เลือดออกจากช่องคลอดหลังจากที่กินยาฆ่าเชื้อ

สวัสดีค่ะ คือเรามีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์เสร็จ ท้องตึงท้องป่องดูอ้วนขึ้นมาผิดปกติ ไม่สามารถขยับซ้ายหรือขวาได้ทำได้แคหงายและตอนยืนก็ต้องงอตัว เราจึงไปหาหมอเมื่อวันที่10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ไปหาหมอ หมอได้การตรงจวจภายในและตรวจมะเร็งปากมดลูก หลังจากที่ตรวจเสร็จหมอ หมอได้จ่ายยาซ่าเชื้อมาให้กิน หลังจากนั้น1วันเราได้มีอาการเลือดออก เลือดเป็นสีแดงสดและกลิ่นไม่ใช่ประจำเดือน อาการปวดท้องไม่หาย
อยากทราบว่าเป็นปกติรึเปล่าคะที่กินยาแล้วเลือดจะออกเพราะไปปรับฮอโมน มีใครเคยเป็นเหมือนเรามาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ
ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 1
ช่วยตอบคำถามหน่อย ช่วยตอบให้ครบทุกข้อ ถ้ามีเล่าเพิ่มเติมด้วยยิ่งดี
1. อายุเท่าไร
2. ที่เล่ามาเป็นเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในชีวิตหรือเปล่า
3. วันที่มีเพศสัมพันธ์ ได้ป้องกันการตั้งครรภ์หรือไม่ อย่างไร
4. เลือดออกหลังเพศสัมพันธ์กี่วัน
5.จากวันมีเพศสัมพันธ์ นับถึงวันนี้ กี่วันมาแล้ว
6.วันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย วันที่…เดือน….2568
ความคิดเห็นที่ 5
ประวัติ จขกท
- อายุ 21 ปี
- มีเพศสัมพันธ์มาหลายครั้งแล้ว
- ประจำเดือนครั้งสุดท้าย 5-6 ของเดือนทีแล้ว (คือเดือนตุลาคม?) ดังนั้นประจำเดือนพฤศจิกายนเลยกำหนดมา 7 วันแล้ว (นับถึงวันนี้)
- ตั้งแต่หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายซึ่งไม่ได้ป้องกัน ปวดท้องมาก ไปตรวจภายใน ได้ยาฆ่าเชื้อมากิน จากนั้นมีเลือดออกวันที่ 10 พฤศจิกายน ซึ่งซึ่งเป็นวันหลังจากเพศสัมพันธ์ 1 วัน
- ยาฆ่าเชื้อ ไม่เคยทำให้เกิดเลือดออกทางช่องคลอด
- เพศสัมพันธ์ครั้งที่เกิดเรื่องนี้ ไม่ได้ป้องกัน สันนิษฐานว่าครั้งอื่นๆก็น่าจะไม่ป้องกันด้วย

รายการปัญหา
1.หญิงวัยเจริญพันธุ์
2.มีเพศสัมพันธ์แล้ว โดยไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์
3.ประจำเดือนเลยกำหนด 7 วัน (นับถึงวันนี้)
4.เจ็บท้อง และเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ วันที่ 9 พย
5.ไม่เคยเจ็บ และเลือดออกหลังเพศสัมพันธ์ มาก่อน

ความน่าจะเป็น
ตั้งครรภ์ แล้วเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอาจจะเป็น
1. ท้องนอกมดลูก
2. ปีกมดลูกบิด
3. ถุงน้ำคอร์ปัสลูเตียม แตก

สิ่งที่ควรทำ
ไปพบกับสูตินรีแพทย์ อีกครั้ง ตอนนี้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่