เลิกกับแฟนเพราะแฟนเชื่อว่าผมมีคนอื่น

ก่อนอื่นต้อง บอกก่อนว่าผมกับแฟนเก่า ก่อนหน้านี้ประกอบทำธุรกิจร่วมกันมาซึ่งธุรกิจก็ค่อนข้างจะ ไปในทางที่ดี แต่แล้วก็ต้องสะดุดเมื่อแฟนผมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ตอนนั้นก็ยอมรับตามตรงว่าผมยังเด็กและก็ไม่มีความสามารถในการบริหาร หลังจากแฟนเสียได้ 6 เดือนผมก็ตัดสินใจขายกิจการทิ้งทั้งหมด
.
ถามว่าผมใช้ชีวิตยังไงต่อก็ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์เงินเดือนธรรมดาทั่วไปหางานทำ ทำงาน  ย้ายบริษัทโน้นทีบริษัทนี้ที จนมาเจอกับแฟนคนนี้ ในตอนนั้นชีวิตผมไม่ต้องการอะไรมากไม่ต้องสวยไม่ต้องรวยขอแค่เข้าใจกันและอยู่ด้วยกันได้ก็พอ ซึ่งเราสองคนก็อยู่ด้วยกันได้ดี ซึ่งปัญหาเดียวที่เจอในตอนนั้นคือเธอชอบส่งเงินไปให้พ่อแม่ที่บ้าน  โดยบอกว่าพ่อแม่อายุเยอะแล้วทำงานไม่ไหวซึ่งผมก็ไม่ติดอะไรสักพักเธอก็ย้ายมาอยู่กับผมที่ห้อง เช่า ทุกอย่างผมเป็นคนจ่าย ผมคบกับเธอได้ประมาณสามปีก็ตกลงมีลูกด้วยกัน ปัญหาทุกอย่างก็เริ่มต้นจากจุดนี้  
.
เธอเอาลูกกลับไปเลี้ยงที่บ้านโดยบอกว่าจะให้ตากะยายช่วยกันดู  ซึ่งผมก็ตกลงไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่บ้านเธออยู่ค่อนข้างไกลจากที่ทำงานมากหลังจากเที่ยวไปเที่ยวมาหลายรอบเธอบอกให้ผมลาออกจากที่ทำงานแล้วไปหางานทำใกล้บ้าน ซึ่งแน่นอนตอนนั้นผมมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการลาออก พอไปหางานทำแถวบ้าน ค่าแรงต่างจังหวัดมันไม่ได้ดีเหมือนในกรุงเทพ แต่ไม่เป็นไรผมก็พยายามอดทนทำงานแล้วก็พยามหาธุรกิจอื่นทำ
.
แต่พอมาอยู่ที่บ้านจริงๆผมรู้ว่าบ้านเธอเป็นหนี้อยู่ประมาณ  250k ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหา แล้วเธอก็อยากสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ ตอนนั้นประกอบกับลูกยังเล็กก็เลยคิดว่ายังไงก็ต้องตัดสินใจทำ ต่อจากนั้นปัญหาก็ตามมาติด ๆ พ่อกับแม่เธอชอบไปสร้างนี้ ไว้ตรงโน้นตรงนี้ 1000 นึงบ้าง 2000 บาท ซึ่งผมตามใช้จนบางครั้งก็ต้องบอกกับแฟนตรงตรงไปว่ามันเยอะเกินไปจนไม่ไหว จนครั้งท้ายสุดพ่อเธอไปสร้างนี่เกี่ยวกับธุรกิจอะไรซักอย่าง 150k  ซึ่งผมก็ไม่รู้ต้องแก้ปัญหายังไงจึงต้องคว้าเงินเก็บที่สำรองไว้จ่ายไป ตอนนั้นรู้สึกไม่มีตังค์เหลือติดตัวสักบาทคือมีแค่เงินซื้อข้าววันละ 20 บาทเท่านั้น จึงบอกกับเขาแล้วก็ขอไปทำธุรกิจกับเพื่อนที่เคยทำด้วยกันเมื่อก่อน
.
ผมตัดสินใจย้ายออกมา มาของานทำ กับเพื่อนที่เคยทำธุรกิจด้วยกัน ตอนนั้นเพื่อนให้ไปช่วยกิจการหนึ่ง หลังจากทำไปได้ซักระยะ ก็ได้จ้างเลขาเข้ามาสองคน ชื่อเอกับบี เอทำหน้าที่คุมที่ร้าน ดูเงินดูบัญชีดูลูกน้องดูทุกอย่าง ส่วนบีเหมือนเลขาตามผมไปทุกที่  ซึ่งเอาเข้าจริง บีนั้นใช้ชีวิตเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของผมเลยไปไหนไปกันนอนโรงแรมก็แทบจะนอนห้องเดียวกันซึ่งผมก็รู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะแต่เราก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน เพราะตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้มีเงินมากพอขนาดมาซัพพอร์ตให้ทุกเรื่อง
.
ต่อมาแฟนผมมาเอาตัง ถึงที่ทำงาน  ซึ่งที่ทำงานผมห่างจากบ้านแฟนประมาณ 600 กิโล ตอนนั้นเธอไปยืมตังค์ไปประมาณ 85k เอ ที่คุมการเงินอยู่ก็ให้ไป ต่อจากนั้นอีกประมาณหกเดือนเธอก็มายืมตังค์อีก 320k ตอนนั้นก็มีปากมีเสียงกับเอ แต่ผมก็บอกให้เอจ่ายให้เขาไป ซึ่งแน่นอนเอไม่พอใจมาก จนครั้งท้ายสุดที่มาคือขอ 150k แต่ครั้งนั้นเอไม่ได้ให้ไป เธอบอกว่าจะฟ้องผมว่าผมกะเอคบหากันคือเอเป็นใครทำไมใหญ่มากขนาดนั้นประมาณว่าเป็นเมียผมอีกคนนึงหรอถึงมีอำนาจตัดสินใจทุกอย่าง ซึ่งตอนนั้นผมก็งงมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผมกับ บีตัวติดกันมากกว่าอีก ผมมองว่ามันเไม่ป็นสาระสำคัญ จากคำพูดที่ผมไม่ค่อยได้สนใจจนกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต จนท้ายสุดเธอก็ขอหย่า แล้วเอาลูกไปเลี้ยงส่วนหนี้สินทั้งหมดเธอก็ให้ผมเป็นคนชดใช้ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าหนี้มันบานมาจากไหนจากเดิมทีที่น่าจะมีแค่ค่าบ้าน แต่ตอนนี้หนี้สินกว่าสามล้านบาทก็มาอยู่ที่ผม
.
ต่อมาเธอเลิกกับผมได้ไม่นานเธอก็คบแฟนใหม่ซึ่งผมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินในชีวิตลูก สิ่งเดียวที่ผมผูกพันกับลูกก็คือหนี้สินที่ผมต้องใช้  จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมาหลาย 10 ปี ละ ผมมีแฟนใหม่มีครอบครัวใหม่มีลูก วันนี้เป็นวันที่ผมน่าจะมีอายุเท่ากับพ่อแม่เขาในวันที่เจอกันวันแรกและผมก็ยังคงทำงานอยู่ไม่ได้แก่จนทำงานไม่ได้เหมือนพ่อแม่เขา
.
ผมไม่รู้ว่าเรื่องของผมจะเป็นอุทาหรณ์ได้ไหมแต่อยาก เล่าให้คนที่คิดจะมีแฟนฉุดคิดขึ้นมาได้บ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่