วธ. วางแผนนำ CPOT ขึ้น POP-UP Store ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง สนับสนุน ส่งเสริมผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยสู่ระดับโลก พร้อมผุดแนวคิดจัดทำ “แคตาล็อก CPOT” นำเสนอเป็นของขวัญปีใหม่ และแนะผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 2 กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
นางสาวซาบีดา เปิดเผยว่า ในการประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับทราบผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ตามนโยบายยกระดับสินค้าและบริการที่เกิดจากภูมิปัญญาจากวัฒนธรรมพื้นบ้าน (Folk Culture) หรือภูมิปัญญาจากวัฒนธรรมท้องถิ่น (Vernacular Culture) ให้มีความร่วมสมัย มีมาตรฐาน และสามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน ทั้งนี้ คณะทำงานได้กำหนดแผนดำเนินงานระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2568 ถึงกันยายน 2569 มุ่งพัฒนาภาพลักษณ์และการขับเคลื่อน CPOT โดยเน้นเสริมสร้างอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Brand Corporate Identity) พัฒนาช่องทางจำหน่ายผ่านระบบ e-Commerce และต่อยอดผลิตภัณฑ์ประเภทจักสาน พร้อมทั้งจัดมหกรรมผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT Fair) การอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 รวมถึงมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับนักออกแบบชื่อดัง อาทิ ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินศิลปาธร
นางสาวซาบีดา กล่าวต่อว่า วธ. ยังเตรียมจัดงานเปิดตัว “CPOT” เพื่อสร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยจะมีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ พร้อมกิจกรรม Workshop ในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับร้านค้าและแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อขยายตลาด ดำเนินโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าและบริการทางวัฒนธรรมไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ภายใต้ชื่อ “CPOT POP-UP Store” เพื่อเผยแพร่สินค้าไทยสู่สายตาชาวไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 วธ. เตรียมจัดทำ “แคตาล็อก CPOT” เพื่อเผยแพร่ในหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ทั่วโลก นำเสนอผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยเป็นของขวัญปีใหม่ สะท้อนภูมิปัญญาและความภาคภูมิใจของคนไทย พร้อมกันนี้ ยังมีแผนในอนาคตที่จะนำผลิตภัณฑ์ CPOT เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 2 เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ สนับสนุนการอุดหนุนสินค้าวัฒนธรรมไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวสรุปว่า การผลักดันโครงการ CPOT ถือเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนนโยบาย “ไท ไทย” เพื่อแปลงทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นพลังทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สร้างรายได้ให้กับชุมชน และยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในเวทีโลกอย่างมั่นคง
วธ. วางแผนนำ CPOT ขึ้น POP-UP Store ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง สนับสนุน ส่งเสริมผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยสู่ระดับโลก
นางสาวซาบีดา เปิดเผยว่า ในการประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับทราบผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ตามนโยบายยกระดับสินค้าและบริการที่เกิดจากภูมิปัญญาจากวัฒนธรรมพื้นบ้าน (Folk Culture) หรือภูมิปัญญาจากวัฒนธรรมท้องถิ่น (Vernacular Culture) ให้มีความร่วมสมัย มีมาตรฐาน และสามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน ทั้งนี้ คณะทำงานได้กำหนดแผนดำเนินงานระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2568 ถึงกันยายน 2569 มุ่งพัฒนาภาพลักษณ์และการขับเคลื่อน CPOT โดยเน้นเสริมสร้างอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Brand Corporate Identity) พัฒนาช่องทางจำหน่ายผ่านระบบ e-Commerce และต่อยอดผลิตภัณฑ์ประเภทจักสาน พร้อมทั้งจัดมหกรรมผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT Fair) การอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 รวมถึงมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับนักออกแบบชื่อดัง อาทิ ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินศิลปาธร
นางสาวซาบีดา กล่าวต่อว่า วธ. ยังเตรียมจัดงานเปิดตัว “CPOT” เพื่อสร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยจะมีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ พร้อมกิจกรรม Workshop ในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับร้านค้าและแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อขยายตลาด ดำเนินโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าและบริการทางวัฒนธรรมไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ภายใต้ชื่อ “CPOT POP-UP Store” เพื่อเผยแพร่สินค้าไทยสู่สายตาชาวไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 วธ. เตรียมจัดทำ “แคตาล็อก CPOT” เพื่อเผยแพร่ในหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ทั่วโลก นำเสนอผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยเป็นของขวัญปีใหม่ สะท้อนภูมิปัญญาและความภาคภูมิใจของคนไทย พร้อมกันนี้ ยังมีแผนในอนาคตที่จะนำผลิตภัณฑ์ CPOT เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 2 เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ สนับสนุนการอุดหนุนสินค้าวัฒนธรรมไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวสรุปว่า การผลักดันโครงการ CPOT ถือเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนนโยบาย “ไท ไทย” เพื่อแปลงทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นพลังทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สร้างรายได้ให้กับชุมชน และยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในเวทีโลกอย่างมั่นคง