JJNY : “สว.อังคณา”โพสต์แล้ว│ทหารเหยียบระเบิดหวั่นปะทะอีก│มวลน้ำจากภาคเหนือตอนบนไหลเติมน้ำยม│วุฒิสภาสหรัฐโหวตยุติชัตดาวน์

.

.

.

นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทย 4 นาย เหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะลาดตระเวนบริเวณชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา

.

โดยนางอังคณา ได้แชร์ภาพข่าวจากเพจ กรรมกรข่าว ซึ่งเป็นภาพเจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบทุ่นระเบิด พร้อมกับข่าวที่มีการระบุว่า “ชัดเจน! กองทัพบกยืนยันเหตุระเบิดห้วยตามาเรีย เป็นการลักลอบรื้อถอนลวดหนามเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตไทย  

.

นางอังคณา โพสต์ว่า การลักลอบรื้อลวดหนามเพื่อเข้ามาฝังทุ่นระเบิดใหม่ ถือเป็นการผิดข้อตกลง ปฏิญญาร่วม 26 ตุลาคม และขัดอนุสัญญาออตตาวา ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียหายและครอบครัวค่ะ

.

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ สว.อังคณา เพิ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรณีออกมาแสดงความคิดเห็นต่ออินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่ง ที่นำรถเครื่องเสียงไปเปิดเสียงดังเพื่อกดดันชาวกัมพูชา ในพื้นที่พิพาทบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว

.

ขณะที่ ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.พรรคประชาชน ก็มีการแสดงความเห็นเพิ่มเติมในเอ็กซ์ หรือ ทวิตเตอร์

.

"ขอประนามการวางกับระเบิดในพื้นที่ชายแดนจนทำให้ทหารที่ไทยต้องบาดเจ็บอีก และหากจะมีการตอบโต้ ผมเสนอให้รัฐบาลอายัดทรัพย์พวกสแกมเมอร์และที่ปรึกษาฮุนเซนที่อยู่ในไทยโดยเร็วครับ โดยเริ่มจากรายชื่อที่ USAคว่ำบาตรก่อนเลย"

.

.

.

.

ชาวบ้านในพื้นที่ก็หวั่นว่าจะมีการปะทะอีกรอบ เร่งเก็บเกี่ยวข้าวให้เสร็จ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเตรียมลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบ่ายวันนี้ 
.
วันนี้ (11 พ.ย. 68) ชาวบ้านตามแนวชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ เร่งทำการเกี่ยวข้าวให้เสร็จ เพราะหลายคนไม่วางใจในสถานการณ์ หลัง จ.ส.อ. เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ หรือ จ่าอ็อด เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย เป็นเหตุให้ข้อเท้าขวาขาด
.
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายยัน พันธ์วิลัย หนึ่งในชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับเขาพระวิหาร เปิดใจกับทีมข่าวว่า เหตุการณ์นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่อแววเกิดการปะทะกันอีกครั้ง ซึ่งเห็นด้วยที่จะต้องดำเนินการให้เบ็ดเสร็จ เพราะการเจรจาไม่เคยยุติปัญหาได้ เพราะหากไม่ดำเนินการตอบโต้อีกไม่กี่ปีข้างหน้าเดี๋ยวปัญหา เดิมก็จะวนกลับมา
.
ยอมรับว่าช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเบาใจเรื่องสถานการณ์ เพราะดูท่าทีทั้งสองฝ่ายน่าจะตกลงกันได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ทำให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจ การเจรจาไม่เป็นผล
.
ส่วนตัวรู้สึกเบื่อหน่ายกับสถานการณ์ ที่ทางการยังไม่สามารถจัดการให้เบ็ดเสร็จได้ ในใจคิดว่าอยากจะขายบ้าน ออกไปอยู่ห่างไกลชายแดน เพราะสงสารลูกเด็กเล็กแดงที่ต้องอพยพอยู่บ่อยครั้ง
.
ยัน พันธ์วิลัย ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย กล่าวว่า “อยากขายบ้านหนีเลย ในใจอยากให้จัดการให้เด็ดขาดเป็นห่วงลูกหลาน   ไม่ดำเนินการเดี๋ยวอีกไม่กี่ปีมันก็จะกลับมาแบบนี้”

.

.

.

พิจิตร-วันที่ 11 พฤศจิกายน สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพิจิตร ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้มวลน้ำในแม่น้ำยมนั้นเริ่มที่จะลดระดับลงบ้างบางพื้นที่นั้น แต่พอมาได้รับอิทธิพลจากพายุคัลแมกี ที่ผ่านส่งผลกระทบให้มีฝนตกหนักมีมวลน้ำสะสมในพื้นที่ท่วมขังเดิมอยู่ค่อนข้างมาก ประกอบกับมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดสุโขทัย และมวลน้ำจากทุ่งบางระกำจังหวัดพิษณุโลก ไหลบ่าลงมาตามลำน้ำยมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีน้ำจากลำคลองสาขาจากด้านจังหวัดกำแพงเพชรไหลสมทบเข้ามา ส่งผลให้ระดับน้ำท่วมเดิมก่อนหน้านี้นั้น กลับมาท่วมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

.

โดยเฉพาะแม่น้ำยม ที่ไหลผ่านจังหวัดพิจิตร 4 อำเภอ คืออำเภอสามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง และอำเภอโพทะเล โดยในขณะนี้ยังคงมีน้ำภท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ 2 ฝั่งแม่น้ำจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวบ้านจระเข้ผอม หมู่ที่ 1 ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ที่ยังต้องเผชิญกับน้ำท่วมขัง ยาวนาน 3-4 เดือน

.

ซึ่งชาวบ้านรายหนึ่งบอกว่า น้ำท่วมขังปีนี้แม้จะไม่ถึงปี 2554 แต่ก็มีปริมาณมาก และท่วมขังยาวนานเกือบ 4 เดือนแล้ว สิ่งที่ชาวบ้านลำบากคือการเดินทางเข้าออกบ้าน เพราะถนนในหมู่บ้านยังถูกน้ำท่วมขัง ชาวบ้านยังคงต้องใช้เรือพายออกมาใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับน้ำแม่น้ำยมที่เหล่านี้จะไหลไปประจบกับแม่น้ำน่าน ที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ และไปประจบกับแม่น้ำปิง และแม่น้ำวัง เป็นแม่น้ำเจ้าพะยาต่อไป