Kim Won-kang (รับบทโดย Park Hee-soon) เป็นอดีตนักฟุตบอลที่ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้
ลงทุนบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาลงทุนทำธุรกิจที่อินโดนีเซียก็เจ๊งเป็นไม่เป็นท่า แล้วชีวิตจะเอายังไงต่อดี..
จนกระทั่งวันนึงเพื่อนของเขาบอกว่า มีประเทศเกิดใหม่เพิ่งได้รับเอกราชชื่อว่าติมอร์ตะวันออก น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
พระเอกของเราก็เลยมุ่งหน้าไปยังติมอร์ ดินแดนที่เขาไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ...
ที่นั่นเขาพบกับคนเกาหลีที่เหมือนเป็นนายหน้ามาชักชวนให้เขาทำธุรกิจไร่กาแฟ
ด้วยความหวังที่จะสร้างตัว คิมวอนคัง เลยทุ่มหมดหน้าตัก แต่สุดท้ายก็ได้แค่ลม
เพราะปรากฏว่าไร่ที่ว่าไม่มีอยู่จริง.. โดนหลอกอีกแล้ว...
แต่เจ้าตัวไม่ยอมแพ้...วันหนึ่งเขาเห็นเด็กข้างถนนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นฟุตบอลด้วยเท้าเปล่า
และไม่ว่าไปทางเขาก็เห็นแต่เด็กๆ เล่นฟุตบอลกันทั้งนั้น แต่แทบทุกคนไม่มีอุปกรณ์กีฬากันเลย
เสื้อบอล สตั๊ดอะไรก็ไม่มี ลูกบอลก็ลูกเดียวแถมเก่าจะพังแหล่มิพังแหล่..
คิมวอนคัง เห็นดังนั้นเลยมีไอเดียว่า ถ้าเขาเปิดร้านขายอุปกรณ์กีฬารับรองว่ารวยแน่..
กิจการของเขาเริ่มขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเปิดร้านมาไม่มีลูกค้าสักคน
นั่นเป็นเพราะว่าเด็กๆที่นี่ ทุกคนทุกครอบครัวมีฐานะยากจนไม่มีใครจะสามารถเข้าถึงของเหล่านี้ได้
ทีนี้ในเมื่อขายไม่ได้ทำอย่างไรดี.. คิมวอนคัง เลยตัดสินใจเอาของที่มีในร้านให้เด็กๆ เช่าเล่นแทน ..
เอาของไปเสนอถึงที่..เล่นเสร็จก็เอาเงินมาจ่าย
ธุรกิจของเขาทำท่าไปด้วยดี บวกกับความที่เคยเป็นนักฟุตบอลเก่า
การที่ได้เห็นเด็กๆเล่นบอลทำให้เขามีโอกาสได้เข้ามาช่วยฝึกสอนให้กับเยาวชนในท้องถิ่น..
ระหว่างนั้นเขาได้เห็นถึงปัญหาต่างที่มีอยู่ในเด็กเหล่านี้นอกจากเรื่องของความยากจนแล้ว..
เรื่องของการเมือง ความขัดแย้งในชุมชน ทุกอย่างทำให้เด็กๆที่อยากเล่นกีฬาเกิดความไม่พร้อมทั้งสิ้น..
และด้วยสถานการณ์พาไปคิมวอนคัง จากการใช้ชีวิตคลุกคลีกับเด็กๆ และคนในชุมชน
ความผูกพันของเขาที่มีต่อคนในพื้นที่ก็เริ่มมากขึ้น เขาเริ่มมีความคาดหวังว่า เขาจะพัฒนาเด็กๆเหล่านี้ได้ ..
จากการเปิดร้านอุปกรณ์กีฬา ฝันของเขาไปไกลกว่านั้น
นั่นคือการพาทีมฟุตบอลเยาวชนของติมอร์ไปแข่งในระดับนานาชาติในรายการฮิโรชิม่าคัพ ที่ประเทศญี่ปุ่น..!!!
A Barefoot Dream เป็นภาพยนตร์ที่ร่วมผลิตระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น กำกับโดยคิมแทกยุน
สร้างจากเรื่องจริงของ Kim Shin-hwan อดีตนักฟุตบอลชาวเกาหลีที่เกษียณตัวเองแล้ว
และได้ไปเป็นโค้ชให้กับทีมฟุตบอลเยาวชนของติมอร์ตะวันออก...
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของเกาหลีใต้ในการเข้าชิงรางวัลออสการ์
สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมครั้งที่ 83
ซึ่งแม้จะไม่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย แต่ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนหนังทั่วโลกครับ
นักแสดงในเรื่องเป็นเด็กในท้องถิ่นจริงๆที่มีใจรักฟุตบอลทั้งสิ้น แสดงดีเหลือเกินยังกับมืออาชีพ
และต่อมามี 3 คนที่แสดงหนังในเรื่องนี้ได้เป็นนักฟุตบอลทีมเยาวชนของติมอร์จริงๆอีกด้วย..
เราจะได้เห็นพัฒนาการทางความสัมพันธ์ของตัวโค้ชและเด็กๆ
จากจุดที่ไม่น่าจะเชื่อมต่อกันได้เลย กลับกลายมาเป็นความช่วยเหลือกันและกัน
ฝั่งของโค้ชก็ได้รับความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมา หลังจากที่อะไรก็ล้มเหลวไปหมดซะทุกอย่าง
(ซึ่งนอกจากการทำธุรกิจแล้ว ก็ยังล้มเหลวเรื่องของชีวิตครอบครัวด้วย)
ขณะที่เด็กทุกคนก็ได้รับโอกาสในการแสดงออกในสิ่งที่พวกเขาอยากจะเป็น
ซึ่งจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากไม่มีตัวเอกของเราเข้าไปช่วยเหลือ
A Barefoot Dream จึงถือเป็นหนังฟีลกู๊ด ดูสบาย สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครต่อใครอีกหลายคน
ที่มีความฝันแต่ยังไม่กล้าที่จะลงมือทำ.. อยากบอกว่าทำไปเถอะครับ ลุยให้เต็มที่..
จะผิดหวังก็ช่างมันเถอะ อย่างน้อยก็ให้เราได้รู้ว่า เราได้ทำไปแล้ว.. ดีกว่ามานึกเสียใจภายหลังว่าทำไมที่ผ่านมาเราถึงไม่กล้าทำ...
Park Hee-soon คนที่เล่นบทตัวเอกนี้ ผมมองทีไร มันมีภาพของครูโอนิซึกะ เอคิจิ จาก GTO ทับทาบไว้เสมอ
ลุคของเขามันได้จริงๆ.. เอาล่ะ เขียนทิ้งท้าย ผมลงรีวิวเรื่องนี้ มาจากกระแสของบอล 7 คน แชมป์กีฬา 7 สี
ที่ทีมนอกสายตาอย่างหมอนทองวิทยา จากฉะเชิงเทรา สามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงได้สำเร็จ
ท่ามกลางสักขีพยานเต็มความจุจนแทบจะล้นสนามศุภชลาศัยก็ตาม
และแม้ว่าสุดท้ายจะแพ้ต่อชัยนาทไป 1-2 แต่มันก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆอีกหลายคนที่มีใจรักฟุตบอลเช่นกัน
ผมว่าพล็อตรถขายฝันที่มันจับใจคนไทย (ส่วนใหญ่) สามารถเอามาต่อยอดสร้างเป็นหนังได้
ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหนังฟุตบอลแนวนี้มาบ้างแล้ว แต่เชื่อสิ ถ้าทำเป็นหนังขายได้แน่นอน น่าสนใจจริงๆนะ
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== A Barefoot Dream (2010) ฝันที่ยิ่งใหญ่.. ของทีมฟุตบอลไร้สตั๊ด.. ==
Kim Won-kang (รับบทโดย Park Hee-soon) เป็นอดีตนักฟุตบอลที่ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้
ลงทุนบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาลงทุนทำธุรกิจที่อินโดนีเซียก็เจ๊งเป็นไม่เป็นท่า แล้วชีวิตจะเอายังไงต่อดี..
จนกระทั่งวันนึงเพื่อนของเขาบอกว่า มีประเทศเกิดใหม่เพิ่งได้รับเอกราชชื่อว่าติมอร์ตะวันออก น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
พระเอกของเราก็เลยมุ่งหน้าไปยังติมอร์ ดินแดนที่เขาไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ...
ที่นั่นเขาพบกับคนเกาหลีที่เหมือนเป็นนายหน้ามาชักชวนให้เขาทำธุรกิจไร่กาแฟ
ด้วยความหวังที่จะสร้างตัว คิมวอนคัง เลยทุ่มหมดหน้าตัก แต่สุดท้ายก็ได้แค่ลม
เพราะปรากฏว่าไร่ที่ว่าไม่มีอยู่จริง.. โดนหลอกอีกแล้ว...
แต่เจ้าตัวไม่ยอมแพ้...วันหนึ่งเขาเห็นเด็กข้างถนนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นฟุตบอลด้วยเท้าเปล่า
และไม่ว่าไปทางเขาก็เห็นแต่เด็กๆ เล่นฟุตบอลกันทั้งนั้น แต่แทบทุกคนไม่มีอุปกรณ์กีฬากันเลย
เสื้อบอล สตั๊ดอะไรก็ไม่มี ลูกบอลก็ลูกเดียวแถมเก่าจะพังแหล่มิพังแหล่..
คิมวอนคัง เห็นดังนั้นเลยมีไอเดียว่า ถ้าเขาเปิดร้านขายอุปกรณ์กีฬารับรองว่ารวยแน่..
กิจการของเขาเริ่มขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเปิดร้านมาไม่มีลูกค้าสักคน
นั่นเป็นเพราะว่าเด็กๆที่นี่ ทุกคนทุกครอบครัวมีฐานะยากจนไม่มีใครจะสามารถเข้าถึงของเหล่านี้ได้
ทีนี้ในเมื่อขายไม่ได้ทำอย่างไรดี.. คิมวอนคัง เลยตัดสินใจเอาของที่มีในร้านให้เด็กๆ เช่าเล่นแทน ..
เอาของไปเสนอถึงที่..เล่นเสร็จก็เอาเงินมาจ่าย
ธุรกิจของเขาทำท่าไปด้วยดี บวกกับความที่เคยเป็นนักฟุตบอลเก่า
การที่ได้เห็นเด็กๆเล่นบอลทำให้เขามีโอกาสได้เข้ามาช่วยฝึกสอนให้กับเยาวชนในท้องถิ่น..
ระหว่างนั้นเขาได้เห็นถึงปัญหาต่างที่มีอยู่ในเด็กเหล่านี้นอกจากเรื่องของความยากจนแล้ว..
เรื่องของการเมือง ความขัดแย้งในชุมชน ทุกอย่างทำให้เด็กๆที่อยากเล่นกีฬาเกิดความไม่พร้อมทั้งสิ้น..
และด้วยสถานการณ์พาไปคิมวอนคัง จากการใช้ชีวิตคลุกคลีกับเด็กๆ และคนในชุมชน
ความผูกพันของเขาที่มีต่อคนในพื้นที่ก็เริ่มมากขึ้น เขาเริ่มมีความคาดหวังว่า เขาจะพัฒนาเด็กๆเหล่านี้ได้ ..
จากการเปิดร้านอุปกรณ์กีฬา ฝันของเขาไปไกลกว่านั้น
นั่นคือการพาทีมฟุตบอลเยาวชนของติมอร์ไปแข่งในระดับนานาชาติในรายการฮิโรชิม่าคัพ ที่ประเทศญี่ปุ่น..!!!
A Barefoot Dream เป็นภาพยนตร์ที่ร่วมผลิตระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น กำกับโดยคิมแทกยุน
สร้างจากเรื่องจริงของ Kim Shin-hwan อดีตนักฟุตบอลชาวเกาหลีที่เกษียณตัวเองแล้ว
และได้ไปเป็นโค้ชให้กับทีมฟุตบอลเยาวชนของติมอร์ตะวันออก...
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของเกาหลีใต้ในการเข้าชิงรางวัลออสการ์
สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมครั้งที่ 83
ซึ่งแม้จะไม่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย แต่ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนหนังทั่วโลกครับ
นักแสดงในเรื่องเป็นเด็กในท้องถิ่นจริงๆที่มีใจรักฟุตบอลทั้งสิ้น แสดงดีเหลือเกินยังกับมืออาชีพ
และต่อมามี 3 คนที่แสดงหนังในเรื่องนี้ได้เป็นนักฟุตบอลทีมเยาวชนของติมอร์จริงๆอีกด้วย..
เราจะได้เห็นพัฒนาการทางความสัมพันธ์ของตัวโค้ชและเด็กๆ
จากจุดที่ไม่น่าจะเชื่อมต่อกันได้เลย กลับกลายมาเป็นความช่วยเหลือกันและกัน
ฝั่งของโค้ชก็ได้รับความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมา หลังจากที่อะไรก็ล้มเหลวไปหมดซะทุกอย่าง
(ซึ่งนอกจากการทำธุรกิจแล้ว ก็ยังล้มเหลวเรื่องของชีวิตครอบครัวด้วย)
ขณะที่เด็กทุกคนก็ได้รับโอกาสในการแสดงออกในสิ่งที่พวกเขาอยากจะเป็น
ซึ่งจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากไม่มีตัวเอกของเราเข้าไปช่วยเหลือ
A Barefoot Dream จึงถือเป็นหนังฟีลกู๊ด ดูสบาย สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครต่อใครอีกหลายคน
ที่มีความฝันแต่ยังไม่กล้าที่จะลงมือทำ.. อยากบอกว่าทำไปเถอะครับ ลุยให้เต็มที่..
จะผิดหวังก็ช่างมันเถอะ อย่างน้อยก็ให้เราได้รู้ว่า เราได้ทำไปแล้ว.. ดีกว่ามานึกเสียใจภายหลังว่าทำไมที่ผ่านมาเราถึงไม่กล้าทำ...
Park Hee-soon คนที่เล่นบทตัวเอกนี้ ผมมองทีไร มันมีภาพของครูโอนิซึกะ เอคิจิ จาก GTO ทับทาบไว้เสมอ
ลุคของเขามันได้จริงๆ.. เอาล่ะ เขียนทิ้งท้าย ผมลงรีวิวเรื่องนี้ มาจากกระแสของบอล 7 คน แชมป์กีฬา 7 สี
ที่ทีมนอกสายตาอย่างหมอนทองวิทยา จากฉะเชิงเทรา สามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงได้สำเร็จ
ท่ามกลางสักขีพยานเต็มความจุจนแทบจะล้นสนามศุภชลาศัยก็ตาม
และแม้ว่าสุดท้ายจะแพ้ต่อชัยนาทไป 1-2 แต่มันก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆอีกหลายคนที่มีใจรักฟุตบอลเช่นกัน
ผมว่าพล็อตรถขายฝันที่มันจับใจคนไทย (ส่วนใหญ่) สามารถเอามาต่อยอดสร้างเป็นหนังได้
ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหนังฟุตบอลแนวนี้มาบ้างแล้ว แต่เชื่อสิ ถ้าทำเป็นหนังขายได้แน่นอน น่าสนใจจริงๆนะ
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===