กระทู้นี้ ไม่ได้จะชวน หรือแนะนำอะไรทั้งนั้นนะครับ ผมเลยไม่ขอแจ้ง Ticker ใด ๆ นะครับ (แต่หลาย ๆ คนอาจเดาออกแหละครับ)
แต่ถ้ารู้ ก็ขอว่าอย่าแปะ Ticker เลยนะครับ ไม่งั้นถ้ามีคนไปลงทุนตามแล้วเจ๊งตามผม ก็จะเดือนร้อนตาม ๆ กันไป
คือผมก็เป็นพนักงานเงินเดือนปกติที่มาสายวิเคราะห์อยู่แล้ว แต่ไม่กล้าตัดสินใจเคสนี้เลย ของใหม่เกิ๊นนนนนน
[คนที่ไม่ได้มีความรู้ด้านการลงทุนก็ร่วมตอบโพลได้นะ อยากทราบความคิดเห็นในการจิ้มเลือกเฉย ๆ]
ตอนนี้มีบริษัทที่ผมถูกใจ และสนใจจะซื้อหุ้นในช่วงหลังฟองสบู่แตก (ถ้ามันแตกจริงอ่ะนะ) มีลิสอยู่ 2 บริษัท ที่กำลังพัฒนาควอนตัม คอมพิวเตอร์ ที่กำลังเปิดให้บริการ แต่มันยังไม่สมบูรณ์ และไม่มีบริษัทไหนในโลกที่ทำควอนตัม คอมพิวเตอร์ได้แบบสมบูรณ์แบบได้เลยสักที่ (ภาษาบ้าน ๆ อ่ะนะ)
อธิบายแบบบ้าน ๆ เลยนะครับ
1.บริษัท A 👑 // สุดยอดอภิมหาบริษัทใหญ่โต เปิดมาอย่างยาวนาน ที่เงินสะพัดได้เรียกได้ว่าแทบไม่จำกัด จ้างทีมวิจัย จ้างหัวกะทิเก่ง ๆ ได้จากทั่วโลก และพื้นฐานบริษัทมั่นคง อันดับต้น ๆ ของโลก คู่ค้าก็เป็นบริษัทระดับโลกมาจับมือ มาเป็นลูกค้าด้วยกันหมด เอาเป็นว่าถ้าโลกไม่แตก บริษัทนี้ก็น่าจะไม่ล้ม ถ้าโปรเจคควอนตัมเจ๊ง บริษัทก็อยู่ได้สบาย เพราะเขาทำกิจการอื่นที่ยังไงก็กำไรอยู่แล้ว (ประมาณนั้นเลย)
- ซึ่งบริษัท A กำลังพัฒนาควอนตัม คอมพิวเตอร์ ในรูปแบบเน้นปริมาณเข้าแลก ที่ถึงใช้งานได้จริง แต่ปัญหา คือก็ตามที่บอก งบเยอะ เลยใช้เงิน ใช้แรงพัฒนาเน้นปริมาณเพื่อเอามาใช้งานเท่านั้น คุณภาพยังด้อยอยู่มาก ถ้าเทียบกับ บริษัท B ในข้อต่อไป
//เสมือนว่า บริษัท A พัฒนาเพื่อให้มีรถไฟไอน้ำไว้ใช้ขนของ 1,000 โบกี้ เพื่อขนของล็อตหนึ่ง......แต่พอเริ่มใช้งานจริงปั๊บ จู่ ๆ อาจมีรอบหนึ่งที่โบกี้หนึ่งจะไฟดับ หรือใช้ไปใช้มาอาจมีอีกโบกี้หนึ่งตัวคุมอุณหภูมิเสียในสักรอบ หรืออาจมีรอบไหน มีต้นไม้ล้มขวางทางราง ฯลฯ (เทคโนโลยีเก่าอ่ะนะ)
(ปัจจัยภายใน สามารถเกิดความผิดพลาดได้บ่อยกว่ามาก โดยโอกาสผิดพลาดสูงกว่าบริษัท B 10 เท่า)
*วิศัยทัศน์ (ผมประเมินเอง) เหมือนเขาจะเลือกแบบ [Scale First] เน้นปริมาณ ⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️
คือบริษัท A พอไม่สามารถอัพเกรดคุณภาพ เพื่อให้ลดความผิดพลาดได้ (แต่ก็รู้แหละว่าพยายามอยู่) ก็เลยคิดว่า เออ ๆ อยากได้ลูกค้าอ่ะ งั้นฉันเพิ่มจำนวนรถไฟ เพิ่มจำนวนโบกี้เข้าไปก่อนละกัน ก็ขนส่งบนรางธรรมดาช่วย ๆ กันขนไปก่อน.....ผิดพลาดบ้างก็ทน ๆ เอา
- รู้นะว่าเก่า แต่มันยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้ไง กำลังพยายามอัพเกรดอยู่ไง 🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀
กับ ---------------------------------------------------------------
2.บริษัท B 🦄 // บริษัท Start Up ที่อยู่ในช่วง Early Stage พัฒนา และวิจัย แต่เป็นระดับม้ามืดที่บริษัทระดับโลกอย่าง บริษัท A ในข้อบนยังต้องจับตามอง แต่ก็ยังพอมีบริษัทระดับโลกอยู่หลายเจ้า ที่เข้ามาร่วมลงทุนด้วย แถมบริษัท B ยังเป็นกิจการชนิดที่ว่า All In งบทั้งหมดใน ควอนตัม คอมพิวเตอร์เลย ถ้าลุยคือเปิดหน้าลุยเต็มที่ แต่ถ้าไม่รอด คือจบเลยทันที
- ซึ่งบริษัท B กำลังพัฒนาควอนตัม คอมพิวเตอร์ ในรูปแบบที่เน้นสุดยอดคุณภาพ (คุณภาพดีกว่า บริษัท A อีก) แต่กลับไม่ได้มีเงินถุงเงินถังสะพัดขนาดนั้น เงินที่ใช้วิจัยก็มาจากการระดมทุน หรือรายได้เล็กน้อย ถ้าอนาคตทำสำเร็จในหลาย ๆ Stage แล้วได้เงินมาเรื่อย ๆ ก็มีแววจะใกล้แตะความสำเร็จเรื่อย ๆ แต่ถ้าสะดุดเมื่อไหร่ ก็จบเห่ได้เลย
//เสมือนว่า บริษัท B พยายามจะสร้างเครื่องบินพลังงานไฟฟ้า ที่ทั้งประหยัด คุณภาพสูง และล้ำอนาคตมาก เพื่อไว้ใช้ขนของอยู่ 10 ลำ......ที่สามารถขนของแบบบินลัดฟ้าไปถึงเป้าหมายได้อย่าง ชิว ๆ สบาย ๆ ไร้ปัญหาใด ๆ รบกวน (เทคโนโลยี ใหม่จัด แต่แบบ.....ใหม่เกิ๊นนนน จะทำได้จริงหรอ)
(นาน น้านนนนนนที อาจมีข้อผิดพลาดจากปัจจัยภายในสักครั้ง โดยโอกาสผิดพลาดน้อยกว่าบริษัท A 10 เท่า)
*วิศัยทัศน์ (ผมประเมินเอง) เหมือนเขาจะเลือกแบบ [Quality First] เน้นคุณภาพ 🦾🤖
คือบริษัท B ไม่มีเงินถุง เงินถัง ไว้ให้ลองอะไรมากมายนั้น แต่ก็มีโปรเจคที่พยายามจะสร้างเครื่องบินพลังงานไฟฟ้าอยู่ ไว้ขนของบนฟ้า ด้วยระบบคำนวณเส้นทาง และประเมินสถาการณ์อัตโนมัติทุกขั้นตอน โดยแทบไม่มีความผิดพลาด โอกาสสำเร็จระดับ 99.99% ในทุกรอบขนส่ง แล้วทุกคนในโลกก็จับตามอง แบบตาเป็นมัน เพราะมันเป็นเทคโลโลยีที่ล้ำแบบสุด ๆ .....แต่ตอนนี้ไอ้เครื่องบินที่ว่านั้น ตอนนี้ยังมีขนาดเท่ามอเตอร์ไซด์อยู่ไง 😅
- รู้แหละว่าเจ๋ง รู้แหละว่าล้ำกว่าเยอะ แต่จะผลิตสำเร็จเร้อออออออ ⌛⌛⌛💸💸💸
---------------------------------------
🏅ถ้าจะประกาศชัยชนะได้ คือ
- บริษัท A ต้องประกาศว่า ตอนนี้เราอัพเกรดรถไฟไอน้ำ ไปเป็นรถไฟพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า ในท่อไฮเปอร์ลูป สุญญากาศ สุดล้ำได้สำเร็จแล้ว !!
(แต่ก็ไกลเป้าหมายแบบสุด ๆ เลย เพราะเทคโนโลยีเครื่องยนต์มันคนละแบบกัน)
- บริษัท B ต้องประกาศว่า ตอนนี้เครื่องบินพลังไฟฟ้าของเรา มีให้บริการต่อรอบขนของถึงรอบละ 100 ลำแล้ว
(แต่ก็ไกลเป้าหมายเหมือนกัน เพราะการเงินก็มีอยู่อย่างจำกัด)
---------------------------------------
ผลตอบแทน
- ถ้าบริษัท A ชนะ ผลตอบแทนก็ขึ้นสูงแหละ แต่คงไม่ได้ขึ้นสูงขนาดจะเปลี่ยนฐานะผู้ลงทุนได้ขนาดนั้น เพราะบริษัท A ก็เป็นผู้นำในวงการอยู่แล้ว ราคาหุ้นสูงอยู่แล้ว กะแค่ "เปิดตัวโปรดักซ์ใหม่ ที่ต่อยอดจากเทคโนโลยีเก่า" อีกสักตัวจะเป็นไรไป
- ถ้าบริษัท B ชนะ ผลตอบแทนจะพุ่งมหาศาล ระดับเปลี่ยนเงินหมื่นเป็นเงินล้าน หรือสิบล้านได้เลย (เพราะเป็นบริษัทต้นน้ำอย่างที่บอก) ราคาตอนนี้ถูก ๆ จิ๋ว ๆ แถมเปิดตัวด้วย "เทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดด้วย แถมสำเร็จก่อนเจ้ายักษ์ใหญ่ อย่างบริษัท A ด้วย" (อาจเหมือนหุ้นของปู่ WB ที่ก็ขึ้นมา 300K% ภายใน 40 ปี ใครลงทุน 100,000 เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ตอนนี้อยู่เฉย ๆ กลายเป็น 300,000,000 เลยแหละ)
- ถ้าบริษัท A แพ้ เลวร้ายสุดก็แค่ หุ้นตก ก็ตกลงเยอะหน่อยแหละ แต่ยังพอมีทอน และลุ้นเติบโตได้ต่อไปอยู่ เพราะผมบอกแล้วว่า บริษัท A เขาทำกิจการอื่นอีกเยอะ เงินถุงเงินถังมหาศาล แค่โปรดักซ์เดียว ที่ออกตลาดไม่ทัน ก็คงไม่เป็นไรหรอก เงินลงทุนของเราก็คงไม่เจ็บมาก
- ถ้าบริษัท B แพ้ เลวร้ายสุดที่คือ อาจล้มหาย ตายจากไปเลย เงินลงทุนของเราอาจได้แค่เศษสตางค์กลับมาโยนหัวก้อนเล่นได้อยู่ เพราะบริษัทอาจไม่ฟื้นอีกเลย
---------------------------------------
จากตัวอย่างนี้ ถ้าต้องเลือกลงทุนที่บริษัทใด บริษัทหนึ่ง เพื่อน ๆ สมาชิก หรือเพื่อน ๆ นักลงทุน จะจิ้มที่บริษัทไหนดี
*** ปิดโหวต วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ.2568 เวลา 17:05:49 น.
1. ถ้าเป็นเงินของคุณ คุณจะเลือกตัวไหนดี
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
ขอความเห็นเรื่อง หุ้นกลุ่ม "ควอนตัม คอมพิวเตอร์" หน่อยครับ
แต่ถ้ารู้ ก็ขอว่าอย่าแปะ Ticker เลยนะครับ ไม่งั้นถ้ามีคนไปลงทุนตามแล้วเจ๊งตามผม ก็จะเดือนร้อนตาม ๆ กันไป
คือผมก็เป็นพนักงานเงินเดือนปกติที่มาสายวิเคราะห์อยู่แล้ว แต่ไม่กล้าตัดสินใจเคสนี้เลย ของใหม่เกิ๊นนนนนน
[คนที่ไม่ได้มีความรู้ด้านการลงทุนก็ร่วมตอบโพลได้นะ อยากทราบความคิดเห็นในการจิ้มเลือกเฉย ๆ]
ตอนนี้มีบริษัทที่ผมถูกใจ และสนใจจะซื้อหุ้นในช่วงหลังฟองสบู่แตก (ถ้ามันแตกจริงอ่ะนะ) มีลิสอยู่ 2 บริษัท ที่กำลังพัฒนาควอนตัม คอมพิวเตอร์ ที่กำลังเปิดให้บริการ แต่มันยังไม่สมบูรณ์ และไม่มีบริษัทไหนในโลกที่ทำควอนตัม คอมพิวเตอร์ได้แบบสมบูรณ์แบบได้เลยสักที่ (ภาษาบ้าน ๆ อ่ะนะ)
อธิบายแบบบ้าน ๆ เลยนะครับ
1.บริษัท A 👑 // สุดยอดอภิมหาบริษัทใหญ่โต เปิดมาอย่างยาวนาน ที่เงินสะพัดได้เรียกได้ว่าแทบไม่จำกัด จ้างทีมวิจัย จ้างหัวกะทิเก่ง ๆ ได้จากทั่วโลก และพื้นฐานบริษัทมั่นคง อันดับต้น ๆ ของโลก คู่ค้าก็เป็นบริษัทระดับโลกมาจับมือ มาเป็นลูกค้าด้วยกันหมด เอาเป็นว่าถ้าโลกไม่แตก บริษัทนี้ก็น่าจะไม่ล้ม ถ้าโปรเจคควอนตัมเจ๊ง บริษัทก็อยู่ได้สบาย เพราะเขาทำกิจการอื่นที่ยังไงก็กำไรอยู่แล้ว (ประมาณนั้นเลย)
- ซึ่งบริษัท A กำลังพัฒนาควอนตัม คอมพิวเตอร์ ในรูปแบบเน้นปริมาณเข้าแลก ที่ถึงใช้งานได้จริง แต่ปัญหา คือก็ตามที่บอก งบเยอะ เลยใช้เงิน ใช้แรงพัฒนาเน้นปริมาณเพื่อเอามาใช้งานเท่านั้น คุณภาพยังด้อยอยู่มาก ถ้าเทียบกับ บริษัท B ในข้อต่อไป
//เสมือนว่า บริษัท A พัฒนาเพื่อให้มีรถไฟไอน้ำไว้ใช้ขนของ 1,000 โบกี้ เพื่อขนของล็อตหนึ่ง......แต่พอเริ่มใช้งานจริงปั๊บ จู่ ๆ อาจมีรอบหนึ่งที่โบกี้หนึ่งจะไฟดับ หรือใช้ไปใช้มาอาจมีอีกโบกี้หนึ่งตัวคุมอุณหภูมิเสียในสักรอบ หรืออาจมีรอบไหน มีต้นไม้ล้มขวางทางราง ฯลฯ (เทคโนโลยีเก่าอ่ะนะ)
(ปัจจัยภายใน สามารถเกิดความผิดพลาดได้บ่อยกว่ามาก โดยโอกาสผิดพลาดสูงกว่าบริษัท B 10 เท่า)
*วิศัยทัศน์ (ผมประเมินเอง) เหมือนเขาจะเลือกแบบ [Scale First] เน้นปริมาณ ⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️⚖️
คือบริษัท A พอไม่สามารถอัพเกรดคุณภาพ เพื่อให้ลดความผิดพลาดได้ (แต่ก็รู้แหละว่าพยายามอยู่) ก็เลยคิดว่า เออ ๆ อยากได้ลูกค้าอ่ะ งั้นฉันเพิ่มจำนวนรถไฟ เพิ่มจำนวนโบกี้เข้าไปก่อนละกัน ก็ขนส่งบนรางธรรมดาช่วย ๆ กันขนไปก่อน.....ผิดพลาดบ้างก็ทน ๆ เอา
- รู้นะว่าเก่า แต่มันยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้ไง กำลังพยายามอัพเกรดอยู่ไง 🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀
กับ ---------------------------------------------------------------
2.บริษัท B 🦄 // บริษัท Start Up ที่อยู่ในช่วง Early Stage พัฒนา และวิจัย แต่เป็นระดับม้ามืดที่บริษัทระดับโลกอย่าง บริษัท A ในข้อบนยังต้องจับตามอง แต่ก็ยังพอมีบริษัทระดับโลกอยู่หลายเจ้า ที่เข้ามาร่วมลงทุนด้วย แถมบริษัท B ยังเป็นกิจการชนิดที่ว่า All In งบทั้งหมดใน ควอนตัม คอมพิวเตอร์เลย ถ้าลุยคือเปิดหน้าลุยเต็มที่ แต่ถ้าไม่รอด คือจบเลยทันที
- ซึ่งบริษัท B กำลังพัฒนาควอนตัม คอมพิวเตอร์ ในรูปแบบที่เน้นสุดยอดคุณภาพ (คุณภาพดีกว่า บริษัท A อีก) แต่กลับไม่ได้มีเงินถุงเงินถังสะพัดขนาดนั้น เงินที่ใช้วิจัยก็มาจากการระดมทุน หรือรายได้เล็กน้อย ถ้าอนาคตทำสำเร็จในหลาย ๆ Stage แล้วได้เงินมาเรื่อย ๆ ก็มีแววจะใกล้แตะความสำเร็จเรื่อย ๆ แต่ถ้าสะดุดเมื่อไหร่ ก็จบเห่ได้เลย
//เสมือนว่า บริษัท B พยายามจะสร้างเครื่องบินพลังงานไฟฟ้า ที่ทั้งประหยัด คุณภาพสูง และล้ำอนาคตมาก เพื่อไว้ใช้ขนของอยู่ 10 ลำ......ที่สามารถขนของแบบบินลัดฟ้าไปถึงเป้าหมายได้อย่าง ชิว ๆ สบาย ๆ ไร้ปัญหาใด ๆ รบกวน (เทคโนโลยี ใหม่จัด แต่แบบ.....ใหม่เกิ๊นนนน จะทำได้จริงหรอ)
(นาน น้านนนนนนที อาจมีข้อผิดพลาดจากปัจจัยภายในสักครั้ง โดยโอกาสผิดพลาดน้อยกว่าบริษัท A 10 เท่า)
*วิศัยทัศน์ (ผมประเมินเอง) เหมือนเขาจะเลือกแบบ [Quality First] เน้นคุณภาพ 🦾🤖
คือบริษัท B ไม่มีเงินถุง เงินถัง ไว้ให้ลองอะไรมากมายนั้น แต่ก็มีโปรเจคที่พยายามจะสร้างเครื่องบินพลังงานไฟฟ้าอยู่ ไว้ขนของบนฟ้า ด้วยระบบคำนวณเส้นทาง และประเมินสถาการณ์อัตโนมัติทุกขั้นตอน โดยแทบไม่มีความผิดพลาด โอกาสสำเร็จระดับ 99.99% ในทุกรอบขนส่ง แล้วทุกคนในโลกก็จับตามอง แบบตาเป็นมัน เพราะมันเป็นเทคโลโลยีที่ล้ำแบบสุด ๆ .....แต่ตอนนี้ไอ้เครื่องบินที่ว่านั้น ตอนนี้ยังมีขนาดเท่ามอเตอร์ไซด์อยู่ไง 😅
- รู้แหละว่าเจ๋ง รู้แหละว่าล้ำกว่าเยอะ แต่จะผลิตสำเร็จเร้อออออออ ⌛⌛⌛💸💸💸
---------------------------------------
🏅ถ้าจะประกาศชัยชนะได้ คือ
- บริษัท A ต้องประกาศว่า ตอนนี้เราอัพเกรดรถไฟไอน้ำ ไปเป็นรถไฟพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า ในท่อไฮเปอร์ลูป สุญญากาศ สุดล้ำได้สำเร็จแล้ว !!
(แต่ก็ไกลเป้าหมายแบบสุด ๆ เลย เพราะเทคโนโลยีเครื่องยนต์มันคนละแบบกัน)
- บริษัท B ต้องประกาศว่า ตอนนี้เครื่องบินพลังไฟฟ้าของเรา มีให้บริการต่อรอบขนของถึงรอบละ 100 ลำแล้ว
(แต่ก็ไกลเป้าหมายเหมือนกัน เพราะการเงินก็มีอยู่อย่างจำกัด)
---------------------------------------
ผลตอบแทน
- ถ้าบริษัท A ชนะ ผลตอบแทนก็ขึ้นสูงแหละ แต่คงไม่ได้ขึ้นสูงขนาดจะเปลี่ยนฐานะผู้ลงทุนได้ขนาดนั้น เพราะบริษัท A ก็เป็นผู้นำในวงการอยู่แล้ว ราคาหุ้นสูงอยู่แล้ว กะแค่ "เปิดตัวโปรดักซ์ใหม่ ที่ต่อยอดจากเทคโนโลยีเก่า" อีกสักตัวจะเป็นไรไป
- ถ้าบริษัท B ชนะ ผลตอบแทนจะพุ่งมหาศาล ระดับเปลี่ยนเงินหมื่นเป็นเงินล้าน หรือสิบล้านได้เลย (เพราะเป็นบริษัทต้นน้ำอย่างที่บอก) ราคาตอนนี้ถูก ๆ จิ๋ว ๆ แถมเปิดตัวด้วย "เทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดด้วย แถมสำเร็จก่อนเจ้ายักษ์ใหญ่ อย่างบริษัท A ด้วย" (อาจเหมือนหุ้นของปู่ WB ที่ก็ขึ้นมา 300K% ภายใน 40 ปี ใครลงทุน 100,000 เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ตอนนี้อยู่เฉย ๆ กลายเป็น 300,000,000 เลยแหละ)
- ถ้าบริษัท A แพ้ เลวร้ายสุดก็แค่ หุ้นตก ก็ตกลงเยอะหน่อยแหละ แต่ยังพอมีทอน และลุ้นเติบโตได้ต่อไปอยู่ เพราะผมบอกแล้วว่า บริษัท A เขาทำกิจการอื่นอีกเยอะ เงินถุงเงินถังมหาศาล แค่โปรดักซ์เดียว ที่ออกตลาดไม่ทัน ก็คงไม่เป็นไรหรอก เงินลงทุนของเราก็คงไม่เจ็บมาก
- ถ้าบริษัท B แพ้ เลวร้ายสุดที่คือ อาจล้มหาย ตายจากไปเลย เงินลงทุนของเราอาจได้แค่เศษสตางค์กลับมาโยนหัวก้อนเล่นได้อยู่ เพราะบริษัทอาจไม่ฟื้นอีกเลย
---------------------------------------
จากตัวอย่างนี้ ถ้าต้องเลือกลงทุนที่บริษัทใด บริษัทหนึ่ง เพื่อน ๆ สมาชิก หรือเพื่อน ๆ นักลงทุน จะจิ้มที่บริษัทไหนดี