SAAB พร้อมให้กองทัพอากาศไทย ได้เข้าถึงระบบAI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของGripen E
Robert Hewson ผู้อำนวยการด้านสื่อสารองค์กร บริษัทSAAB แห่งสวีเดน ได้บรรยายสรุปความก้าวหน้าและเทคโนโลยีใหม่ของเครื่องบินรบแบบ Gripen EในDefense&Security2025 โดยเน้นยำคุณลักษณะที่ล้ำหน้า และสามารถพัฒนาสมรรถนะในการปฏิบัติงานในการรบทางอากาศยุคใหม่ ที่Gripen E ที่สามารถปรับแต่ง และเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ด้วยงบประมาณ
ที่กองทัพอากาศที่เลือกGipen E เข้าประจำการล้วนเข้าถึงได้
จากความสำเร็จในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ(AI) ในโครงการ Project Beyond ที่ใช้เวลาเพียง6เดือน SAABสามารถอัพโหลดระบบAI ลงในGripenEเครื่องทดสอบ และเริ่มทำการบินทดสอบระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ เพื่อประเมินค่าผลการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างนักบิน
และระบบAi
ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นน่าทึ่งมาก เพราะระบบAiสามารถเรียนรู้การควบคุมการบินได้อย่างรวดเร็ว จากเที่ยวบินแรกที่Ai ยังควบคุมการบินได้ในระดับพื้นฐาน แต่เมื่อทำการบินมากขึ้น ระบบAi สามารถเรียนรู้เทคนิคการบินทางยุทธวิธีได้อย่างรวดเร็ว จนนักบินสามารถละการควบคุม เพื่อให้Aiได้ควบคุมเครื่องปฏิบัติภารกิจทั้งการโจมตีเป้าหมายภาคพื้น และการบินรบในอากาศได้ด้วยตัวเองอย่างสมบูรณ์ อันเป็นการบรรลุกรอบการทดสอบในขั้นแรกได้แล้ว
การทดลองประเมินค่าในลำดับต่อไปคือ พารพิสูจน์ว่า ระบบAI จะสามารถเอาชนะนักบินในเครื่องบินรบ เมื่อเข้าสู่การรบทางอากาศในระยะไกลเกินสายตา(BVR)ได้หรือไม่?
ควบคู่ไปกับการพัฒนาGripen E SAAB ยังเร่งพัฒนา ระบบการปฏิบัติงานร่วมกับยานโดรนรบรุ่นใหม MUM-T (Manned-Unmanned Teaming) อันเป็นระบบที่นักบินจะทำงานร่วมกับอากาศยานไร้นักบินอย่างใกล้ชิด โดยSAABได้เปิดเผยภาพของยานMUM-Tรุ่นใหม่ ที่จะปฏิบัติการควบคู่ไปกับGripen E ได้ในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากนี้ในช่วงการตอบคำถามจากผู้ร่วมฟังการบรรยาย ถึงการตรวจจับอากาศยานยุคใหม่ ที่มีคุณลักษณะลดการตรวจจับด้วยเรดาร์ หากไม่สามารถตรวจจับได้แล้วจะทำการต่อต้านอากาสยานเหล่านี้ได้อย่างไร? คุณ Robert Hewson ได้กล่าวว่า “Invincible can be seen” โดยเขาได้ยืนยันว่า ด้วยประสบการณ์และเทคโนโลยีของSAAB ในฐานผู้ผลิตเรดาร์ชั้นนำของโลก เราสามารถกล่าวได้ว่าเรามีเทคโนโลยีในการตรวจจับที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่อากาศยานที่มีคุณลักษณะลดการตรวจจับเหล่านี้ ก็ยังมีช่องว่างให้สามารถตรวจจับได้ แต่เทคโนโลยีการตรวจจับก็สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วกว่า ความเชื่อมั่นว่าความสามารถในการซ่อนเร้นจากการตรวจจับที่มีอยู่ในตอนนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ล้าหลังได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
กับคำถามของDefense Info ถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาซอฟท์แวร์Ai ของGripen E เมื่อผ่านขั้นตอนการทดสอบจนพร้อมปฏิบัติงานแล้ว SAAB พร้อมจะเสนอเทคโนโลยีให้กับกองทัพอากาศไทยหรือไม่? คำตอบคือ แน่นอนที่สุด เพราะGripen E ที่กองทัพอากาศไทยได้สั่งซื้อไป คือแพลทฟอร์มที่สามารถรองรับการปฏิบัติงานAI นี้ได้ทันที
และนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้กองทัพอากาศไทยเป็นชาติแรกๆที่มีขีดความสามารถปฏิบัติงานการรบทางอากาศร่วมกับระบบAi ได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่นเดียวกับระบบMUM-T อันจะเป็นทางเลือก ที่กลุ่มผู้ใช้เครื่องบินรบGripen E สามารถปรับแต่งเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ให้ตรงกับความต้องการของตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องจัดหาอากาศยานแบบใหม่ เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
The Military Insight นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีการทหารทั้งไทยและต่างประเทศ
เครดิต เพจ Defense Info TH
SAAB พร้อมให้กองทัพอากาศไทย (ได้เข้าถึงระบบAI )เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของGripen E