การแข่งขันเพื่อบรรลุ AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ได้ผลักดันให้ผู้ผลิตต่างๆ ลงทุนและสร้างศูนย์ข้อมูลในอัตราที่สูงกว่าศักยภาพของเราอย่างมาก ผู้ผลิตกำลังดิ้นรนเพื่อให้ทันกับความต้องการ AI และการขาดแคลน DRAM อย่างต่อเนื่องก็เป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งนี้ โดยชุดหน่วยความจำมีราคาสูงกว่าสองเท่าของราคาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ปัจจุบันDigiTimesรายงานว่าระบบจัดเก็บข้อมูลก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยระยะเวลาการจัดส่ง HDD ระดับ องค์กรล่าช้าไปสองปี
นั่นหมายความว่าหากบริษัทต้องการซื้อฮาร์ดไดรฟ์ความจุสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ Near-line บริษัทจะต้องรอถึง 24 เดือนเนื่องจากระยะเวลารอคอยที่ยาวนาน
ดังจะเห็นได้จากกระแสข่าวที่ออกมา เงินทุนจาก AI ไม่ได้รอใคร ดังนั้นผู้ผลิตไฮเปอร์สเกลจึงหันมาใช้ SSD แบบ QLC NAND เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร การเลือก QLC แทน TLC ช่วยให้บริษัทสามารถรักษาต้นทุนได้ พร้อมกับมีอายุการใช้งานที่เพียงพอสำหรับการจัดเก็บแบบ Cold Storage
อย่างไรก็ตาม การกักตุน QLC NAND ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลน เนื่องจากผู้ให้บริการคลาวด์ทุกรายในอเมริกาเหนือและจีนกำลังเข้าคิวซื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่ราคา SSD ที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก เนื่องจากโมเดลที่เน้นความคุ้มค่าส่วนใหญ่ใช้ QLC เพื่อประหยัดต้นทุน อันที่จริง DigiTimes อ้างว่ากำลังการผลิต QLC ถูกจองเต็มแล้วจนถึงปี 2026 โดยผู้ผลิต NAND บางราย
#ฮาร์ดดิสก์ แต่กำลังเพิ่มยอดให้ SSD แทน KeyPoint
ฮาร์ดดิสก์ขาดตลาดยาว 2 ปี ราคาขยับขึ้น 30% รับดีมานด์ดาต้าเซ็นเตอร์