บนรางเหล็กหว่างไม้หมอนที่ทอดวาง
มีช่องว่างโรยหินตรึงระยะห่าง
เนิ่นนานผ่านแดดฝนกล่นกลางทาง
ไม่แรมร้างชีพสีเขียวเรียวดอกใบ
อยู่ตรงโน้น ตรงนี้ อยู่ตรงนั้น
อัศจรรย์เงยงอกหยอกไถง (=ดวงอาทิตย์)
สังเคราะห์แสงแปลงสร้างกอใกล้ไกล
ผลิดอกดวงม่วงน้ำใจให้โลกงาม
มิใช่ดอกกุหลาบซาบคุณค่า
มะลิลาจำปาบัวสยาม
ไม่มีใครใช้บูชาเอื้อนเอ่ยนาม
อย่ามองข้ามยามแย้มยลมีมนตรา
เพียงเศษเสี้ยววินาทีก่อนเลยผ่าน
หวานแผ่ซ่านสุขใจเจิดแจ่มจ้า
เบือนอารมณ์ขมขมตรมอุรา
ไม่อาจหาถ้อยคำอธิบาย
เมื่อม้าเหล็กควบหัวจักรโจนทะยาน
เบื้องล่างผ่านช่อชีพกลีบสยาย
อาจช้ำชอกดอกใบให้ระคาย
แต่สุดท้ายยังยืนหยัดวัดหัวใจ
ท่ามกลางสายเส้นทางการรับส่ง
ผู้คนคงคร่ำเคร่งคอยเมื่อไหร่
ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้
จะมีใครนึกถึงเจ้า ณ หว่างราง
.
.
.
>>>ดอกไม้หว่างราง<<<
บนรางเหล็กหว่างไม้หมอนที่ทอดวาง
มีช่องว่างโรยหินตรึงระยะห่าง
เนิ่นนานผ่านแดดฝนกล่นกลางทาง
ไม่แรมร้างชีพสีเขียวเรียวดอกใบ
อยู่ตรงโน้น ตรงนี้ อยู่ตรงนั้น
อัศจรรย์เงยงอกหยอกไถง (=ดวงอาทิตย์)
สังเคราะห์แสงแปลงสร้างกอใกล้ไกล
ผลิดอกดวงม่วงน้ำใจให้โลกงาม
มิใช่ดอกกุหลาบซาบคุณค่า
มะลิลาจำปาบัวสยาม
ไม่มีใครใช้บูชาเอื้อนเอ่ยนาม
อย่ามองข้ามยามแย้มยลมีมนตรา
เพียงเศษเสี้ยววินาทีก่อนเลยผ่าน
หวานแผ่ซ่านสุขใจเจิดแจ่มจ้า
เบือนอารมณ์ขมขมตรมอุรา
ไม่อาจหาถ้อยคำอธิบาย
เมื่อม้าเหล็กควบหัวจักรโจนทะยาน
เบื้องล่างผ่านช่อชีพกลีบสยาย
อาจช้ำชอกดอกใบให้ระคาย
แต่สุดท้ายยังยืนหยัดวัดหัวใจ
ท่ามกลางสายเส้นทางการรับส่ง
ผู้คนคงคร่ำเคร่งคอยเมื่อไหร่
ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้
จะมีใครนึกถึงเจ้า ณ หว่างราง
.
.
.