(อย่างแรกเลยอยากให้ทุกคนอ่านให้ครบก่อนแล้วค่อยคอมเม้นนะคะขอบคุณมากค่ะ)
ต้องบอกก่อนว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านเช่าที่ก็ไม่ได้ใหญ่อะไร เป็นบ้านที่มีห้องนอนแค่2ห้อง ตอนนี้คนในบ้านมีพ่อแม่ มีพี่สาวเรา2คน มีเราและหลานอีก2
(พี่สาวคนโตมีผัวแล้วมีลูกแล้ว1คน เป็น3คน) (พี่สาวคนที่2คนนี้คือคนที่กำลังมีประเด็นอยู่)มีลูกติด1คนกับแฟนเก่าเลิกกันแล้วและตอนนี้ก็มีแฟนใหม่ซึ่งคือคนที่เราจะพูดถึงในวันนี้ (สรุปรวมคนในบ้านเล็กๆนี้ 8 คน) ยังไม่นับแฟนใหม่พี่คนที่2
เนื่องจากห้องนอนไม่พอจึงต้องแบ่งห้องนั่งเล่นส่วนกลางทำเป็นห้องนอน โดยการเอาผ้าม่านมาทำเป็นกำแพงกั้นห้องระหว่างเรากับพี่คนที่2 ในห้องจะแคบและมีแค่เตียงเท่านั้น
ประเด็นคือพี่สาวคนที่2ต้องการจะเอาแฟนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย แต่ด้วยความที่บ้านมันเต็มแล้วและมันก็ไม่เป็นส่วนตัว ห้องของเขากับห้องของเราเป็นแค่ผ้าบางๆที่กั้นห้องไว้เท่านั้น เวลาเราอาบน้ำเสร็จก็ต้องเดินสวนกับแฟนพี่สาวแล้วมันอึดอัด เวลาที่เขาจะเอากันมันก็จะมีเสียงต่างๆนาๆ ซึ่งเราก็ต้องคอยใส่หูฟังตลอด พวกเขาคุยกันเสียงค่อนข้างดังและไม่เกรงใจเราเวลาที่เราหลับอยู่เราก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเขาวัน พอเราทนไม่ไหวฉันก็เลยตัดสินใจคุยตรงๆ เขาก็ฟัง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรยังทำอยู่เหมือนเดิม
ทีนี้เราทนไม่ไหวแล้วเราไม่ต้องการให้แฟนพี่คนนี้มาอยู่บ้านนี้แล้ว อีกอย่างบ้านมันก็เต็มแล้วอ่ะ เลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับพ่อแม่ พ่อแม่ก็ไปช่วยคุยให้หลังจากนั้นเขาก็ยอมไม่นอนที่นี่แล้วพี่สาวเราเลือกไปนอนที่บ้านแฟนเขาแทน ทุกคนคิดว่ามันก็ควรจะจบแค่นี้ใช่ไหม แต่ไม่ใช่ค่ะ
ตอนกลางคืนเขาไปนอนที่นั่นก็จริง แต่เขาเอาลูกเขาไว้ที่นี่ไม่ได้เอาลูกไปด้วยคนที่นี่ก็ช่วยๆกันเลี้ยง พอ6โมงเช้าเขาก็กลับมาคุยเสียงดังในห้องนี้กันเหมือนเดิมเพราะพี่สาวต้องเอาลูกไปโรงเรียน แต่เขาอยู่คุยกันจนเราตื่นจนไปส่งลูก สรุปเราปวดหัวเหมือนเดิม...มีค่าเท่าเดิม
เขาไปนอนที่นู้น แต่มาอาบน้ำที่นี่ มาใช้ตู้เย็นที่นี่เอาน้ำกระท่อมมาแช่ในตู้เย็น มาใช้เครื่องซักผ้าที่นี่ ทั้งๆแม่เรายังไม่อนุญาต
(และพ่อแม่ยังไม่รู้ว่าเขามาใช้น้ำใช้ไฟฟรี) นานเป็นเดือน
เราก็ไม่ว่าอะไรเข้าใจทุกคนเศรษฐกิจมันไม่ดีแต่ช่วยบอกพ่อบอกแม่เราก่อนได้ไหมแต่อันนี้เข้ามาใช้ฟรีๆเลย ถึงเวลากลับไปนอนที่นู้นเฉยค่าน้ำ
เราก็เลยคุยกันอีกครั้งเนี่ยหาห้องเช่าถูกๆแถวนี้สิ อยู่กับไม่ไกลลูกก็ยังอยู่บ้านยายกับตา ห้องเช่าที่มีน้ำและไฟใช้เองไปเลยซื้อตู้เย็นเองเลย คนปกติทั่วไปพอเขามีลูกสร้างครอบครัวกันแล้วเขาก็ย้ายออกกันเป็นเรื่องปกตินะ บ้านหลังนี้มันอยู่กันเยอะแล้วมันแคบจะเข้าห้องน้ำก็ไม่สะดวก เราก็หาทางออกที่ทุกคนไม่เดือดร้อนกัน เขาก็โอเค หาห้องเช่าใกล้ๆบ้านเราได้ย้ายไปอยู่ในห้องเช่ากัน พี่สาวก็เอาลูกไปเล่นที่ห้องบ้าง2อาทิตย์ครั้งนึง วันอื่นๆลูกก็นอนบ้านพ่อแม่เหมือนเดิม ถึงเวลาก็ไปอาบน้ำห้องเช่าอยู่กินกันที่ห้องเช่าเลยและอยู่ไม่ไกลบ้านพ่อแม่ด้วย เป็นทางออกที่ดีมาก
แต่สุดท้ายเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพ่อแม่เหมือนเดิมทั้งๆที่คุยกันไปแล้ว ยังมานอนคุยกันเสียงดังเหมือนเดิม กลับมาสูบบุหรี่ที่นี่ คือไม่ว่าอย่างไงจะเข้าบ้านหลังนี้ให้ได้เหมือนถ้าไม่ได้เข้าห้องเมียแล้วจะตายหรือยังไง?? ปวดหัวมาก😣 คำว่าต่างคนต่างอยู่มันยากขนาดนั้นเลยหรอเราไม่เข้าใจเขาเลย เหมือนไม่เห็นหัวพ่อแม่เราเลย หรือเราผิดเองที่หูไม่หนวกทนเสียงไม่ได้?
แฟนของพี่สาวชอบเข้าบ้านทั้งๆที่พ่อแม่ฝ่ายเราเคยบอกว่าห้ามไปแล้วแต่ก็ยังลั้นเข้ามาอยู่เหมือนเดิม
ต้องบอกก่อนว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านเช่าที่ก็ไม่ได้ใหญ่อะไร เป็นบ้านที่มีห้องนอนแค่2ห้อง ตอนนี้คนในบ้านมีพ่อแม่ มีพี่สาวเรา2คน มีเราและหลานอีก2
(พี่สาวคนโตมีผัวแล้วมีลูกแล้ว1คน เป็น3คน) (พี่สาวคนที่2คนนี้คือคนที่กำลังมีประเด็นอยู่)มีลูกติด1คนกับแฟนเก่าเลิกกันแล้วและตอนนี้ก็มีแฟนใหม่ซึ่งคือคนที่เราจะพูดถึงในวันนี้ (สรุปรวมคนในบ้านเล็กๆนี้ 8 คน) ยังไม่นับแฟนใหม่พี่คนที่2
เนื่องจากห้องนอนไม่พอจึงต้องแบ่งห้องนั่งเล่นส่วนกลางทำเป็นห้องนอน โดยการเอาผ้าม่านมาทำเป็นกำแพงกั้นห้องระหว่างเรากับพี่คนที่2 ในห้องจะแคบและมีแค่เตียงเท่านั้น
ประเด็นคือพี่สาวคนที่2ต้องการจะเอาแฟนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย แต่ด้วยความที่บ้านมันเต็มแล้วและมันก็ไม่เป็นส่วนตัว ห้องของเขากับห้องของเราเป็นแค่ผ้าบางๆที่กั้นห้องไว้เท่านั้น เวลาเราอาบน้ำเสร็จก็ต้องเดินสวนกับแฟนพี่สาวแล้วมันอึดอัด เวลาที่เขาจะเอากันมันก็จะมีเสียงต่างๆนาๆ ซึ่งเราก็ต้องคอยใส่หูฟังตลอด พวกเขาคุยกันเสียงค่อนข้างดังและไม่เกรงใจเราเวลาที่เราหลับอยู่เราก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเขาวัน พอเราทนไม่ไหวฉันก็เลยตัดสินใจคุยตรงๆ เขาก็ฟัง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรยังทำอยู่เหมือนเดิม
ทีนี้เราทนไม่ไหวแล้วเราไม่ต้องการให้แฟนพี่คนนี้มาอยู่บ้านนี้แล้ว อีกอย่างบ้านมันก็เต็มแล้วอ่ะ เลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับพ่อแม่ พ่อแม่ก็ไปช่วยคุยให้หลังจากนั้นเขาก็ยอมไม่นอนที่นี่แล้วพี่สาวเราเลือกไปนอนที่บ้านแฟนเขาแทน ทุกคนคิดว่ามันก็ควรจะจบแค่นี้ใช่ไหม แต่ไม่ใช่ค่ะ
ตอนกลางคืนเขาไปนอนที่นั่นก็จริง แต่เขาเอาลูกเขาไว้ที่นี่ไม่ได้เอาลูกไปด้วยคนที่นี่ก็ช่วยๆกันเลี้ยง พอ6โมงเช้าเขาก็กลับมาคุยเสียงดังในห้องนี้กันเหมือนเดิมเพราะพี่สาวต้องเอาลูกไปโรงเรียน แต่เขาอยู่คุยกันจนเราตื่นจนไปส่งลูก สรุปเราปวดหัวเหมือนเดิม...มีค่าเท่าเดิม
เขาไปนอนที่นู้น แต่มาอาบน้ำที่นี่ มาใช้ตู้เย็นที่นี่เอาน้ำกระท่อมมาแช่ในตู้เย็น มาใช้เครื่องซักผ้าที่นี่ ทั้งๆแม่เรายังไม่อนุญาต
(และพ่อแม่ยังไม่รู้ว่าเขามาใช้น้ำใช้ไฟฟรี) นานเป็นเดือน
เราก็ไม่ว่าอะไรเข้าใจทุกคนเศรษฐกิจมันไม่ดีแต่ช่วยบอกพ่อบอกแม่เราก่อนได้ไหมแต่อันนี้เข้ามาใช้ฟรีๆเลย ถึงเวลากลับไปนอนที่นู้นเฉยค่าน้ำ
เราก็เลยคุยกันอีกครั้งเนี่ยหาห้องเช่าถูกๆแถวนี้สิ อยู่กับไม่ไกลลูกก็ยังอยู่บ้านยายกับตา ห้องเช่าที่มีน้ำและไฟใช้เองไปเลยซื้อตู้เย็นเองเลย คนปกติทั่วไปพอเขามีลูกสร้างครอบครัวกันแล้วเขาก็ย้ายออกกันเป็นเรื่องปกตินะ บ้านหลังนี้มันอยู่กันเยอะแล้วมันแคบจะเข้าห้องน้ำก็ไม่สะดวก เราก็หาทางออกที่ทุกคนไม่เดือดร้อนกัน เขาก็โอเค หาห้องเช่าใกล้ๆบ้านเราได้ย้ายไปอยู่ในห้องเช่ากัน พี่สาวก็เอาลูกไปเล่นที่ห้องบ้าง2อาทิตย์ครั้งนึง วันอื่นๆลูกก็นอนบ้านพ่อแม่เหมือนเดิม ถึงเวลาก็ไปอาบน้ำห้องเช่าอยู่กินกันที่ห้องเช่าเลยและอยู่ไม่ไกลบ้านพ่อแม่ด้วย เป็นทางออกที่ดีมาก
แต่สุดท้ายเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพ่อแม่เหมือนเดิมทั้งๆที่คุยกันไปแล้ว ยังมานอนคุยกันเสียงดังเหมือนเดิม กลับมาสูบบุหรี่ที่นี่ คือไม่ว่าอย่างไงจะเข้าบ้านหลังนี้ให้ได้เหมือนถ้าไม่ได้เข้าห้องเมียแล้วจะตายหรือยังไง?? ปวดหัวมาก😣 คำว่าต่างคนต่างอยู่มันยากขนาดนั้นเลยหรอเราไม่เข้าใจเขาเลย เหมือนไม่เห็นหัวพ่อแม่เราเลย หรือเราผิดเองที่หูไม่หนวกทนเสียงไม่ได้?