเตี๋ยวในราคา 10 บาท ไม่คิดว่าปัจจุบันจะมีราคานี้อยู่ ถูก อร่อย สะอาด แม่ค้าใจดี พูดขายกันเก่ง จนเราต้องซื้อกันยกตี้เลยล่ะ กินก๋วยเตี๋ยวในราคาประหยัดแต่วิวราคาหลักล้านนะจ๊ะ ฟินนน




ในที่สุดเราก็นั่งมาถึงสถานีปราณบุรีในเวลาประมาณ 12:45 บอกเลยตอนถึงเนี่ยดีใจกันสุดๆ ถึงแม้วิวจะดีแต่ร่างกายมิอาจสู้ มันล้า มันเฉื่อยยย5555555 ก็เลยโทรไปหาสถานที่ที่เราจะไปศึกษานั่นก็คือ ธนาคารปูม้า เพื่อบอกเขาว่าเราถึงแล้ว พี่เขาเลยอาสาจะมารับเราที่สถานนี ความคิดในใจตอนนั้นรู้สึกว่า “เห้ยย คนที่ปราณบุรี ใจดีจังอะ” เพราะที่นั่นเรียกรถสาธารณะไม่ได้เลย เพราะยังเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้เจริญมากพอที่จะสามารถเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นได้ ระหว่างทางที่นั่งรถมากับพี่เขา พี่เขาก็เล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับปราณบุรีว่า “อำเภอเนี้ยถ้าไม่ได้ตั้งใจมาก็จะไม่รู้เลยว่ามีอยู่ เหมือนจะเป็นเมืองลับแล” เราฟังแล้วเราก็คิดตามว่า จริงนะ ถ้าเราไม่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ประจำวิชาก็ไม่ร็เลยว่าปราณบุรีมีสถานที่ที่น่ามาเที่ยวอยู่นะ ก็ฟังพี่เขาเล่าเพลิน ๆ ผ่านจุดไหนที่น่าสนใจ หรือมีประวัติพี่เขาก็จะเล่าให้ฟัง สักพักก็ถึงธนาคารปูม้า เป็นสถานที่แรกที่เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับ การอนุรักษ์ปูม้าไม่ให้สูญพันธุ์ ได้พี่จอยที่เป็นลูกเจ้าของธนาคารปูม้า ได้มาให้ความรู้และอธิบาย ว่าปูม้าแต่ละปีมีการวางไข่ 3 แสนถึง 1 ล้านฟองต่อปี แล้วแต่ขนาดตัวของปู และช่วงที่เราไปมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการลอกคราบของปูม้า เพื่อดูว่าช่วงไหนที่ปูม้าจะลอกคราบ ซึ่งที่นี่มีนักศึกษาจากหลายที่ ที่มาศึกษาเรียนรู้ พอได้มาเรียนรู้แล้วเนี่ย ก็ทำให้เรามีมุมมองในการกินปูม้าที่เปลี่ยนไป เช่น อย่ากินไข่ปูนอกกระดอง เพราะจะทำให้เราฆ่าลูกปูที่กำลังเกิดใหม่หลายแสนล้านตัว และปูม้าที่ขนาดไม่ถึง 10 ซม. เราควรปล่อยให้ปูได้เติบโตให้เต็มที่และไปสืบพันธุ์ก่อน การทำอย่างนี้ทำให้ปูไม่สูญพันธุ์  พี่จอยได้ให้ความรู้มากมาย และ พี่จอยยังแนะนำให้ไปนั่งเรือ เพื่อชมชุมชนแพเรือปากน้ำปราณ ทำให้เราได้ทราบถึงวิถีชีวิตชาวประมงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ สมัยก่อนยังเป็นคนในพื้นที่อยู่บริเวณนี้เยอะ แต่ตอนนี้ชาวต่างชาติย้ายเข้ามาเช่น เมียนมาร์ และระหว่างที่ล่องเรือได้เห็นป่าโกงกาง และวัดที่อยู่บนเขาเป็นสิ่งศักสิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือเป็นอย่างมาก คือเจ้าแม่กวนอิม ต่อมาเราจึงกลับมาที่ ที่พักเพื่อพักผ่อน โดยมีพี่จอยนำรถซาเล้งมาส่ง ระหว่างทางที่พี่เขามาส่ง ได้เห็นหาดปราณบุรียาวไปตลอดทาง บรรยากาศริมหาดมีลมพัดโกรกตลอดเวลา พี่จอยมีแนะนำว่า มีต้นตาลสามต้นนะ เป็นจุดเช็คอินที่ดังมากในปราณบุรี ใครมาก็ต้องถ่ายรูป เราเลยไปถ่ายรูปกันก่อนเข้าที่พัก ระหว่างที่ถ่าย พี่ตำรวจท่องเที่ยวในปราณบุรีก็มาช่วยถ่ายรูปให้เราด้วยนะ  รูปที่ได้นี่เลยจ้าา

ในช่วงตอนเย็นเรามาเดินตลาดกลางคืนริมหาดปราณบุรี ซึ่งพวกเราสามารถเดินไปได้ เพราะที่พักไม่ได้ไกลจากตลาดกลางคืนมาก ระหว่างเดินช่วงเย็น ๆ บรรยากาศดีมาก ได้รับลมทะเลและกลิ่นทะเลสดชื่นมาก เหมือนได้มาพักใจและรับความสงบจากการเรียนที่เหนื่อย และความวุ่นวายของกรุงเทพมหานคร ได้ใช้เวลาระหว่างเดินคุยกันไปกับเพื่อนโดยที่ไม่ได้เล่นมือถือ เป็นความรู้สึกที่พิเศษที่ได้ใช้เวลาในวัยเยาว์ร่วมกัน พอถึงตลาดของกินมีหลากหลายให้เลือกซื้อไม่ว่าจะเป็น หมึกย่าง ยำ ส้มตำ บาร์บีคิว ราคาทุกอย่างไม่แพง ถูกกว่ากรุงเทพมาก ทีเด็ดคือปลาหมึกปราณบุรี โอ้ยย อร่อยเกินนนน สมกับเป็นอาชีพหลักของที่นี่เพราะหมึกสดมาก กรึบๆ และไก่ย่างสีแดง หวานนุ่ม พูดละหิว อยากกลับไปปราณบุรี

ได้ของกันมาเต็มไม้เต็มมือ เดินกลับเช่นเคยแต่รอบนี้มีเพื่อนเพิ่มคือสุนัขที่เห่าหอน เหมือนจะมาสวบพวกเรา555555555555 ก็รีบย้ายมาเดินอีกฝั่งแทน ถึงที่พักก็นั่งรับประทานกันด้วยความหิวโหย เพราะหิวจริง ๆๆ ทานเสร็จก็แยกย้ายกันอาบน้ำไปพักผ่อน เตรียมตัวใช้ชีวิตในวันถัดไปป

DAY 2
เช้าวันที่ 2 เรานัดกันตื่นเวลาตี 5:50 เพราะในเช้าวันนั้นพระอาทิตย์จะขึ้นตอน 6:11นาที แนะนำให้เสิร์จข้อมูลการขึ้นของพระอาทิตย์ก่อนน้า จะได้ไม่ต้องตื่นมารอเก้อ พวกเราตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าที่พักกัน เพราะหน้าที่พักคือติดทะเลเลย ลมพัดเย็นสบายมาก ฟังเสียงคลื่นที่ทำให้ผ่อนคลาย อากาศดี และเป็นบรรยากาศที่ไม่สามารถหาได้ในกรุงเทพเลยยยยย
 
วันนี้เราได้ออกไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวรอบปราณบุรีกันหลายที่ ซึ่งเราก็ได้พี่จอย พี่เจ้าของธนาคารปูม้าได้ติดต่อรถซาเล้งของชุมชนให้มารับพวกเราตอนประมาณ 10 โมง ซึ่งที่ปราณบุรีจะไม่มีรถสาธารณะหรือกดเรียกจากแอป แต่จะเป็นการจ้างรถซาเล้งของชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีรายได้ ซึ่งเป็นการทำให้มีเงินหมุนเวียนชุมชน และการเป็นสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วยย
 
สถานที่แรกที่เราไปคือ ได้ไปดูการทำปลาหมึกตากแห้งที่เป็นอาชีพที่สร้างรายได้หลักให้คนในชุมชนปราณบุรี แต่เราโชคดีที่พี่เอ๋ (คนที่ขับซาเล้งพาเราเที่ยว) รู้จักกับบ้านที่ทำเกี่ยวกับปลาหมึกตากแห้ง วันนั้นพวกเราเลยได้เข้าไปดูขั้นตอนในการทำทั้งหมด ทั้งการคัดไซส์ ล้างทำความสะอาด บอกเลยว่าปลาหมึกสดน่ากินมาก พี่ๆที่ทำปลาหมึกก็น่ารักกันมาก แซวกันใหญ่ว่า “ถ่ายติดพี่ พี่จะดังกันแล้ว” เราก็ขำกัน พี่เค้าใจดีแล้วก็ตลกมากก นึกถึงแล้วก็ยังตลก เหมือนเป็นญาติสนิทกันมรตั้งแต่ชาติที่แล้ว5555555555

สถานที่ที่สองคือ วนอุทยานปราณบุรี ซึ่งเป็นอุทยานที่ทำการปลูกป่าชายเลนเพื่อการอนุรักษ์ และเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าชายเลน ในอุทยานจะมีเส้นทางให้ศึกษาธรรมชาติ และยังมีการนำสมุนไพรมาทำเป็นยาหอม ยาดม ยาหม่อง พิมเสน ซึ่งภายในอุทยานมีความร่มรื่น เย็นสบาย สามารถเดินได้เรื่อยๆ ไม่ร้อน อยากให้ทุกคนลองไปเยี่ยมชมกันดู!

และสถานที่สามคือ ร้านขนมถ้วยตะไลคุณยายชบา ซึ่งร้านขนมถ้วยตะไลคุณยายชบามี 2 สาขา คือที่ปราณบุรี และที่หัวหิน โดยที่ปราณบุรีคือสาขาแรก ขนมถ้วยที่ขายมีทั้งหมด 4 หน้า คือ หน้ากะทิสด หน้ามะพร้อมอ่อน หน้าสังขยา และหน้าถั่วเหลือง และยังมีน้ำมะพร้าว วุ้นมะพร้าวให้เลือกซื้ออีกด้วย อยากจะบอกว่าขนมในร้านนี้อร่อยทุกอย่างจริงๆ และเรื่องที่น่าตื่นเต้นคือ พวกเราทั้ง 4 คน ได้มีโอกาสลองหยอดกะทิใส่ถ้วยตะไลอีกด้วย พี่เจ้าของร้านใจดีมากๆ ให้ลองทำ แถมยังเลี้ยงน้ำมะพร้าวกับขนมถ้วยด้วยยยยย

เราไปต่อกันที่ วัดเก่าเขาน้อย(ปากน้ำปราณ) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งพวกเราทั้ง 4 คนต้องเดินเท่าขึ้นไป เพราะรถไม่สามารถขับขึ้นไปได้ แต่จริงๆก็ขับขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของรถ แต่รถที่เรานั่งเป็นรถซาเล้งบวกกับคนอีก 5 คน เลยเสี่ยงที่รถอาจจะคว่ำได้ ระยะทางขึ้นเขาไม่ไกลมาก แต่ก็เดินเหนื่อยอยู่นิดหน่อย เพราะแดดร้อน และเขามีความชัน แต่เมื่อขึ้นไปถึงข้างบน อากาศข้างบนเย็นสบายมากๆ วัดสวย โบสถ์สวย ข้างบนวัดสามารถมองเห็นวิวของเมืองปราณได้ด้วย และวัดเก่าเขาน้อยเป็นวัดที่มีสีสันหลากหลาย มีรูปปั้นของสัตว์ในวรรณคดีหลากหลายชนิด และภายในวัดก็สามารถร่วมทำบุญวัดได้ด้วย เช่น การบริจาคเงินช่วยค่าน้ำ-ค่าไฟของวัด ทำบุญวันเกิด ทำบุญเติมน้ำมันตะเกียง และยังมีการทำบุญอีกมากมายภายในวัด

และที่สุดท้ายของวันนี้นั่นก็คือออออออ เขากะโหลกกกกกกก เป็นหาดที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอำเภอปากน้ำปราณ เป็นหาดที่มีความสวยงามมากๆ เงียบสงบ ทรายนุ่มมากกกก และน้ำก็ยังใสมากๆ อ๋อออแล้วก็ด้านหลังของเขากะโหลกยังมีทางที่สามารถขึ้นไปดูธรรมชาติ และจุดชมวิว เป็นจุดเช็คอินของชายหาดและภูเขาที่สามารถมองเห็นวิวทะเลทั้งหมดจากด้านบนได้ ซึ่งทางที่มายังหาดเขากะโหลกก็ไม่ยากเลยค่ะ สามารถขับรถมาได้เลย ตามถนนหลัก ขอบอกเลยว่าถ้ามาที่หาดนี้ จะได้ปล่อยจอย ปล่อยใจไปกับคลื่นทะเล

ค่ะและทริปทั้งหมดของวันที่สองเราก็ได้นั่งรถซาเล้งที่ติดต่อมาจากชุมชนปราณบุรี ซึ่งราคาของการเช่ารถซาเล้งคือ 250/ชั่วโมง ตลอดการเช่าก็คือจะสามารถไปไหนก็ได้เลยค่ะ รับรองว่าฟินนนน และตอนเย็นเราก็ซ้ำที่ตลาดหน้าชายหาดเหมือนเดิม ตลาดนี้ของกินเยอะมากกก ราคาดี อาหารถูกปาก ฟินนนนนนน

(ต่อ)
ชื่อสินค้า:   รีวิวปราณบุรีปี 2025 ใน 3วัน2คืน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่