🌌 Field Mechanism v2 — กลไกสนามที่เปิดเผย “ต้นกำเนิดของความเร่ง” อย่างเป็นกลศาสตร์
(ภาคต่อจาก Ef–FSI Framework)
วันนี้ผมอยากแบ่งปันผลงานล่าสุดที่เพิ่งเผยแพร่บน Zenodo
เป็นภาคต่อจาก “Ef–FSI Framework” ที่เคยเสนอว่า
วงโคจรของดาวเคราะห์ไม่ได้เกิดจากแรงดึงดูดจากระยะไกล
แต่เกิดจาก “พลังงานต่อรอบของสนาม (Ef = vC)” ที่คงที่ในแต่ละระบบ
ภาคต่อชุดนี้ชื่อว่า
Field Mechanism v2
และมันอธิบายได้อย่างเป็น “กลศาสตร์” ว่า
“ความเร่ง” เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยไม่ต้องมีแรงดึงดูดจากระยะไกล
🔭 แนวคิดหลักของ Field Mechanism
Field Mechanism มองว่า “ความเร่ง” ไม่ใช่แรงที่มองไม่เห็น
แต่เป็นผลจาก
การส่งผ่านอัตราเร็ว (velocity flux) ระหว่างสนามกับสสาร
เกิดเป็นการแลกเปลี่ยนพลังงานแบบวัฏจักร (cyclic field interaction)
โหมดหลักของกลไกสนามมี 3 แบบ
1️⃣
Free-Fall Mode (ไม่มี Reaction)
ฟลักซ์ส่งอัตราเร็วคงที่
v_f = λf ต่อรอบ
เมื่อสะสมหลายรอบเกิดเป็นความเร่ง
a = v_f f = λf²
→ วัตถุเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่มีแรงต้าน
2️⃣
Action–Reaction Mode (มีสมดุลของสนาม)
ฟลักซ์สองชุด (เข้า–ออก) สมดุลกันในแนวรัศมี
v_f = λf = คงที่, a_r = 0
แต่เกิดความเร่งในแนววงโคจร
a_o = (v_min × v_f) / r_min
3️⃣
Orbital Equilibrium
สนามทั้งสองเฟสสมดุลกันพอดี
วงโคจรเข้าสู่ภาวะ “คลื่นนิ่ง”
พื้นที่ที่กวาดในแต่ละช่วงเวลาคงที่ (ยืนยันกฎของเคปเลอร์)
🧮 ผลการจำลอง (ดาวศุกร์)
ใช้ข้อมูลจริงของดาวศุกร์จำลองครึ่งวงโคจร พบว่า:
พื้นที่ที่กวาดเท่ากันในแต่ละช่วงเวลา (Equal-Area Law)
ไม่มีความเร่งในแนวรัศมี
ความเร่งในแนววงโคจรสอดคล้องกับสมการ a_o = v_min × v_f / r_min
ผลลัพธ์ยืนยันว่า เพียงใช้
ฟลักซ์คงที่ (constant flux)
ก็สามารถอธิบายวงโคจรได้โดยไม่ต้องอ้างแรงดึงศูนย์กลาง
⚙️ ไฮไลต์สำคัญ
ความเร่งเกิดจาก “จังหวะของสนาม” ไม่ใช่แรงจากระยะไกล
Free Fall ↔ Orbital คือสองเฟสของกระบวนการเดียวกัน
สมการ Ef = vC และ ε = v²C ของ Ef–FSI มีรากกลศาสตร์รองรับ
กฎของเคปเลอร์ไม่ใช่เพียงสัจพจน์ แต่เป็นผลจากการสั่นของสนาม
🔬 มุมมองต่อยอด
ภาคผนวกของงานยังกล่าวถึงแนวทางประยุกต์ เช่น
การเพิ่มความเร่งของวัตถุ free-fall ด้วยคลื่นสั้น (f สูง)
แนวคิด antigravity จากการสร้างสนามสมดุล (Action–Reaction Field)
ซึ่งอาจต่อยอดสู่แนวคิด propulsion แบบ field-assisted ได้ในอนาคต
📖 อ่านฉบับเต็มได้ที่
Field Mechanism: The Mechanical Foundation of the Ef–FSI Framework (v2)
Zenodo DOI:
https://doi.org/10.5281/zenodo.17561607
อ้างอิงจาก
Ef–FSI Framework v6
(
Hidden Oscillations in Planetary Motion, DOI: 10.5281/zenodo.17317141)
🪐 หากเพื่อน ๆ “หว้ากอ” สนใจแนวคิดกลศาสตร์ใหม่ที่เชื่อม “แรง–พลังงาน–เวลา” เข้าด้วยกัน
ลองอ่าน paper นี้แล้วช่วยกันตั้งคำถาม วิจารณ์ หรือเสนอแง่มุมเพิ่มได้เลยครับ
เพราะบางที “แรงโน้มถ่วง” อาจไม่ใช่แรงดึงดูดเลยก็ได้
แต่เป็น “จังหวะของพลังงานในสนาม” ที่เรายังไม่เคยมองเห็นมาก่อน 🌌
🌌 [เผยแพร่] Field Mechanism v2 — กลไกสนามที่เปิดเผย “ต้นกำเนิดของความเร่ง” อย่างเป็นกลศาสตร์
(ภาคต่อจาก Ef–FSI Framework)
วันนี้ผมอยากแบ่งปันผลงานล่าสุดที่เพิ่งเผยแพร่บน Zenodo
เป็นภาคต่อจาก “Ef–FSI Framework” ที่เคยเสนอว่า
วงโคจรของดาวเคราะห์ไม่ได้เกิดจากแรงดึงดูดจากระยะไกล
แต่เกิดจาก “พลังงานต่อรอบของสนาม (Ef = vC)” ที่คงที่ในแต่ละระบบ
ภาคต่อชุดนี้ชื่อว่า Field Mechanism v2
และมันอธิบายได้อย่างเป็น “กลศาสตร์” ว่า
“ความเร่ง” เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยไม่ต้องมีแรงดึงดูดจากระยะไกล
🔭 แนวคิดหลักของ Field Mechanism
Field Mechanism มองว่า “ความเร่ง” ไม่ใช่แรงที่มองไม่เห็น
แต่เป็นผลจาก การส่งผ่านอัตราเร็ว (velocity flux) ระหว่างสนามกับสสาร
เกิดเป็นการแลกเปลี่ยนพลังงานแบบวัฏจักร (cyclic field interaction)
โหมดหลักของกลไกสนามมี 3 แบบ
1️⃣ Free-Fall Mode (ไม่มี Reaction)
ฟลักซ์ส่งอัตราเร็วคงที่ v_f = λf ต่อรอบ
เมื่อสะสมหลายรอบเกิดเป็นความเร่ง
a = v_f f = λf²
→ วัตถุเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่มีแรงต้าน
2️⃣ Action–Reaction Mode (มีสมดุลของสนาม)
ฟลักซ์สองชุด (เข้า–ออก) สมดุลกันในแนวรัศมี
v_f = λf = คงที่, a_r = 0
แต่เกิดความเร่งในแนววงโคจร
a_o = (v_min × v_f) / r_min
3️⃣ Orbital Equilibrium
สนามทั้งสองเฟสสมดุลกันพอดี
วงโคจรเข้าสู่ภาวะ “คลื่นนิ่ง”
พื้นที่ที่กวาดในแต่ละช่วงเวลาคงที่ (ยืนยันกฎของเคปเลอร์)
🧮 ผลการจำลอง (ดาวศุกร์)
ใช้ข้อมูลจริงของดาวศุกร์จำลองครึ่งวงโคจร พบว่า:
พื้นที่ที่กวาดเท่ากันในแต่ละช่วงเวลา (Equal-Area Law)
ไม่มีความเร่งในแนวรัศมี
ความเร่งในแนววงโคจรสอดคล้องกับสมการ a_o = v_min × v_f / r_min
ผลลัพธ์ยืนยันว่า เพียงใช้ ฟลักซ์คงที่ (constant flux)
ก็สามารถอธิบายวงโคจรได้โดยไม่ต้องอ้างแรงดึงศูนย์กลาง
⚙️ ไฮไลต์สำคัญ
ความเร่งเกิดจาก “จังหวะของสนาม” ไม่ใช่แรงจากระยะไกล
Free Fall ↔ Orbital คือสองเฟสของกระบวนการเดียวกัน
สมการ Ef = vC และ ε = v²C ของ Ef–FSI มีรากกลศาสตร์รองรับ
กฎของเคปเลอร์ไม่ใช่เพียงสัจพจน์ แต่เป็นผลจากการสั่นของสนาม
🔬 มุมมองต่อยอด
ภาคผนวกของงานยังกล่าวถึงแนวทางประยุกต์ เช่น
การเพิ่มความเร่งของวัตถุ free-fall ด้วยคลื่นสั้น (f สูง)
แนวคิด antigravity จากการสร้างสนามสมดุล (Action–Reaction Field)
ซึ่งอาจต่อยอดสู่แนวคิด propulsion แบบ field-assisted ได้ในอนาคต
📖 อ่านฉบับเต็มได้ที่
Field Mechanism: The Mechanical Foundation of the Ef–FSI Framework (v2)
Zenodo DOI: https://doi.org/10.5281/zenodo.17561607
อ้างอิงจาก Ef–FSI Framework v6
(Hidden Oscillations in Planetary Motion, DOI: 10.5281/zenodo.17317141)
🪐 หากเพื่อน ๆ “หว้ากอ” สนใจแนวคิดกลศาสตร์ใหม่ที่เชื่อม “แรง–พลังงาน–เวลา” เข้าด้วยกัน
ลองอ่าน paper นี้แล้วช่วยกันตั้งคำถาม วิจารณ์ หรือเสนอแง่มุมเพิ่มได้เลยครับ
เพราะบางที “แรงโน้มถ่วง” อาจไม่ใช่แรงดึงดูดเลยก็ได้
แต่เป็น “จังหวะของพลังงานในสนาม” ที่เรายังไม่เคยมองเห็นมาก่อน 🌌